รู้จักระดับน้ำท่วม ขนาดไหน ที่คุณต้องช่างใจ...เมื่อขับรถ


กลายเป็นกระแสที่ทำให้หลายตื่นตกใจ เกี่ยวกับเรื่องราวของน้ำท่วม ที่วันนี้กำลังจะเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานคร น่าจะภายในวัน 2 วันนี้ และจะเป็นตัววัดว่า เราจะรอดจากเหตุภายน้ำท่วมหรือไม่

ที่ผ่านมาเราได้พูดถึง การขับรถลุยน้ำท่วมกันไปพอสมควรแล้ว และที่ผ่ามาก็มีหลายคนยังดับกลาง กลับมาต่อว่าต่อขานเรา ว่าคำแนะนำไม่สามารถใช้ได้จริง ทว่าเรายินดีน้อมรับคำติชมเหล่านั้น และเมื่อกลับมามองถึงการขับรถลุยน้ำท่วม ตามที่เคยเสนอไปก่อนหน้านี้ เราจึงอยากจะพาเพื่อนๆไปรู้จักการประเมินระดับน้ำ ที่ถือว่ามีส่วนสำคัญที่สุดในการขับรถลุยน้ำท่วม

ขับรถลุยน้ำท่วม

การเประเมินระดับน้ำท่วมนั้น นับว่า มีส่วนสำคัญมาก อาจจะเป็นเพียงทางเลือกระหว่างไปหรือไม่ ในเส้นทางดังกล่าว ซึ่งการสังเกตระดับน้ำนั้น ให้ใช้จุดอ้างอิงต่างๆที่เราสามารถสังเกตุได้ เช่น รถยนต์ที่สวนทางมา เสาไฟฟ้า ต้นไม้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ถือว่าเป็นตัวชี้วัดได้อย่างดี และคุณควรตัดสินใจให้ดีก่อนทำการลงน้ำ

ขับรถลุยน้ำท่วม

1. ระดับน้ำ 5-10 เซนติเมตร ระดับน้ำนี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น และไม่สามารถส่งผลต่อการเดินทางของรถ และระดับน้ำระดับนี้มักเจอเป็นประจำเมื่อพบน้ำท่วมขังในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งระดับนี้ เป็นระดับที่ปลอดภัย สามารถผ่านได้ ทั้งรถเก๋งและรถกระบะ ไร้ปัญหา

2. ระดับน้ำ 10 - 20 เซนติเมตร ในกรณีเราเจอน้ำท่วมขังในพื้นที่มากในระดับน้ำประมาณครึ่งฟุตนี้ ถือว่ายังไม่สามารถทำอะไรรถยนต์ได้ ยังสามารถผ่านไปได้ตามปกติ ทั้งรถเก๋งและรถกระบะ โดยในส่วนของรถเก๋ง อาจจะมีปัญหาเล็ก เพราะคุณอาจจะได้ยินเสียงน้ำนั้น กระเพื่อมอยู่ที่ใต้ท้องรถบ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญสามารถเดินเครื่องไปต่อได้เรื่อยๆ และในกรณีขับรถส่วนกันก็อาจจะมีคลื่นที่สูงบ้าง แต่ไม่มากมายนัก ตรงนี้ยังปลอดภัย

3.ระดับน้ำ 20 -40 เซนติเมตร ตรงนี้รถเก๋งอาจจะเริ่มมีปัญหา เรานี่คือระดับขอบประตูรถเก๋งเกือบแทบทุกรุ่นในปัจจุบันที่มีระยะสูงจากพื้น 150-170 ม.ม. เท่านั้น ระดับที่ท่วม 3 ใน 4 ของล้อรถนั้น ส่งผลให้ท่อไอเสียนั้นจะจมนั้นอยู่เกือบตลอดเวลา แต่ก็ยังพอไปได้ถ้าทางนั้นไม่ยาวมากนัก แต่ถือว่าเริ่มเสี่ยงมาก อาจจะมีได้พรมแฉะกันบ้างล่ะ โดยเฉพาะรถกลุ่มซิตี้คาร์ ส่วนรถกระบะทั่วไปสามารถผ่านได้ ยกสูง ขับ 4 ยังสบายใจได้ยู่

4.ระดับน้ำ 40 -60 เซนติเมตร ระดับนั้นประมาณ 2 ฟุตนั้น ถือเป็นอันตรายสำหรับรถเก๋ง ทุกรุ่นทุกประเภท ไม่สมควรผ่านอย่างยิ่งหาทางเลี่ยงนับว่าจะเป็นวิธีการที่ดีสุดครับ ในระดับเดียวกันนี้ รถปิกอัพทั่วไปนั้น ก็เริ่มมีลุ้นพอสมควร แตุ้าเดินเครื่องไปเรื่อยๆ ยังสามารถ เพียงแค่ต้องระวังเรื่องของคลื่นน้ำ ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน และอาจะเข้าเครื่องได้ ระดับน้ำขนาดนี้ต้องปิดระบบปรับอากาศขับเท่านั้น ส่วน รถกระบะยกสูงทั่วไปนั้นสามารถผ่านได้ ไม่มีปัญหา แต่ก้ต้องระวังเรื่องคลื่นเช่นกัน

ขับรถลุยน้ำท่วม

5.ระดับน้ำ 60-80 เซนติเมตร ระดับน้ำขนาดนี้เป็นเรื่องอันตรายกับรถทุกประเภท ไม่เว้นกระทั่งรถใหญ่ทั้งหลาย เพราะน้ำนั้นอาจจะมีสิทธิไหลเข้ากรองอากาศได้ง่ายกว่า ยิ่งเจอคลื่นนั้นอาจจะสุงถึงระดับ 1 เมตร ที่สามารถทำให้เครื่องยนต์หยุดชะงักและสร้างความเสียหายต่อระบบต่างๆได้ การลุยน้ำท่วมระดับนี้ ต้องใช้ความชำนาญการเป็นพิเศษพอตัว ที่สำคัญ พยายามอย่าปะทะคลื่นโดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงเครื่องดับกลางอากาศ และอย่าใช้ความเร้วสุงนัก

6 ระดับน้ำสูงเกินกว่า 80 เซนติเมตร รดับน้ำที่มากที่สุดที่รถเดิมๆจากโรงงานจะสามารถผ่านได้และก็ไม่ใช่ทุกรุ่นเสียด้วย ตามปกติ ระดับน้ำ 80 ซ.ม. นั้นหมายถึงน้ำขึ้นถึงฝากระโปรง ท่วมไฟหน้ามิดสิ่งสำคัญคือปิดระบบไฟต่างๆ เพื่อป้องกันการลัดวงจรเดินเครื่องอย่างต่อเนื่องอย่าหยุด แต่ถ้าอยากให้ปลอดภัย น้ำระดับนี้ ควรมากับรถลุยที่มีการปรับแต่งยกสูงจากปกติประมาณ 2-4 นิ้ว จะมั่นใจกว่า

ทั้งนี้อย่างที่บอกไปในเบื้องต้นว่าการประเมินระดับน้ำนั้นต้องอาศัยสิ่งที่ช่วยอ้างอิง และที่สำคัญ ต้องรู้จักรถเราอย่างดี ว่าระดับไหนที่ปลอดภัย อย่าฝืน มิฉะนั้น อาจจะตายกลางทางได้




0 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม