Renault-Samsung SM7 : ส่วนผสมนิสสัน-เรโนลต์เพื่อตลาดเกาหลี

เมื่อพูดถึงรถ ยนต์เกาหลี คนส่วนใหญ่จะนึกถึงเพียงไม่กี่ยี่ห้อ โดยนอกจากชื่อที่อยู่ในอันดับต้นๆ อย่างฮุนไดและเกียแล้ว แบรนด์ที่จะนึกถึงตามมาคือ แดวู (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นเชฟโรเลตแล้ว) และก็ซังยอง แต่คงลืมไปแล้วว่ายังมีบริษัทรถยนต์อีกแห่งหนึ่งที่รุกตลาดเกาหลีใต้มาอย่าง ต่อเนื่องและยาวนาน บริษัทที่ว่าคือ เรโนลต์ ซัมซุง ซึ่งบุกตลาดมาตั้งแต่ปี 1998 และมีรถยนต์หลากหลายรุ่นวางจำหน่าย โดยในตอนนี้เรโนลต์ ซัมซุงเพิ่งเปิดตัวรถยนต์หรูระดับไฮเอนด์รุ่นใหม่ออกมาในชื่อ SM7 แต่ไม่ได้เล่นง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อน เพราะมีการลงทุนพัฒนาขึ้นมาเอง โดยใช้พื้นฐานของนิสสัน เทียนารุ่นปัจจุบันเป็นแม่แบบ

เกริ่นกันเล็ก น้อยสำหรับเรื่องราวของบริษัทแห่งนี้สำหรับบางคนอาจจะยังไม่ทราบ โดยตัวบริษัทถูกก่อตั้งในปี 1994 ภายใต้ชื่อซัมซุง มอเตอร์ เพื่อหวังผลในเรื่องของการผลิตรถยนต์ขายในเกาหลีใต้ แต่ทว่าหลังจากเริ่มขายรถยนต์ในปี 1998 ก็มาประสบปัญหาล้มละลายเสียก่อนอันเนื่องมาจากพิษต้มยำกุ้ง และทำให้เรโนลต์เข้าซื้อกิจการในปี 2000 โดยลงทุน 512 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 15,360 ล้านบาทในการซื้อหุ้นจำนวน 70% มาครอง และบริหารด้วยการนำรถยนต์ของเรโนลต์และนิสสัน มารีแบรนด์ขายในเกาหลีใต้ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่แบบไม่ต้องลงทุนมากนัก กลับมาที่ SM7 รุ่นใหม่กันก่อน ซึ่งที่บอกว่าคราวนี้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมาก็เพราะว่า ตามปกติแล้วรถยนต์ที่แปะตราซัมซุงจะเป็นผลผลิตที่ยกชุดมาจากบริษัทพันธมิตร ของเรโนลต์อย่างนิสสันทั้งคัน แล้วก็มีการแต่งหน้าทาปากนิดหน่อยเพื่อให้เกิดความแตกต่าง แต่สำหรับในรุ่น SM7 ใหม่นี้ แม้ว่าจะอาศัยพื้นฐานทางวิศวกรรมและโครงสร้างตัวถังหลักของเทียนารุ่น ปัจจุบันในรหัส J32 แต่ทางเรโนลต์ ซัมซุงก็ทุ่มทุนในการออกแบบตัวถังด้านหน้าและหลังใหม่หมด จนแทบจะเป็นรถยนต์คนละคันเลยทีเดียว

โปรเจกต์นี้มา พร้อมกับแนวคิดที่เรียกว่า "Ultimate motoring experience" เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ให้กับลูกค้าที่กำลังสนใจรถยนต์ที่ถือ เป็นเรือธงหรือ Flagship ของค่ายนี้ โดยทางเรโนลต์ ซัมซุงลงทุนไปจำนวน 270 ล้านยูโร หรือ 12,100 ล้านบาทและใช้เวลาอีก 32 เดือนในการทำงานครั้งนี้ ส่วนภายในห้องโดยสารมีการอัพเกรดให้เหนือระดับ และเท่าที่ดูจากภาพมีความแตกต่างจากห้องโดยสารของเทียนา J32 แต่มีส่วนคล้ายกับรถยนต์ที่เป็นพี่น้องกันแต่ขายอยู่ในยุโรปอย่างเรโนลต์ ลาติจูด โดยมีความเป็นไปได้ว่าทางเรโนลต์ ซัมซุงนำชุดมาตรวัดและแผงหน้าปัด รวมถึงแผงคอนโซลกลางของลาติจูดมาใช้กับ SM7 ใหม่ พร้อมกับตกแต่งใหม่เพื่อให้สัมผัสถึงความหรูหราอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการขับเคลื่อน SM7 ก็ยังต้องพึ่งพิงเครื่องยนต์ของนิสสัน โดยใช้ในรุ่นเล็กสุดเป็นขุมพลังวี6 2500 ซีซี 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 24.7 กก.-ม. ส่วนอีกรุ่นเป็นความจุ 3500 ซีซี มีกำลังสูงสุด 258 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 33.5 กก.-ม. สำหรับคนที่สนใจคงบอกได้คำเดียวว่าเสียใจด้วย เพราะรถยนต์รุ่นนี้ผลิตมาเพื่อขายในตลาดเกาหลีใต้เป็นหลัก แต่ใครที่อยากคิดจะลองเอาเทียนาของตัวเองมาแต่งให้คล้ายกันก็คงจะทำได้ไม่ ยาก ด้วยการหาอะไหล่ตัวถังมาใส่แทน ส่วนราคาขายของ SM7 ในเกาหลีใต้ตั้งเอาไว้ที่ 30 ล้านวอน หรือคิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 876,000 บาท ซึ่งจะเริ่มขายในแดนกิมจิปลายเดือนนี้

iPhone 5 ออกวางตลาดแล้ว แต่....

Made in China...

เจมส์ บอนด์!! Aston Martin Zagato V12 รุ่นใหม่ 510 แรงม้า

Aston Martin Zagato V12 จะปรากฏในเดือนกันยายนที่ อินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ที่แฟรงค์เฟิร์ต โชว์พลังของเครื่องยนต์ V12 ด้วมขุมพลังขนาด 6.0 ลิตร 510 แรงม้า ทำให้ Aston Martin Zagato V12 เป็นดาวเด่นอีกดวงทีจะโชว์ในงานที่แฟรงค์เฟิร์ต

สำหรับ Aston Martin Zagato V12 เปิดตัวด้วยสีเขียวเข้ม โดยในปี 2012 จะถูกผลิตออกมาเพียง 150 คัน ส่วนราคาก็ตีเป็นเงินไทย บวกภาษีนำเข้าเรียบร้อยราวๆ 49.5 ล้านบาท

Honda Civic 2012 Hatch ...คอมแพ็ครุ่นใหม่ที่มาพร้อมความพิถีพิถัน

อาจจะเปิดตัวกันไปอย่างเป็นทางการแล้วกับ Honda civic 2012 รถรุ่นใหม่ที่มีแผนเข้ามาตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ชื่อนชอบจิตวิญญาณความสปอร์ตอีกครั้ง ที่เราเองก็ยังไม่แน่ใจว่าตกลงจะเป็นช่วงปลายปีอย่างที่กล่าวหรือไม่ ทว่าที่ยุโรป Honda ก็กำลังตั้งหน้าตั้งตาพัฒนา Honda Civic Hatchback ที่ใกล้จะพร้อมแล้ว

ก่อนหน้านี้ Honda Channel ในเว็บไซต์ Youtube ได้มีการเปิดเผยความเคลื่อนไหวของ Honda Civic 2012 Hatchback ผ่านวีดีโอที่ล่าสุดค่ายรถยนต์รายนี้ก้มีการเปิดเผยอีกครั้ง โดยครั้งนี้พูดถึงความพิถีพิถันในการออกแบบรถยนต์รุ่นนี้ รวมถึงการเน้นหนักให้ห้องโดยสารเงียบรถรุ่นก่อนๆที่ผ่านมา

Honda Civic Hatchback นั้นถือเป็นหนึ่งในรถที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อรถตระกูล Civic นั้นจะมีการเปิดโฉม 5 ประตูเพื่อต่อสู้กับคู่แข่ง ซึ่งเป็นที่นิยมในตลาดรถยนต์ยุโรป แม้จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกระแสข่าวการเปิดตัวออกมาแต่เชื่อว่าอาจจะมีการแนะนำในงาน Frankfurt auto show ที่จะถึงในอีกไม่สัปดาห์ข้างหน้า

Sanook! Auto Comment >> Honda Civic Hatchback นั้น ถือเป็นความพยายามอีกครั้งของ Honda ในขยายตลาดของกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะเมื่อรถแบบนี้เป็นที่นิยมในยุโรป การมาของรถรุ่นนี้จะสวยงามมากน้อยเพียงไหนคงต้องติดตามกันต่อไป

GM ผนึก LG ลุยตลาด EV

General Motor ลงนามกับ LG ร่วมต่อยอดพัฒนารถไฟฟ้า มั่นใจสร้างวัฒนธรรมไร้ไอเสียพร้อเป้าประหยัด 23.2 กิโลเมตรต่อลิตร

บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส จำกัด และ แอล จี กรุ๊ป ผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ได้ร่วมลงนามในการนำความเชี่ยวชาญด้านการผลิตแบตเตอรี่และระบบอื่นๆ ของแอลจีมาพัฒนาและเพิ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นต่างๆให้เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ทางแอลจีเองก็จะได้โอกาสขยายไลน์ธุรกิจในด้านการเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านยานยนต์เช่นเดียวกัน

Opel Ampera

นาย สตีฟ เกิร์สกี้ รองประธานบริษัท เจนเนอร์รัล มอเตอร์ จำกัด หรือ GM กล่าวว่า ความต้องการที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ หากเราร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้บริโภคก็จะได้รับประโยชน์จากการได้ใช้เทคโนโลยีประหยัดน้ำมันใหม่ล่าสุดเร็วขึ้น ทั้งยังประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในกระบวนการการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวด้วย

"ความสำเร็จของระบบขับเคลื่อนที่สามารถใช้งานได้เป็นระยะทางไกลมากขึ้นใน Chevrolet Volt และ Opel Ampera ได้นำไปสู่การแสวงหาความร่วมมือมากขึ้น ซึ่งทั้งจีเอ็ม และแอลจี จะร่วมมือกันพัฒนาในส่วนขององค์ประกอบหลักของรถ รวมไปถึงโครงสร้างและสถาปัตยกรรมยานยนต์ โดยรถที่เกิดจากความร่วมมือในการพัฒนาโดยทั้งสองบริษัทนี้จะออกจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก

ด้านนายจูโน โช ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการแอลจีคอร์ป กล่าวว่า นี่คือกลยุทธ์การพัฒนาของแอลจี และเราพร้อมอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนและเดินไปพร้อมกับจีเอ็มในการเป็นที่จะเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์อันดีของจีเอ็ม และแอลจีนั้น เริ่มต้นจากที่ แอลจีได้เป็นผู้ผลิตเซลล์แบตเตอรี่ให้กับ เชฟโรเลต โวลต์ และโอเปิล แอมเพอรา นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนา Chevrolet cruze EV เพื่อมอบให้แก่คณะกรรมการประชุมสุดยอด จี 20 ณ กรุงโซล ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทดสอบตลาดเพื่อเรียนรู้ทางด้านของขีดข้อจำกัดและสมรรถนะอีกด้วย

Chevrolet Volt

อย่างไรก็ดี ล่าสุด หลายประเทศทั่วโลกได้ประกาศข้อกำหนดของอัตราการปล่อยมลภาวะ และอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานเชื้อเพลิงที่เข้มงวดรวมไปถึงข้อตกลงล่าสุดเกี่ยวกรอบแนวคิดค่าเฉลี่ยอัตราการบริโภคน้ำมัน (CAFE) ในสหรัฐฯ ซึ่งกำหนดอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานของยานยนต์ที่ผลิตในช่วงสิ้นปี 2568 ให้ลดลงเหลือ 54.5 ไมล์ต่อแกลลอน (หรือ 23.2 กิโลเมตรต่อลิตร) โดยคาดการณ์กันว่า ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยมลพิษและไม่พึ่งพาการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจะมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

Volkswagen UP! ...ซิตี้คาร์น้องใหม่จากค่ายยุโรป

ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าหันไปทางไหนก็เจอแต่รถซอตี้คาร์ ยิ่งเมื่อไม่นานมานี้การออกมาเปิดเผยว่าอีกไม่เกิน 2 ปีข้างหน้ารถ 6 ในจำนวน 10 คันที่วิ่งบนถนนจะเป็นรถขนาดเล็ก ยิ่งทำให้ค่ายรถพยายามเดินหน้าเต็มสูบเข้ามาแบ่งตลาดรถยนต์กลุ่มนี้ที่ล่าสุดก็เป็นของอีกหนึ่งค่ายเยอัมันที่ตีตื้นขึ้นมา และหวังว่าอีกไม่ช้าจะผงาดเป็นเบอร์ 1 ของโลก

ข่าวคราวของซิตี้คาร์จากค่าย Volkswagen นั้นดูจะมีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเจ้าตำนานอย่าง Volkswagen golf หนึ่งในรถต้นตำหรับซิตี้คาร์ ที่วันนี้ Volkswagen ก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของ Volkswagen up! รถเล็กหน้าใหม่ที่กำลังจะวางตลาดในอีกไม่นานนี้

Volkswagen up ! นั้นเคยเผยโฉมครั้งแรกเมื่อปี 2007 ที่งาน Frankfurt auto show ก่อนที่จะเงียบๆหายกันไป แต่การเผยใบหน้าครั้งนี้ ตัวรถนั้นมาพร้อมรูปแบบรถ 3 ประตู พร้อมการออกแบบที่ล้ำสมัยหน้าสั้น ฐานล้อยาว ขนาด 2.42 เมตร ส่วนตัวรถยาว 3.54 เมตร กว้าง 1.64 เมตร และสูง 1.48 เมตร ที่มันคือ A-segment city car อย่างชัดเจน

เส้นสายรอบคันเน้นหนัการให้ความมีพลังกับรถมีพลวัตที่สอดคล้องหนึ่งเดียวตั้งแต่ใบหน้าจรดบั้นท้าย ให้บุคลิกออกแนวสปอร์ตเล็กๆคล้ายรุ่นพี่ ที่ยังดูทันสมัยขึ้นจรดบั้นท้าย ที่อาจจะดูเหมือนทรงกล่อง แต่ก็แปลกตาดีด้วยสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

ในขณะที่ห้องโดยสาร Volkswagen up! เน้นหนักภายใต้การขับขี่ที่สนุกสนาน ดีไซน์ที่ดูใช้งานง่ายและสะอาดพร้อมนำหลัก สัจจะวัสดุตามสมัยนิยมมาผสมผสาน พร้อมจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆได้อย่างลงตัว มีระบบ Portable Infotainment Device (PID) ให้ได้สนุกสนานที่ยังมีระบบนำทางในตัว ทำงานง่ายด้วยชุดจอทัชสกรีน

ด้านสมรรถนะการขับขี่ด้วยความเป็นรถคนเมืองทำให้ Volkswagen ตั้งใจในความประหยัดที่ต้องการจะใส่เครื่องยนต์ทรงพลังและประหยัดน้ำมัน ที่เคาะแล้วลงตัวกับเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร มี 2 เวอร์ชั่นให้เลือก ระหว่าง 52 แรงม้า และถ้าขับสนุกหน่อยก็ 74 แรงม้า พร้อมเทคโนโลยี Blue motion ควบระบบ Start-Stop Technology เคลมอัตราประหยัดที่ 4.2 ลิตร / 100 กิโลเมตร หรือประมาณ 24 กิโลเมตรต่อลิตร ปล่อยไอเสียเพียง 100 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น

ไม่เพียงแค่เครื่องยนต์เบนซินทั่วไปเท่านั้นแต่ Volkswagen ยังมองถึงเครื่องยนต์พลังงานทางเลือกอย่าง Gas ที่พร้อมจัดจากโรงงานด้วยพละกำลังที่ไม่ด้อยกว่ารถเวอร์ชั่นน้ำมันพก 67 แรงม้า แต่ปล่อยไอเสียน้อยกว่า เพียง 86 กรัมต่อกิโลเมตร และยังเผยอีกว่าอาจจะมีเวอร์ชั่นไฟฟ้าตามออกมาในอีก 2 ปี ข้างหน้าด้วย

อย่างไรก็ดีสิ่งที่น่าสนใจใน Volkswagen UP! นั้น อยู่ที่เทคโนโลยี City Emergency Brake ที่จะทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อขับไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อระบบเลเซอร์ตรวจพบความเสี่ยงในการชนจะทำการชะลอความเร็วรถเองเพื่อหลีกเลี่ยงการชน ซึ่ง Volkswagen UP! เป็นรถรุ่นเดียวในกลุ่มขณะนี้ที่มีเทคโนโลยีดังกล่าว

ทั้งนี้ Volkswagen วางแผนที่จะเริ่มวางจำหน่ายรถรุ่นดังกล่าวในช่วงเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยมั่นใจว่ารถรุ่นนี้จะเป็นรถที่ทุกคนสามารถซื้อหาเป็นเจ้าของได้ ส่วนราคายังไม่มีการเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ

Sanook! Auto Comment >> Volkswagen Up! ไม่ได้เกี่ยวกับการ์ตูนแอนิเมชั่นแน่ๆ แต่รถคันนี้เน้นการให้ความสนุกสนานและการขับขี่ที่มั่นใจได้ เน้นหนักชีวิตคนเมือง ที่รถติดถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งบ้านเราอาจจะสนใจเวอร์ชั่นแก๊สธรรมชาติ ที่ถือเป็นหนึ่งเดียวจากค่ายรถยุโรป