สารพันปัญหาผิว...สาวออฟฟิศ



ท่าม กลางความสะดวกสบายในสำนักงาน สาวออฟฟิศหลายคนอาจมองข้ามปัญหาผิวพรรณที่มากับอุปกรณ์สำนักงาน เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องถ่ายเอกสาร หลอดไฟ ซึ่งมีผลกระทบต่อผิวพรรณความสวยความงามได้เหมือนกัน

โดยทั่วไปเครื่องใช้ในสำนักงานจะได้รับการออกแบบ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามเครื่องใช้บางชนิดสามารถปลดปล่อยรังสี UVA ออกมาได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดกระ-ฝ้าที่เราคาดไม่ถึง เราจึงควรป้องกันตัวเองและใช้งานเครื่องใช้เหล่านี้อย่างระมัดระวัง

1. รังสีจากเครื่องถ่ายเอกสาร

พนักงานที่ทำงานใกล้ชิดกับเครื่องถ่ายเอกสารตลอดทั้งวัน อาจได้รับแสงยูวีที่ปล่อยออกมาจากหลอดไฟพลังงานสูง ผนวกกับความร้อนจากเครื่องถ่ายเอกสารเสี่ยงต่อการเกิดกระฝ้าได้ รวมทั้งแสงวาบที่เข้าตาก็อาจทำให้ปวดตาและปวดศีรษะได้

การป้องกัน ควรปิดฝาครอบเครื่องถ่ายเอกสารให้สนิททุกครั้งที่ถ่ายเอกสาร นอกจากนี้ไอน้ำหมึกที่ระเหยออกมาก็ทำให้เกิดอาการเวียนหัวได้ ดังนั้นจึงไม่ควรตั้งเครื่องถ่ายเอกสารไว้ในที่ๆ ไม่มีอากาศถ่ายเท หรือควรแยกห้องเฉพาะ ซึ่งมีการระบายอากาศที่เหมาะสมและติดตั้งพัดลมดูดอากาศ

2. แสงจากหลอดไฟอ่านหนังสือ

หลอดไส้ (หลอดทังสเตน) เป็นหลอดไฟที่ปลอดภัยจากรังสียูวีแต่จะให้ความร้อนสูงพอควร เราไม่ควรอยู่ใกล้หลอดไฟเกินไปเวลาใช้งาน เพราะหลอดไฟทำให้เกิดความร้อนกับหน้าได้มาก ต้นเหตุของความร้อนคือ รังสีอินฟราเรด ซึ่งมีส่วนในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเมลานิน และอาจทำให้หน้าเกิดกระได้ แม้ว่าหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ก็ถือว่าเป็นหลอดไฟที่ปลอดภัย เพราะปลดปล่อยรังสียูวีเอ ซึ่งเป็นสาเหตุของกระฝ้าออกมาในระดับที่ปลอดภัย แต่ไม่ควรเข้าไปใกล้มากกว่า 100 ซม.

การป้องกัน ไม่ควรอยู่ในบริเวณที่มีหลอดไฟเหล่านี้เป็นเวลานาน เช่น บริเวณหน้าตู้โฆษณา ตู้โชว์สินค้า โต๊ะเขียนแบบ วิธีการใช้หลอดไฟเพื่อให้ความสว่างอย่างปลอดภัย ในการอ่านหนังสือหรือทำงานดึก คือให้ส่องไฟไปที่ผนังสีขาว แล้วให้แสงไฟสะท้อนกลับมาเป็นแสงทุติยภูมิ แสงจะนวลตาและช่วยถนอมสายตา รวมถึงลดความร้อนจากการสัมผัสผิวหน้า ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระได้ นอกจากนี้ควรปรับความเข้มแสงให้เหมาะสมกับงาน เช่น งานเขียนหนังสือควรติดตั้งให้แสงมีความสว่างประมาณ 100-200 ลักซ์ สำนักงานควรมีความสว่างประมาณ 500-1000 ลักซ์

3. แสงจากหลอดไฟเมทัลเฮไลด์ (Metal Halide Lamp)

หลอดไฟส่องสินค้า ไฟประดับ ไฟเวที รวมไปถึงหลอดไฟในอุปกรณ์ไฮเทค เช่น เครื่องฉายแผ่นใส เครื่องฉายแอลซีดี ส่วนใหญ่ทำมาจากหลอดไฟฮาโลเจนหรือหลอดไฟ Metal Halide สำหรับหลอดฮาโลเจนการปลดปล่อยรังสียูวีจะอยู่ในระดับที่ปลอดภัย แต่สำหรับหลอดแบบเมทัลเฮไลด์การปล่อยรังสียูวีเอจะค่อนข้างเข้มข้น

การป้องกัน การทำงานที่อยู่ในแนวของแสงที่มาจากหลอดไฟชนิดนี้ เป็นเวลานานมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดกระฝ้าได้ ถ้าไม่แน่ใจว่าตัวอุปกรณ์ต่าง ๆ ใช้หลอดไฟแบบไหน กฎง่าย ๆ คือสาวออฟฟิศควรหลีกเลี่ยงการทำงานใกล้กับแหล่งกำเนิดแสง ที่มีความสว่างมาก ๆ เป็นเวลานาน

4. การแผ่รังสีจากคอมพิวเตอร์

โดยทั่วไปผู้ผลิตสินค้าจะควบคุมคุณภาพสินค้า ให้มีการปลดปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาในระดับที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทางด้านข้างและด้านหลังจอคอมพิวเตอร์ จะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมามากกว่าทางด้านหน้าจอ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการนั่งทำงานทางด้านข้าง และด้านหลังจอภาพคอมพิวเตอร์

การป้องกัน ควรนั่งห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 14-24 นิ้ว และห่างด้านข้างและด้านหลังจอมากกว่า 24 นิ้ว หรือเปลี่ยนมาใช้จอแบนแบบแอลซีดีแทน

5. ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ

สาว ๆ ที่ต้องอยู่ในสำนักงานเย็นฉ่ำเป็นประจำ อาจประสบปัญหาผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นได้ สำหรับคนที่ผิวแห้งอยู่แล้ว เพราะไขมันใต้ผิวหนังมีน้อย จะยิ่งสูญเสียน้ำออกไปมากกว่าคนผิวมันที่มีไขมันใต้ผิวหนัง ในภาวะผิวแห้งจะปรากฏลักษณะเป็นเส้นเล็กบนผิวชั้นบนสุดจากการขาดน้ำ และเป็นริ้วรอยชนิดรอยย่นแบบตื้น มักปรากฏบริเวณผิวอ่อนรอบดวงตาหรือข้างแก้ม

การป้องกัน ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์หรือดื่มน้ำสะอาดบ่อย ๆ และควรระวังเชื้อรา ที่จะเกิดขึ้นและฟุ้งกระจายอยู่ในห้องจากเครื่องปรับอากาศ ที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดหรือไม่มีระบบระบายอากาศที่เหมาะสมด้วย

















ที่มา ... สุขกายสบายใจ

เทคนิคการจัดห้องหอ เสริมดวงความรักยืนยาว



ที่โบราณได้กล่าวเอาไว้ว่า ‘ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ต้องตามใจผู้นอน‘ นั้น ยังคงเป็นความจริงที่เชื่อถือได้มาตราบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ เพราะแท้จริงแล้ว บ้านก็คือสถานที่แห่งการพักพิง คือที่ที่เราหวังว่าเมื่อเข้าไปอยู่แล้วจะมีความสุข มีความสบายใจ ซึ่งการเลือกบ้าน หรือห้องหอที่ดีนั้น ควรจะพิจารณาจากสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ คือ ห้องแห่งความมั่นคง

ถ้าเลือกห้องที่อยู่ตำแหน่งกลางตัวอาคารได้จะเป็นมงคล ในด้านความมั่นคงต่อเรื่องเงินทอง อาชีพการงานและสภาพความเป็นอยู่

ห้องมงคลคืออะไร?

ห้องมงคลคือห้องที่อยู่อาศัยแล้วจะมีแต่ความสุข ความเจริญยิ่งขึ้น คือห้องที่หันหน้า ออกไปทางด้านหน้าอาคาร ประตูของห้องตั้งอยู่ในแนวทางเดียวกับประตูทางเข้าอาคารนั่นเอง

ห้องอับโชคเป็นแบบไหน?

หลายท่านชอบเลือกห้องมุมซึ่งดูสงบและเป็นส่วน ตัว ไม่มีผู้คนเดินผ่านหน้าห้องมากมายให้รำคาญใจ แต่ที่แท้แล้วห้องมุมสุดของช่องทางเดิน เป็นห้องที่มิได้ให้โชคลาภใดๆ เลย เมื่อเข้าอยู่อาศัยแล้วจะมีแต่อุปสรรค และอาภัพโชคร่ำไป (หากมีช่องหน้าต่างใหญ่ๆ อยู่ที่ผนังสุดทางเดิน ก็พอช่วยบรรเทาอุปสรรคได้ แต่ก็ยังไม่ดีนัก)

ลักษณะห้องอับโชค

- ประตูห้องไม่ควรอยู่ตรงกันพอดีกับห้องฝั่งตรงข้าม

- อย่าเลือกห้องที่อยู่มุมสุดทางเดิน

- เปิดประตูเข้าไปไม่ควรเห็นห้องน้ำอยู่ทางหน้าห้อง

- ห้องครัวหรือเคาน์เตอร์ทำครัว ไม่ควรอยู่ค่อนมาทางด้านหน้าห้อง

- ประตูห้องน้ำชนประตูห้องนอน หรือปลายเตียงถือว่าไม่ดี

- ที่ตั้งเครื่องเตาและกระทะ ไม่ควรอยู่ใกล้กับก๊อกน้ำ

- ห้องนอนไม่มีหน้าต่างไม่ได้

- มุมทำครัวไม่ควรอยู่หน้าห้องน้ำ

- หลีกเลี่ยงห้องที่อยู่ใต้แทงก์น้ำขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนของห้องนั้น

- เปิดประตูห้องเข้าไปไม่ควรเห็นเตียงตั้งโดดเด่น ให้หาม่านหรือตู้มาตั้งบังตาเสีย



เพียงคุณรู้หลักในการเลือกห้องสำหรับอยู่อาศัยเท่านี้คุณก็จะได้ห้องที่น่าอยู่และเป็นมงคลแก่ชีวิตของคุณแล้วล่ะค่ะ

















ที่มา ... horolive.com

เซ็กซ์ในออฟฟิศ และบทรักบนเก้าอี้ทำงาน

เซ็กซ์ในออฟฟิศ และบทรักบนเก้าอี้ทำงาน รูปที่ 1

เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่า สถานที่ที่ไม่ควรมีเซ็กซ์กลับเป็นที่ที่ให้ความตื่นเต้นกับคู่รักได้อย่างไม่น่าเชื่อ!! สวนสาธารณะ ในโรงหนัง ในลิฟต์ สระว่ายน้ำ ห้องลองเสื้อผ้า หรืออีกหลายๆ ที่ ที่คุณนึกได้ แต่ยังมีอีกที่หนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้ที่อื่นๆ นั่นก็คือ ที่ทำงาน แค่คิดก็ตื่นเต้นจะแย่แล้วใช่ไหมล่ะ เพราะนอกจากคุณจะได้ลุ้นว่าใครจะมาเห็นคุณเล่นจ้ำจี้อย่างมีความสุขอยู่หรือ เปล่า คุณยังจะได้ลุ้นอีกด้วยว่ากิจกรรมนั้นจะมีผลต่อหน้าที่การงานหรือเปล่า แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เพราฉะนั้นเรามาดูวิธีเล่นรักในออฟฟิศอย่างไรไม่ให้ถูกจับได้กันดีกว่า

ขั้นตอนที่ 1
เลือกสถานที่ที่เป็นส่วนตัวสำหรับแสดงบทรักอันเร่าร้อนต่อกัน นั่นก็คือที่ที่มีคนเดินผ่านน้อยหรือเลือกที่ที่ไม่มีใครคิดจะเดินมาเลยจะดีที่สุด จะเป็นห้องเก็บของที่อยู่ไกลๆ ห้องที่ไม่มีคนใช้ หรือบันไดหนีไฟที่ไม่ค่อยมีคนใช้ก็เป็นทางเลือกที่ใช้ได้

ขั้นตอนที่ 2
ปิด แล้วก็ล็อกประตูและหน้าต่างทุกบาน เพื่อความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ เพราะคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ถ้ามีคนมาเห็นภารกิจลับปฏิบัติการรักของคุณ ซึ่งอาจจะทำให้หน้าที่การงานของคุณสั่นคลอนได้ หากถูกจับได้ว่ามีเซ็กซ์ในออฟฟิศ

ขั้นตอนที่ 3
ตรวจตราดูสิว่าในห้องที่คุณเลือกใช้มีกล้องวงจรปิดไหม เพราะโดยส่วนใหญ่บริษัทที่ได้มาตรฐานมักจะติดกล้องไว้เพื่อป้องกันทรัพย์สิน เพราะฉะนั้นคุณต้องแน่ใจว่าไม่มีกล้องในห้องก่อนที่จะมีเซ็กซ์ และถ้าคุณเจอมันก็แค่หาอะไรปิดเลนส์ซะหรือไม่ก็ปิดสวิตท์เลยก็ได้

ขั้นตอนที่ 4
มีเซ็กซ์หลังชั่วโมงการทำงานหมดลง คุณจะลดโอกาสการถูกจับได้ว่าแอบเล่นเสียวกับแฟนสาวในออฟฟิศ ถ้าคุณรอจนกระทั่งเพื่อนร่วมงานกลับบ้านก่อนที่จะเริ่มต้นเปลื้องผ้ากันและกัน

ขั้นตอนที่ 5
สำรวจสถานที่รอบๆ ออฟฟิศไว้บ้าง คุณจะได้มีหลายๆ ทางเลือก เช่น ห้องใต้ดิน ชั้นดาดฟ้าของตึก หรือในรถของคุณซึ่งจอดไว้ในลานจอดรถ ที่สำคัญช้อยส์ของคุณต้องอยู่ไม่ไกลเกินไป เป็นส่วนตัวและคุณสามารถกลับมาทำงานได้ค่อนข้างรวดเร็ว

แต่วิธีที่ดีที่สุดที่คุณจะไม่ถูกจับได้ว่ามีเซ็กซ์ในออฟฟิศ คือ ไม่มีเซ็กซ์ในออฟฟิศ!!! ไม่ได้กวนประสาท แต่มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหมล่ะ? แต่ถ้าคุณรอจนถึงเวลาเลิกงานไม่ไหว การใช้มือช่วยเหลือกันก็เป็นวิธีที่ดี หรือจะเปิดห้องที่โรงแรมระหว่างพักเที่ยงก็ได้ และแม้คุณจะอยากเล่าประสบการณ์อันหวือหวาน่าตื่นเต้นนี้ให้เพื่อนสนิทในออฟฟิศฟังแค่ไหน ก็ต้องห้ามใจปิดปากให้สนิทไว้เลย เพราะคุณไม่มีทางรู้หรอกว่าเพื่อนรักของคุณจะเผลอพูดออกมาโดยไม่ได้ ตั้งใจเมื่อไหร่

เซ็กซ์ในออฟฟิศ และบทรักบนเก้าอี้ทำงาน รูปที่ 2

เมื่อได้สถานที่แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็ลงมือได้ แต่จะขอแนะนำการเล่นรักกับ เก้าอี้ออฟฟิศ เสียหน่อย เพื่อให้ครบรส ซี่งรูปร่างและขนาดเก้าอี้ของออฟฟิศจะแตกต่างกันตามตำแหน่ง ยิ่งตำแหน่งสูงเท่าไหร่ เก้าอี้ก็ยิ่งใหญ่และพนักพิงก็จะสูงขึ้นเท่านั้น ในขณะที่พนักงานตัวเล็กๆ (ที่พร้อมจะถูกรังแกตลอดเวลา) ก็จะมีเก้าอี้ที่เล็กว่า และไม่มีที่เท้าแขน เก้าอี้แบบไหนก็ไม่สำคัญสำหรับการเมกเลิฟ เพราะมันสามารถให้บริการคุณได้ทุกเวลาที่คุณต้องการจะมีเซ็กซ์ในที่ทำงาน เรามาดูกันไปทีละข้อเลย

เช็กสภาพ
สิ่งแรกที่คุณต้องทำเป็นอันดับแรก คือ ดูความมั่นคงของเก้าอี้ว่าแข็งแรงพอสำหรับกิจกรรมเข้าจังหวะของคุณหรือไม่ น็อตแต่ละตัวขันไว้แน่นดีแล้วหรือเปล่า คุณจะได้ไม่เสียอารมณ์ เพราะต้องหยุดกลางคันเพราะว่าน็อตหลุด

ปรับให้เข้าที่
เลื่อนเก้าอี้ไปติดกับผนัง เพื่อป้องกันการหงายท้องในขณะที่คุณกำลังเวิร์คกันอยู่ และถ้าเป็นไปได้ให้เลือกผนังที่หันหน้าออกจากตึก เผื่อคุณส่งเสียงดังจะได้ไม่เล็ดลอดเข้าไปในตึกไงล่ะ

ไม่ต้องถอด
สวมเสื้อเชิ้ตไว้ตลอดเวลา ส่วนคุณผู้หญิงที่คิดจะมีกิจกรรมตื่นเต้นนี้ก็ควรจะนุ่งกระโปรง เพราะมันจะได้ง่ายด้วยกันทั้งสองฝ่าย เพียงแค่ถลกกระโปรงขึ้นไปเหนือเอวก็เป็นอันใช้ได้แล้ว

ใหญ่อยู่ล่าง
นี่คือเคล็ดลับของการเมกเลิฟกับเก้าอี้ ฝ่ายใดก็ตามที่มีขนาดใหญ่กว่าจะได้รับเกียรติให้เป็นคนนั่งบนเก้าอี้ ส่วนฝ่ายที่ตัวเล็กกว่าก็จะทำหน้าที่คร่อมลงไปหาเป้าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ และไม่ต้องตกใจไปถ้าเก้าอี้ที่คุณใช้มีที่เท้าแขน ทางออกคือ คุณที่เป็นฝ่ายอยู่ข้างบนก็แค่แทรกขาเข้าไปตามช่องว่างระหว่างเบาะนั่งและ ที่เท้าแขนแค่นั้นเอง ง่ายจะตาย!!!

เห็นไหมว่า เก้าอี้ที่เราใช้นั่งทำงานนั้นกลายเป็นอุปกรณ์เสริมเพิ่มรสชาติให้กับเกมรักของคุณได้ แต่เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น คุณควรหลีกเลี่ยงเก้าอี้หมุนหรือเก้าอี้ที่มีล้อที่ลากไปลากมาได้น่ะ

ที่มา : FHM.IN.TH

ข้าวมันไก่

ข้าวมันไก่

เครื่องปรุงข้าวมันไก่
สะโพกหรืออกไก่ 800 กรัม
ข้าวสาร 3 กระป๋อง
เกลือป่น ½ ช้อนชา
ขิงฝานเป็นแว่น 6 แว่น
กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
ผักชี 2 ต้น
แตงกวาลูกใหญ่ 1 ลูก
น้ำเปล่า 7 ถ้วย

เครื่องปรุงน้ำจิ้ม
ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา
เต้าหู้ยี้ 2 ก้อนเล็ก
น้ำตาลทราย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1 ½ ช้อนโต๊ะ
ขิงสับ 3 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
พริกสด 2 เม็ด



วิธีทำข้าวมันไก่
1. นำไก่มาล้างน้ำให้สะอาด ตัดหนังส่วนที่เกินออกมา หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เอาไว้เจียวน้ำมัน


2. ปลอกเปลือกกระเทียมและขิง นำไปล้างน้ำให้สะอาด นำกระเทียมมาสับให้ละเอียด ส่วนขิงก็ฝานเป็นแว่นๆ


3. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำหนังไก่ที่หั่นไว้ไปเจียว ให้ได้น้ำมันออกมา (สังเกตว่าหนังไก่จะเหลืองกรอบก็ตักหนังไก่ขึ้นมาให้หมด) นำกระเทียมที่สับไว้ลงไปเจียวให้เหลืองหอม


4. เมื่อกระเทียมเหลืองได้ที่แล้วก็ให้นำน้ำมันกระเทียมเจียวใส่ลงไปในข้าวสารที่ซาวไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้น ให้ใส่ขิงฝานและเกลือป่นตามลงไป


5. เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ใส่น้ำเปล่าลงไปในหม้อประมาณ 5 ถ้วย รอจนน้ำเดือดจึงนำไก่ที่เตรียมไว้ลงไปต้ม จากนั้นลดไฟลงเป็นไฟอ่อนแล้วต้มไก่ไปเรื่อยๆ จนน้ำซุปเริ่มเดือด ให้ตักน้ำมันที่ลอยหน้าออกมาใส่ในหม้อหุงข้าว


6. จากนั้นก็เติมน้ำซุปที่ต้มไก่ลงไปในหม้อหุงข้าวประมาณ 3 ถ้วย คนให้เครื่องเข้ากันจึงนำข้าวไปหุงในหม้อหุงข้าวตามปกติ


7. เติมน้ำเปล่าลงไปในหม้อต้มไก่อีกประมาณ 2 ถ้วยหรือจนท่วมไก่ ต้มไก่ไปเรื่อยๆ ประมาณ 45 นาทีหรือจนไก่สุก เมื่อไก่สุกแล้ว ก็ให้นำขึ้นมาเลาะกระดูกออก ตีเนื้อให้นิ่ม แล้วจึงสับเป็นชิ้นๆ เตรียมไว้เสริฟพร้อมข้าวมัน


วิธีทำน้ำจิ้มข้าวมันไก่
1. ปลอกเปลือกกระเทียมและขิง เด็ดขั้วพริก นำไปล้างน้ำให้สะอาด นำกระเทียมและขิงมาสับให้ละเอียด ซอยพริกเป็นชิ้นเล็กๆ และนำเครื่องทั้งหมดใส่ไว้ในถ้วยผสม


2. เติมเครื่องปรุงต่างๆ คือ ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ เต้าหู้ยี้ น้ำตาลทราย และน้ำส้มสายชู ลงไป ผสมเครื่องทั้งหมดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ เตรียมไว้เสิร์ฟพร้อมข้าวมันไก่


วิธีเสิรฟ
1. ตัดก้านผักชี ปลอกเปลือกแตงกวา นำไปล้างให้สะอาด นำผักชีมาซอยให้ละเอียด ส่วนแตงกวาก็หั่นเป็นแว่นๆ


2. ปรุงรสน้ำซุปไก่ด้วยซีอิ้วขาวและน้ำตาลทรายให้รสชาติกลมกล่อม ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยพริกไทยป่นและผักชีซอย เตรียมไว้เสิร์ฟพร้อมข้าวมันไก่


3. ตักข้าวใส่จาน นำไก่ที่หั่นไว้วางลงไปบนข้าว วางแตงกวาที่หั่นไว้ข้างๆ จากนั้นก็เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มและน้ำซุปที่เตรียมไว้ได้เลยค่ะ

"เที่ยวป่าคำชะโนด" นครศักดิ์สิทธิ์ของพญานาคและสิ่งลี้ลับ



"คำ ชะโนด" หรือ "วังนาคินทร์คำชะโนด" หรือ "เมืองชะโนด" หรือที่นิยมเรียกกันว่า "ป่าคำชะโนด" อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เป็นสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงให้ความเคารพนับถือมากแห่งหนึ่ง

เมืองชะโนด เป็นเมืองที่ปรากฏในตำนานพื้นบ้าน เป็นสถานที่ๆเชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตย์ของพญานาคและสิ่งลี้ลับต่างๆ บ่อยครั้งที่ชาวบ้านในละแวกนั้นจะพบเห็นชาวเมืองชะโนดไป เที่ยวงานบุญพระเวท รวมถึงหญิงสาวที่มายืมเครื่องมือทอผ้าอยู่เป็นประจำ และเมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง รวมถึงที่อำเภอบ้านดุง แต่น้ำก็ไม่ท่วม บริเวณคำชะโนด เมื่อระดับน้ำลดลง คำชะโนดก็ยังคงอยู่เช่นเดิม

นอกจากนี้ยังมีผู้กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้เป็นปากเมืองบาดาลที่มีตำนานเกี่ยวกับพระยานาคตามความเชื่อ ของชาวอีสาน และชาวลาว ซึ่งในปัจจุบันบริเวณดังกล่าวมีต้นชะโนดขึ้น ปกคลุมหนาแน่นเป็นจำนวนมาก ต้นชะโนดมีลักษณะคล้ายกับต้นตาล และต้นมะพร้าวรวมกัน ภายในสถานที่แห่งนี้มีศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธ และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้

การเดินทาง
ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 101 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางอุดรธานี-สกลนคร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางอำเภอบ้านดุง 84 กิโลเมตร ห่างจากอำเภอบ้านดุง 17 กิโลเมตรจึงถึงคำชะโนด

ข้อมูลโดย : กรมการท่องเที่ยว

มือสองน่าสน : Isuzu Cameo อเนกประสงค์ตัวเก๋า..ถูกใจคนเดินทาง

กลับมาพบกันอีกแล้วกับคอลัมน์มือสองน่าสน ซึ่งขอบอกตามตรงว่า สัปดาห์ที่แล้งนั้นต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่มีกระแสตอบรับดีเกินคาด ซึ่งเราเองก็จะพยายามนำเสนอรถยนต์ดีๆ ที่น่าสนใจต่อไป ซึ่งสัปดาห์นี้เราขอสับหว่างกลับมาที่กลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์กันบ้างกับต้นตำหรับรถกระบะดัดแปลงในบ้านเรา

จากอดีตจวบจนปัจจุบัน ถ้าถามถึงค่ายรถยนต์กระบะที่ยังครองใจคนไทยได้นั้นคงไม่มีค่ายไหนจะขึ้นชื่อในกลุ่มรถกระบะไปมากกว่า Isuzu ที่ครั้งหนึ่งเป็นนักสร้างจุดขายตัวยงจวบจนวันนี้ที่ยังสามารถใช้ใบบุญเก่าขอเพียงทำให้สินค้าโดนใจก็อาจจะรับทรัพย์ไปเต็มๆ

Isuzu Cameo

ในช่วงปี พ.ศ.2537 ไม่นานนักก่อนวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งบ้านเรา บริษัท ตรีเพชร อีซูซุเซลล์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อ Isuzu ได้สร้างมิติใหม่ให้ตลาดด้วยการแนะนำรถยนต์ Isuzu Cameo สู่ตลาดเป็นครั้งแรก หลังจากปล่อยให้คู่หู "ไทยรุ่ง" ทำกระบะดัดแปลงขายเป็นเวลานาน และรถรุ่นนี้คือตัวจริงของคำว่า "อเนกประสงค์"

Isuzu Cameo นั้นเปิดตัวด้วยราคาที่พอฟัดพอเหวี่ยงที่แพงกว่ากระบะแต่ถูกกว่าเก๋งกลาง แต่มันให้ความประทับใจในความทันสมัยกับโครงสร้างอเนกประสงค์ 5 ประตูแท้ๆจากโรงงาน ด้วยใบหน้าที่ไม่ต่างจากกระบะ แต่บั้นท้ายให้โฉมลักษณ์แบบรถครอบครัว ที่สามารถลงตัวรองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง

Isuzu Cameo

Cameo นั้นเป็นรถที่ต่อยอดมาจาก Isuzu MU ที่ขับแข่งในแรลลี่ ที่ในต่างประเทศนั้นมีเวอร์ชั่นเครื่องยนต์เบนซิน แต่ในประเทศไทยนั้นมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร 90 แรงม้า เช่นเดียวกับกระบะที่ทนทานแข็งแกร่งไม่เพียงพังยาก แต่ยังขับดีกว่า ด้วยอัตราทดเกียร์ที่แตกต่าง ช่วงล่างให้ความสบายกว่าแต่ยังให้อารมณ์แบบเดียวกับรถกระบะ ทว่านุ่มกว่าพอสมควร อัดเต็มที่ 5 คนสบายๆพร้อมสัมภาระรับรองว่าถึงไหนถึงกัน

ในรุ่นหลัง Isuzu Cameo ได้รับการเปลี่ยนโฉมใหม่ และในระยะต่อมาใช้ชื่อว่า Isuzu Vega มีการขยายปริมาตรเครื่องยนต์เป็น 2.8 และ 3.0 ลิตรตามลำดับมีการเพิ่มรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อภายหลัง พร้อมระบบShift On The Fly ที่ยังใช้จนถึงปัจจุบัน แต่ถ้าไม่เที่ยวแบบตะลุยทุ่งอะไรมากมาย ขับเคลื่อน 2 ล้อ ทั่วๆไปก็มีศักยภาพไม่แพ้กัน

Isuzu Cameo

เรื่องการดูแลรักษานั้นก็ค่อนข้างง่ายไม่จุกจิก เพราะเครื่องยนต์นั้นใช้เครื่องเดียวกับกระบะในรุ่น "มังกรทอง" ที่อะไหล่หาได้เยอะมีทั้งเบิกศูนย์-เบิกร้านตามแต่อยากจะเลือก ส่วนตามเชียงกงก็มีพอสมควรแม้จะหายากไปบ้างเพราะอายุอานามรถค่อนข้างนานเกือบ 20 ปี แต่ก็มีถ้าคุณไม่เกี่ยงเรื่องราคารับรองว่าเจอทุกชิ้น

หากจะพูดแล้ว Isuzu Cameo นั้นค่อนข้างเป็นรถที่มีราคาสมน้ำสมเนื้อและลงตัว ที่สามารถหาได้ตั้งแต่ 1แสนกลางๆไปจนถึงเดือน 3 แสนบาท แต่ถ้าอยากได้รถใหม่หน่อย ก็ต้องเล่น Isuzu Vega ที่มีราคาเพิ่มขึ้นอีกในระดับ 3 แสนกลางๆ - 4 แสนบาท แต่มีข้อดีที่มีเกียร์อัตโนมัติให้เลือกเล่นด้วย

Sanook! Auto Comment >> Isuzu Cameo นั้นเป็นรถที่เปิดตลาดในเรื่องรถอเนกประสงค์ประเภท PPV อย่างแท้จริง แต่ก่อนหน้านี้คนไทยนั้นเป็นต้นตำหรับในการดัดแปลงด้วยฝีมือของบริษัทไทยรุ่ง ที่นำกระบะธรรมดาๆไปดัดแปลงเป็นรถแวนมานับ 10 ปี จวบจนปัจจุบัน ใครจะคิดว่าคนไทยก็มีฝีมือ

ทันทุกข้อมูลก่อนใครบน FB..แค่คลิ๊กที่นี่เลยถ้าเพื่อนๆ คนใดคลิ๊กแล้วไม่ต้องคลิ๊กซ้ำนะครับ

แช่ออนเซ็นชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่ "ชิซุโอะกะ"



"จังหวัดชิซุโอะกะ"

ภูมิภาคจูบุ (Chubu region)เป็นภูมิภาคที่ตั้งเกือบกึ่งกลางของประเทศญี่ปุ่น ที่นี่จะได้อยู่บนยอดเขาสูงของ "เจแปน แอลป์" ชายฝั่งทะเลที่ยังคงหลงเหลือความเก่าแก่และวิถีชิวิ ตแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ตลอดเส้นทางจนถึงชายฝั่งแปซิฟิก มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ มีความหลากหลายแตกต่างในหลายๆ ด้านที่ประกอบกันขึ้นเป็นภูมิภาคนี้ ...





"ใบไม้เปลี่ยนสีที่ภูเขาฟูจิ"

"จังหวัดชิซุโอะกะ" (Shizuoka-ken) อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคจูบุ อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่ตั้งของภูเขาฟูจิ และมีชื่อเสียงของการปลูกชา เขียวที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย


"ใบไม้เปลี่ยนสีที่ภูเขาฟูจิ"

ในทุกๆช่วงกลางเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงสู่ฤดูใบไม้ร่วงของทุกๆปีหิมะจะเริ่มแต่งแต้มบริเวณยอดเขาฟูจิ และเมื่อสะท้อนแสงของพระอาทิตย์ ก็จะมองเห็นเป็นประกายระยิบ ระยับสร้างทัศนียภาพที่งดงามให้แก่ภูเขาฟูจิได้เป็นอย่างดี





"ฌุเส็นจิ ออนเซ็น"

นอกจากนี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังมุ่งหน้าเดินทางไปยังจุดชมวิวต่างๆที่อยู่โดยรอบภูเขา ฟูจิ เพื่อชื่นชมกับทัศนียภาพของใบไม้เปลี่ยนสีอันมีฉากหลังเป็นภูเขาฟุจิ เช่นที่ทะเลสาบ คะวะงุชิ, ช่องเขามิซะกะ โทเงะ หรือสวนสาธารณะอะระคุระยะมะ เซ็นเง็น เป็นต้น ซึ่งหลายๆแห่งก็เปิดให้ชมทิวทัศน์ในยามค่ำคืนโดยการฉายไฟไลท์อัพประกอบด้วย



"ฌุเส็นจิ ออนเซ็น"

จากนั้นแนะนำให้คุณไปเยือน "ฌุเส็นจิ ออนเซ็น" (Shuzenji Hot spring) นับเป็นอนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองอิสุ เปิดให้ผู้คนได้อาบแช่น้ำแร่กันมายาวนานกว่า 1,200 ปีแล้ว โดยมีเรียวคังที่พักต่างๆ ตั้งเรียงรายอยู่ตลอดสองฟากฝั่งแม่น้ำคะทซึระ

และตามอนเซ็นกลางแจ้งประจำเรียวคังเหล่านี้ก็จะสามารถชมทัศนียภาพของใบไม้ เปลี่ยนสีที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำได้ในระหว่างช่วงกลางเดือน พ.ย. – ต้น ธ.ค. แต่สถานที่ที่ได้รับ ความนิยมมากที่สุดในละแวกใกล้ๆ ฌุเส็นจิ ออนเซ็น ก็คือ บริเวณป่าเมเปิลในสวนธรรมชาติฌุเส็นจิ และสวนธรรมชาติฌุเส็นจินิจิโนะซะโตะนั่นเอง....

เรียบเรียงโดย :
ทราเวลไทยซ่าส์ (TravelThaiza)
ข้อมูลโดย : Japan National Tourism Organization / Japan-mook.com

การจัดตกแต่งห้องครัวให้มีความลงตัว

ตกแต่งบ้าน

ภาพประกอบบทความ การจัดตกแต่งห้องครัวให้มีความลงตัว

การจัดตกแต่งห้องครัวให้มีความลงตัว

การจัดห้องครัวให้ลงตัว หมายถึงการจัดห้องครัวให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ภายในครัวได้เป็นอย่างดีไม่มีการสะดุดหรือติดขัด การจัดวางอุปกรณ์การทำงานในห้องครัวต่าง ๆ ได้รับการคิดและออกแบบถึงการจัดงานและการใช้งานเป็นอย่างดี สามารถทำครัวได้อย่างสะดวก นอกจากนี้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องครัวก็มีคุณสมบัติที่ลงตัวเช่นกัน คือ สามารถทำความสะอาดคราบมันต่างๆ ได้ง่าย ทนต่อความร้อนและการใช้งานเป็นอย่างดี ทนความชื้นต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเคาน์เตอร์ภายในครัวที่ต้องใช้งานหนักเป็นที่รองรับกิจกรรมต่างภาย ในครัว ดังนั้นจึงควรเลือกวัสดุที่มีความทนทานสูงและควรที่จะมีความสวยงามด้วย ดังนั้นการเลือกใช้หินแกรนิต หินอ่อน หรือหินสังเคราะห์ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเลือกใช้งาน โดยเฉพาะหินสังเคราะห์ที่แม้จะมีราคาแพงมากแต่รับรองได้ถึงความแข็งแรงทนทาน และคุณสมบัติในการใช้งานที่ดีมาก โดยเฉพาะคุณสมบัติในเรื่องไร้รอยต่อ ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของหินสังเคราะห์เลยทีเดียว นอกจากนี้แล้วแสงภายในห้องครัวต้องมีอย่างเพียงพอเพื่อที่สามารถทำงานครัว ได้อย่างสบาย ไม่ต้องเพ่งขณะที่ทำงานครัว นอกจากนี้อุปกรณ์อื่นที่ควรมีได้แก่ เครื่องดูดควัน เป็นต้นก็ควรมีให้พร้อม การจัดห้องครัวให้ลงตัวที่สำคัญอย่างหนึ่งนั้นคือการใช้งานต้องต่อเนื่อง วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ต้องสามารถหยิบใช้ได้สะดวกจะดีที่สุด

HER FASHION WEEK ไม่ซ้ำสี ไม่ซ้ำแนว

HER FASHION WEEK
(ไม่ซ้ำสี ไม่ซ้ำแนวในหนึ่งสัปดาห์สำหรับสาวๆ)

แต่งตัวตามสีในแต่ละวันเป็นเรื่องที่มีมานานตั้งแต่ยุครัตนโกสินทร์ ดูแล้วเป็นกลุ่มก้อนสวยงามไปในโทนเดียวกัน ถามว่าอยากให้เทรนด์แต่งสีตามวันกลับมาหรือไม่ ขอตอบว่าควร เป็นการรักษาวัฒนธรรมสืบเนื่องไม่ให้สูญหายไปจากสังคมไทยในปัจจุบัน

จริงๆ แล้วแต่งสีโทนเดียวกันทั้งชุดมันอาจจะยาก เอาเป็นว่าให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายเป็นสีตามวัน แต่สีนั้นต้องชัดเจนที่สุด จากนั้นนำเอาสีอื่นๆ มาประดับเพิ่ม จะใส่หลุดหรือแหวกกฎเกณฑ์เป็นเรื่องที่รับได้ ไม่ถือเป็นเรื่องผิดถึงขั้นประหาร สมัยนี้แล้ว แต่งอะไรก็แต่ง โลกจะแตกอยู่แล้ว จะไปแคร์อะไร

แฟชั่นวันอาทิตย์

SUN (อาทิตย์วันแดงเดือด)
วันหยุดก็ขอเด่น กางเกงขาบานสีแดงอินมากซัมเมอร์นี้ แต่งแบบย้อนยุคนิดๆ
สมัยพี่ตั๊ก – มยุรายังสาว มีแว่นตา รองเท้าส้นตึก หมวก แล้วพร็อปส์อย่างอื่นตามมาแจ่มแม้กระทั่งวันหยุด

แฟชั่นวันจันทร์

MON (จันทร์เหลืองอร่าม)
กระโปรงยาวถึงเท้าอินติด 1 ใน 10 สิ่งสำหรับร้อนนี้ ใส่กับเสื้อยืด เสื้อเชิ้ต เสื้อกล้าม
เติมส่วนประกอบอื่นเข้าไป สดใสทั้งคนใส่และประชาชนคนดู

แฟชั่นวันอังคาร

TUE (อังคารกับชมพูประสานใจ)
ดีใจที่สีชมพูเป็นยอดฮิต และไม่จำกัดเฉพาะสาวหวาน เอกชนหรือข้าราชการก็ใส่กัน
วันนี้หากนัดเพื่อนเดินเล่นสยามฯ แต่งเบาๆ ใส่เสื้อยืดทับด้วยคาร์ดิแกนกับกระโปรงจีบเพิ่มแว่นตา กระเป๋า รองเท้าแบบไหนก็ใส่ๆ ไปแมทช์หรือไม่แมทช์ อารมณ์คุณบอกเอง

แฟชั่นวันพุธ

WED (พุธสุดจะเขียว)
ชอบสีเขียว มันดูสดชื่น สบายตา จะให้เขียวเด่นที่เสื้อผ้าหรือรองเท้าก็ตามใจ บวกกับเสื้อผ้าและกระโปรงลายดอกเล็กๆ ถ้าไม่พอเพิ่มผ้าพันคอ แจ๊คเก็ต ตบด้วยกระเป๋าอีกใบ ต่างหู กำไล เข็มขัดให้แน่นทุกอณู คูลไม่คูลเดี๋ยวก็รู้

แฟชั่นวันพฤหัสบดี

THUR (พฤหัสฯจัดส้ม)
เกือบปลายสัปดาห์แต่ก็อย่าให้ความอินลดทอนลงไป สีส้มเป็นสีที่นิยมอันดับต้นๆ ในช่วงนี้
วัดใจดูว่าหากมีเวลาแต่งตัว 10 นาทีด้วยสีส้มผสมกับอย่างอื่น ลุคจะออกมาแบบผ่านหรือไม่ผ่าน แต่งแบบทันด่วน ได้อารมณ์แบบสดๆ ส้มๆ

แฟชั่นวันศุกร์

FRI (ศุกร์ฟ้าเปิด)
วันศุกร์สีฟ้า สีน้ำเงิน ทำให้นึกถึงอารมณ์แบบชายทะเล เสื้อผ้ากระโปรงลายทางจึงเหมาะสุด
ถามว่าจำเป็นต้องแต่งไปแค่ชายทะเลเท่านั้นหรือ ไม่ต้อง! แต่งกลางเมืองกลางแดดที่ไหนก็ OK กด LIKE ถ้าชอบ

แฟชั่นวันเสาร์

SAT (เสาร์เรามาม่วง)
วันเสาร์แต่งสไตล์เอเชีย ไทย จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ แต่งไว้เตือนความจำ ตอกย้ำว่าเราคนเอเชีย
ภูมิใจในชาติ ศิลปวัฒนธรรม (เน้นโทนสีม่วง จะได้ไม่หลุดคอนเซ็ปต์สีตามวัน) และเป็นหนึ่งสไตล์ที่ต้องใส่ใน S / S 2011

ให้อภัย คนรักของคุณ ยากแค่ไหนกัน

ให้อภัย.

…..การให้อภัย เป็น ความดีที่ยิ่งใหญ่ โอ้วว้าว…!!! ไม่ว่าจะเชื้อชาติไหนๆ เค้าก็สอนให้คนเรารู้จักที่จะให้อภัยกันทั้งนั้นแหละค่ะ คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า การให้อภัยกันเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง ที่จะทำ เป็นสิ่งที่เกิดจากการที่เราทำความผิด หรือเกี่ยวข้องกับความผิดนั้นด้วย

…..แต่การให้อภัยมัน จะยิ่งง่ายยิ่งขึ้น ถ้าหากความผิดนั้น เป็นความผิดเล็กๆ น้อยๆ หรือไม่ส่งผลกระทบต่อคุณมากนัก และถ้าหากว่าคุณพร้อมที่จะให้อภัยก็จะยิ่งเป็นสิ่งที่ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม อีกด้วยล่ะค่ะ แต่ก็มีคนอีกประเภทหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะเป็นความผิดเล็กน้อยแค่ไหน ก็ไม่สามารถ ทำใจยอมให้อภัยคนๆ นั้นได้

…..การ ให้อภัยไม่ใช่เรื่องยาก สมมติว่า เกิดเหตุการณ์ที่คุณ โกรธมาก แต่เมื่อเหตุการณ์นั้นผ่านพ้นไปแล้ว คุณก็จะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดไปเอง ทั้งๆ ที่คุณ ยังไม่ทันได้อภัยเค้าคนนั้นเลยด้วยซ้ำ

…..แล้ว ถ้าหากว่า เป็นคนรักของคุณล่ะ คุณจะให้อภัยเค้ายากแค่ไหนกัน ถ้าหากว่าเค้าเกิดทำอะไรผิดพลาด แล้วเรื่องนั้น มันทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก คุณจะสามารถให้อภัยเค้าคนนั้นได้รึป่าว

…..ถ้า หากว่า คุณต้องการให้ความรัก ความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ อยู่ไปยาวนานแล้วล่ะก็ คุณทั้งคู่จะต้องรู้จักการให้อภัยซึ่งกันและกัน อย่าให้ความโกรธเคือง มาครอบงำจิตใจของคุณทั้งคู่เป็นเวลานานเกินไป คุณอาจจะรู้สึกเป็นทุกข์ได้ ไม่เพียงแค่คุณฝ่ายเดียวเท่านั้น ที่จะรู้สึกอึดอัดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จะส่งผลให้อีกฝ่ายรู้กสึกแบบเดียวกัน หรืออาจจะมากกว่าอีกด้วย

…..หาก คุณโกรธ อย่างมาก คุณอาจจะพูดหรือบอกเค้าว่า รอให้อารมณ์เย็นก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเราค่อยคุยกันก็ได้ ถ้าคุยกันตอนนี้ อาจจะทะเลาะเป็นเรื่องราวใหญ่โตก็ได้นะ…แล้วเมื่ออารมณ์เย็นลงเมื่อไหร่ คุณก็เพียงแค่ให้อภัยเค้า กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้นเองค่ะ

.

เรียบเรียงโดย women.mthai

แต่งเติมริมฝีปาก สไตล์สาวเกาหลี

แต่งหน้า เกาหลี

ที่มาจาก นิตยสาร แพรว

กีวี สุดยอดผลไม้ วิตามินซีสูง

กีวี สุดยอดผลไม้ วิตามินซีสูง

กีวี

………บริษัท เซสปรี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ทำการศึกษาและค้นพบว่า วิตามินซีในเซสปรี โกลด์กีวี มีประสิทธิภาพในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าวิตามินจากอาหารเสริมถึง 5 เท่า และคงอยู่ในร่างกายได้ยาวนานกว่า

……….กีวี สามารถให้วิตามินซีที่มีประสิทธิภาพในการดูดซึมมากกว่าวิตามินซี ที่ได้จากอาหารเสริมถึง 5 เท่า
สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย รวมถึงป้องกันร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อสุขภาพที่ดีในแต่ละวัน
ซึ่งร่างกายมนุษย์ไม่สามารถผลิตวิตามินซีขึ้นได้เอง จะต้องอาศัยการรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีเข้าไปเท่านั้น

………การรับประทานกีวี เพียง หนึ่งลูกต่อวัน จะทำให้ร่างกายได้รับปริมาณวิตามินซีที่มากกว่าความต้องการของร่างกายในแต่ ละวัน นอกจากนี้กีวียังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ และมีส่วนช่วยในการเผาผลาญโปรตีน ตลอดไปจนถึงอุดมด้วยวิตามินอี การรับประทานกีวีเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ได้รับคุณค่าทางสารอาหารมากมาย และเป็นการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ต่อสู้กับโรคต่างๆ ตลอดจนอาการติดเชื้อได้

12 เคล็ดลับความสำเร็จของ Steve Jobs (ตอน 2)

12 เคล็ดลับความสำเร็จของ Steve Jobs (ตอน 2)

นาย John Sculley อดีตผู้บริหารสูงสุด CEO ของบริษัท Apple ได้ให้สัมภาษณ์พูดถึง นาย สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)ผู้บริหารสูงสุด CEO คนปัจจุบัน ของบริษัท Apple ถึง เคล็บลับความสำเร็จของเขา เราได้ดูไปแล้ว “เคล็ดลับความสำเร็จของ สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ตอนที่ 1” โดยสรุปแล้ว นาย John Sculley บอกว่า นาย Steve Jobs มีหลักการทำงานของตัวเองอยู่แล้ว และไม่เคยเปลี่ยนหลักการทำงานเหล่านั้น แต่ทำดีขึ้นเรื่อยๆ ให้เรามาดูต่อด้วยกันว่า นาย John Sculley ได้พูดถึง เคล็ดลับความสำเร็จในการทำงานของ สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) เพิ่มเติมอย่างไรบ้าง

สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)

7. จ้างคนที่ดีที่สุด (Hire the best)
นาย สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) เป็นคนที่มีความสามารถในการออกไปตระเวนหา คนที่ฉลาด ดี และเหมาะที่สุด สำหรับงานต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีความสามารถพิเศษในการสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อให้คนมาร่วมงานกับเขา เขา จะรวบรวมคนที่เชื่อในวิสัยทัศน์ของเขา ก่อนที่ผลิตภัณฑ์จะออกมาซะอีก, เขาจะหาคนที่ดีที่สุดในสายงานต่างๆ และเขาจะเป็นคนที่คัดเลือกคนต่างๆ ด้วยตัวเอง ไม่เคยมอบหมายงานนี้ให้ใคร

8. ทำงานหนักในรายละเอียด (Sweat the details)
ในด้านหนึ่ง นาย สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) บอกว่า “เราจะเปลี่ยนโลก” / “change the world” แต่ในอีกด้านหนึ่ง เขาจะเป็นคนที่ลงมาดูในรายละเอียดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบตัวเครื่อง, software, ระบบต่างๆ, โปรแกรมต่างๆ ที่ใช้, หรือแม้กระทั่ง อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ หลังจากนั้น ก็จะลงรายละเอียดในเรื่อง จุดยืนของผลิตภัณฑ์, การโฆษณา, และทุกๆ สิ่ง

9. ทำกลุ่มทำงานให้เล็กไว้ (Keep it small)
นาย สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) เป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจองค์กร หรือบริษัทใหญ่ๆ เขาจะคิดว่า พวกนี้ จะเป็นระบบระเบียบมากเกินไป ไม่ยืดหยุ่น และขาดประสิทธิภาพ เขามีความเชื่อว่า หากกลุ่มทำงาน มีคนเกิน 100 คน จะเป็นการยากที่จะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว, เป็นการยากที่จะจำชื่อคนที่เราร่วมงานด้วยได้เกิน 100 คน หรือรู้จักกันเป็นการส่วนตัว อย่างทีมที่ทำ Mac ก็มีคนประมาณ 100 คน หากจะเพิ่มใครเข้าไป ก็จะต้องมีคนออก และนี่เป็นวิธีที่ Steve Jobs จัดโครงสร้างการทำงานในบริษัท Apple

10. ปฏิเสธงานที่ไม่ดี (Reject bad work)

นาย สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) จะทำหน้าที่เหมือน ห้องเรียนศิลปะ ที่เขาจะเดินไปตรวจดูงานตามโต๊ะต่างๆ แนะนำงาน ตรวจงาน และหลายครั้ง ก็สั่งให้ทิ้งงานที่ไม่ดีออกไป บางทีวิศวกร ก็เอา software code มาให้เขาตรวจดู หลายครั้งเขาก็อาจจะบอกให้ทิ้งไป บอกว่า มันยังดีไม่พอ และก็บอกความคาดหวังว่า เขาอยากจะเห็นอะไร เขาเป็นเหมือนคนที่มีความสามารถพิเศษในการขับเคลื่อนคนต่างๆ ให้สร้างสรรค์งานดีๆ ออกมา สร้างแรงบันดาลใจ ให้ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ และพยายามไปถึงความสมบูรณ์แบบ

11. ทำสิ่งที่ดีที่สุด (Perfection)

หากดูผู้บริหารคนอื่น อย่างเช่น นาย Bill Gates แห่ง Microsoft นั้น ก็มีความอัจจริยะ เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ขาด คือ รสนิยม, คิดอย่างเดียว ที่จะครองตลาดให้ได้มากที่สุด และพร้อมจะออกผลิตภัณฑ์อะไรก็ได้ เพื่อจะครองตลาด หรือกินส่วนแบ่งตลาดในจุดที่ต้องการให้ได้ แต่นาย สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) จะไม่ทำอย่างนั้น เขาจะทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด เขาเชื่อในความสมบูรณ์แบบ

12. คิดวางแผนอย่างเป็นระบบ (Systems thinker)

นาย สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) เป็นคนที่คิดวางแผนอย่างเป็นระบบ เพราะว่า เขาคิดตั้งแต่แรก วางแผน ตรวจการออกแบบ วางเรื่องการประชาสัมพันธ์ การโฆษณา วางเรื่องการกระจายสินค้า และอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างกับ ผู้บริหารสูงสุด ของบริษัทใหญ่อื่นๆ

โดยสรุปแล้ว นาย สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ก็เป็นตัวอย่างของผู้บริหารที่ดี และประสบความสำเร็จ มีหลายประเด็นที่เราสามารถเอาไปใช้ได้ .. หากเราต้องการความสำเร็จ เคล็ดลับเหล่านี้ ก็พอจะช่วยเราได้บ้าง หรือเราคิดอย่างไรกัน ?

12 เคล็ดลับความสำเร็จของ Steve Jobs (ตอน 1)

12 เคล็ดลับความสำเร็จของ Steve Jobs (ตอน 1)
[บทความนี้ เคยเขียนไว้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ต.ค. ปีที่แล้ว 2010 แต่วันนี้ 24 ส.ค.2011 Steve Jobs(สตีฟ จ็อบส์) ได้ส่งจดหมายลาออกจาก CEO Apple จึงทำให้นึกถึงบทความนี้ขึ้นมา เลยอยากจะนำกลับมาโพสใหม่อีกครั้ง เผื่อหลายคนที่ยังไม่ได้อ่าน จะได้อ่าน จะได้รู้จักแนวความคิดการทำงานของ ชายผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของวงการไอที ]

Steve Jobs(สตีฟ จ็อบส์)

นาย John Sculley อดีตผู้บริหารสูงสุด CEO ของบริษัท Apple ได้ให้สัมภาษณ์พูดถึง นาย Steve Jobs ผู้บริหารสูงสุด CEO คนปัจจุบัน ของบริษัท Apple ถึง เคล็บลับความสำเร็จของเขา

ในอดีตนั้น ทั้ง John Sculley และ Steve Jobs เป็นผู้บริหารสูงสุดร่วม หรือ co-CEOs ซึ่งได้เปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ Mac เครื่องแรก และออกโฆษณาที่โด่งดังมากในปี 1984

แต่หลังจากนั้นเกิดแรงกดดันในบอร์ดบริหารของ Apple ทำให้ Steve Jobs ต้องตัดสินใจลาออกจากบริษัท Apple ในปี 1985 และกลับมาเป็น CEO บริษัท Apple ในปี 1997

นาย John Sculley ได้เล่าให้ฟังว่า Steve Jobs แทบจะไม่เปลี่ยนหลักการทำงานของเขา และเขาทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วย โดยเขาได้พูดถึง เคล็ดลับความสำเร็จในการทำงานของ Steve Jobs ซึ่งพอจะสรุปเป็นประเด็นๆ ได้ดังนี้

1. ชอบเรื่องการออกแบบที่สวยงาม (Beautiful design)
นาย Steve Jobs(สตีฟ จ็อบส์) เป็นคนที่ชอบการออกแบบที่สวยงาม เขาได้เรียนรู้การออกแบบจากสิ่งต่างๆ รอบตัว เช่น เรียนรู้จากนักออกแบบชาวอิตาลี, เรียนรู้การออกแบบรถยนต์อิตาลี ไม่ว่า รูปร่าง หน้าตา วัสดุที่ใช้ สีที่ใช้ ฯลฯ หากเราลองมองดูเครื่องคอมพิวเตอร์จาก Apple จะไม่ใช่แค่เครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการออกแบบมาอย่างดี ทั้งการออกแบบตัวผลิตภัณฑ์, การออกแบบการตลาด, หรือการออกแบบจุดยืนของผลิตภัณฑ์

2. ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ลูกค้าจะต้องเจอ (Customer experience)
นาย Steve Jobs(สตีฟ จ็อบส์) จะชอบศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า ว่าส่วนใหญ่อยากจะได้อะไร มีความต้องการแบบไหน อะไรจะเป็นความสะดวกสบายของลูกค้า หรือลูกค้าจะเจอประสบการณ์อะไรบ้าง เป็นต้น ดังนั้นเขาจะคิดเผื่อ ทุกๆ สิ่งที่ลูกค้า จะต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลิต, การกระจายสินค้า, การตลาด, ร้านค้า ฯลฯ ทุกอย่างจะต้องสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้

3. ไม่มีกลุ่มตัวอย่างเจาะจง (No focus groups)
นาย Steve Jobs(สตีฟ จ็อบส์) บอกว่า “หากโลกนี้ ไม่เคยมีคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานด้วยกราฟิกเลย เราจะไปถามใครล่ะว่า คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานด้วยกราฟิก ควรจะเป็นอย่างไร” ดังนั้น หากเป็นสิ่งใหม่ๆ นวัตกรรมอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นการยากที่จะไปสุ่มถามผู้ใช้งานคนไหน กลุ่มไหน ว่า หน้าตามันจะเป็นอย่างไร

4. เป็นคนชอบความสมบูรณ์แบบ (Perfectionism)

นาย Steve Jobs เป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ อยากจะให้ทุกอย่างออกมาอย่างสมบูรณ์ (Perfect) เขาจะเป็นคนที่สนใจในทุกๆ รายละเอียด ขั้นตอนต่างๆ เขาเป็นคนที่สนใจในวิธีทำงานต่างๆ ใส่ใจในรายละเอียดทุกสิ่ง

5. มีวิสัยทัศน์ (Vision
)
ในสมัยก่อนเมื่อปี 1980 ทุกคนต่างคิดว่า เครื่องคอมพิวเตอร์พีซี เป็นเครื่องที่มีขนาดย่อลงมาของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ๆ และนี่คือสิ่งที่ IBM คิดด้วย

แต่ Steve Jobs(สตีฟ จ็อบส์) ไม่ได้คิดอย่างนั้น เขาคิดแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เขาเชื่อว่า เครื่องคอมพิวเตอร์จะกลายเป็นอุปกรณ์สำหรับทุกๆ คน หรือเป็น consumer product เขาเชื่อว่า คอมพิวเตอร์จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโลก มันไม่ใช่การทำงานแบบเครื่องใหญ่ๆ เพียงแค่ย่อส่วนลง แต่มันจะเป็นเหมือนเครื่องมือสำหรับแต่ละคน เขาเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ มองไปในอนาคต

6. ทำสิ่งต่างๆ ให้ง่าย (Minimalism)

นาย Steve Jobs(สตีฟ จ็อบส์) เป็นคนที่สนใจในทุกๆ รายละเอียด และพยายามทำสิ่งที่ยาก กระจายออกให้กลายเป็นสิ่งที่ง่าย เขาเป็นนักออกแบบระบบ ทำสิ่งยากให้กลายเป็นง่าย
เขาเชื่อว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจของเรา ไม่ใช่สิ่งที่เราตัดสินใจทำ แต่เป็นสิ่งที่เราตัดสินใจไม่ทำ ต่างหาก
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้วิธีการทำงานของ Steve Jobs แตกต่างกับคนอื่นๆ

Honda Civic Hatchback ..เปิดราคาน่าฟัง เริ่มต้นแค่ 7 แสนกลางเท่านั้น

ข่าวต่างประเทศ-หลังจากที่เปิดตัวไปอย่างเป็นทางการในงาน Frankfurt auto show 2011 Honda Civic Hatch Back นั้นต่างก็ได้รับความสนใจอย่างมากทั่วโลก และล่าสุดค่ายรถยนต์Honda ก็พร้อมวางจำหน่ายแล้ว และมีการเปิดเผยราคาจำหน่ายออกมาอย่างเป็นทางการ

จากรถทั้งหมด 4 รุ่นที่ได้มีการเปิดเผยเมื่องานที่แฟรงค์เฟิร์ตได้แก่ รุ่น SE, ES, EX และ EX GT Honda Civic Hatch Back ใหม่นั้น คาว่าจะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินตั้งแต่ 1.4 - 1.8 ลิตร ซึ่งจะมีพละกำลังตั้งแต่ 100-140 แรงม้า และอาจจะมีเวอร์ชั่นดีเซลขนาด 2.2 ลิตร i-DTEC ให้กำลัง 150 แรงม้าเป็นทางเลือกด้วย

Honda Civic Hatchback

Honda Civic Hatchback ทุกคัน จะมาพร้อมโหมดประหยัดหรือ Eco mode คล้ายกับที่ติดตั้งไปแล้วใน Honda Jazz และ Honda Insight ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง โดยในโฉม 5 ประตูนี้ จะยังมาพร้อมกับระบบ Idle Stop หยุดการทำงานเครื่องยนต์ชั่วคราว ที่จะมีเฉพาะรุ่นเกียร์ธรรมดาเท่านั้น

ในรุ่นเริ่มต้น Honda Civic Hatchback (SE)ใหม่ จะมาพร้อมล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว ระบบแอร์อัตโนมัติ และเครื่องเสียงที่มีช่องต่อ USB ตั้งราคาเริ่มต้นที่ 16,495 ปอนด์(775,265 บาท)เท่านั้น แต่รุ่นถัดมา ES นั้นจะมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ที่มีราคาเพียง 18,995 ปอนด์ (892,765 บาท) และยังมีทางเลือกเวอร์ชั่นดีเซลให้ขับสนุกพร้อมหลากเทคโนโลยีมากมาย ทั้งระบบ Cruise Control และกล้องมองหลัง กุญแจที่สามารถเปิด-ปิดกระจกได้ และกระจกข้างพับไฟฟ้า แต่ที่ขาดไม่ได้นั้นเป็นเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 6 ตัว ให้ความกระหึ่มตั้งแต่ออกมาจากโรงงาน

สูงขึ้นมาอีกนิดนั้น เป็นรุ่น EX ที่ยังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร และดีเซล 2.2 ลิตร เหมือนเดิม แต่ในรุ่นนี้ Honda Civic Hatch Back เติมเบาะหนังเพิ่มเข้ามาจากรุ่นก่อนหน้านี้ มาพร้อมเบาะอุ่นร้อนได้ และเครื่องเสียง Premium audio สามารถใช้เป็นระบบนำทางได้ ซึ่งรุ่นนี้เคาะราคาที่ 21,745 ปอนด์ (1,022,015 บาท) สำหรับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ส่วนขุมพลังดีเซลนั้นเปิดราคาที่ 23,845 ปอนด์ (1,120,715 บาท)

Honda Civic Hatchback

สุดท้าย Honda Civic Hatchback เติมความสปอร์ตเต็มพิกัดกับรุ่น EX-GT ที่ให้เต็มทุกออพชั่น ตั้งแต่ระบบ Key less entry ไฟหน้า ซีนอน,ล้อขอบ 17 นิ้วและหลังคาแก้ว นั้น เปิดราคาเริ่มต้นในรุ่น 1.8 ลิตรที่ 23,495 ปอนด์(1,104,265 บาท) ส่วนรุ่นดีเซลเปิดราคาที่ 26,595ปอนด์ (1,249,965 บาท)เท่านั้น

นอกจากรุ่นทั่วไปแล้ว Honda ยังเปิดให้ลูกค้าเลือกเสริมแพ็คเกจ T-Grade ได้ โดยเฉพาะในรุ่นล่างทั้ง ES และ SE โดยจะเพิ่มระบบนำทางพร้อมหน้าจอสัมผัส แต่เสียเงินอีกเพียง 995 ปอนด์ (46,765 บาท)เท่านั้น โดย Honda ระบุว่า Honda Civic Hatchback จะพร้อมลงโชว์รูมอย่างเป็นทางการในช่วงมกราคมปีหน้า


**ราคาจำหน่ายประมาณการเป็นเงินไทยคูณอัตราแลกเปลี่ยนที่ 47 บาท/1 ปอนด์ (6-10-2011)

New! Ford Escape 2013 ได้ฤกษ์เปิดตัว พ.ย.นี้

ข่าวต่างประเทศ- อาจจะห่างหายไปนานพอตัวสำหรับรถอเนกประสงค์จากค่ายรถยนต์ fordอย่าง ford escape ที่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็ได้มีการเปิดเผยการมาเตรียมพร้อมสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ ภายใต้ชื่อ Ford Vertrek Concept ที่ล่าสุดดูเหมือนเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงก็ใกล้จะพร้อมแล้ว

New! Ford Escape 2013

เมื่อวานนี้ (5-10-2011) Ford ได้ออกมาเปิดเผยผ่านบล็อกของบริษัท The Ford Story ว่า บริษัทกำลังจะเปิดตัว New! Ford Escape ใหม่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ในงาน LA Auto Show 2011 โดยการเปลี่ยนแปลงใน Escape ใหม่นั้น จะมีเน้นหนักที่เรื่องการออกแบบและขุมพลัง

เครื่องยนต์ที่จะมาเป็นต้นกำลัง Ford Escape ใหม่! Ford ได้ให้ความสำคัญกับขุมพลังสุดประหยัดที่จะยกเครื่องยนต์ Ecoboost มาใช้ในการขับขี่ โดย จะมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ Ecoboost 1.6 ลิตร ,2.0 ลิตร และ รุ่นใหญ่เป็น Ecoboost 2.5 ลิตร Ti-VCT โดยในรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรนั้นจะมีอัตราประหยัดดีที่สุดในกลุ่มโดยอัตราเฉลี่ย 13 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งดีกว่า Ford Escape Hybrid ในปัจจุบัน

ทั้งนี้เราคงต้องติดตามความคืบหน้าของรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่จากค่ายรถยนต์ Ford ว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ซึ่งงาน LA Auto Show 2011 นั้นจะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้


ที่มาจาก The Ford Story

ทันทุกข้อมูลก่อนใครบน FB..แค่คลิ๊กที่นี่เลยถ้าเพื่อนๆ คนใดคลิ๊กแล้วไม่ต้องคลิ๊กซ้ำนะครับ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม