“ฟอร์ด เรนเจอร์ โฉมใหม่” ขับหนึบ-สุดอลังการ


   ละทิ้ง ความเล็กโบราณไว้เบื้องหลัง กับโครงสร้างเดิมที่ลุยตลาดมานานกว่า 13 ปี (เปิดตัวครั้งแรก 24 กรกฎาคม 2541) แต่จากนี้ไป “ปิกอัพสายพันธุ์แกร่ง” ซึ่งเป็นผลผลิตจากโครงการพัฒนา T6 เตรียมออกมาโลดแล่น โชว์สุดยอดสมรรถนะพร้อมความสมบุกสมบัน บนการใช้งานอันหลากหลาย
      
       สำหรับ “เรนเจอร์ โฉมใหม่” ใน โครงการปิกอัพขนาดคอมแพกต์ระดับโลกของฟอร์ด ถูกพัฒนาขึ้นที่ประเทศออสเตรเลีย (ร่วมมือกับมาสด้า) แต่จะใช้ ไทย อาร์เจนตินา และแอฟริกาใต้ เป็นฐานการผลิตหลัก เพื่อส่งไปขายรวม 180 ประเทศทั่วโลก
       การทำตลาดในประเทศไทยจะมากับ 3ตัวถังพิมพ์นิยม คือ แบบตอนเดียว (ซิงเกิลแค็บ) แค็บเปิดได้ (โอเพนแค็บ) และสี่ประตู (ดับเบิลแค็บ) วาง 3 ทางเลือกเครื่องยนต์คือ ดีเซล 4 สูบ2.2 ลิตร 150 แรงม้า และดีเซล 5 สูบ 3.2 ลิตร 200 แรงม้า และชัดเจนเพื่อคนรักแก็สกับเบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร 166 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และสองล้อ ขณะเดียวกัน ฟอร์ดจะทำรุ่นไวด์แทร็ก ที่มาพร้อมชุดแต่งรอบคันเป็นตัวขายมาตรฐาน (ไม่ใช่รุ่นพิเศษเหมือนโฉมเก่า)
      
       โดยรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลจะส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และอัตโนมัติ 6 สปีด ส่วนรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 จะประกบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
      
       ขณะที่ตัวถังยาวใหญ่ สง่างามกว่าเดิม หรือเป็นการออกแบบที่ฟอร์ดเรียกว่า “ความแข็งแกร่งแห่งศตวรรษที่ 21” ไล่ตั้งแต่กระจังหน้าลาย 3 แถบ โคมไฟหน้า กันชน ขณะที่กระจกบังลมหน้าทำมุมเอียงไปด้านหลังมากขึ้นสอดรับกับหลักอากาศ พลศาสตร์ ซึ่งฟอร์ดเคลมว่าเรนเจอร์ ใหม่ มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) เพียง 0.399หรือต่ำที่สุดในตลาดปิกอัพตอนนี้
      
       รูปลักษณ์ที่ดูบึกบึนยังอเนกประสงค์ กว่าเดิม ด้วยการยกขอบกระบะให้สูงขึ้น ส่งผลให้ตัวถังซิงเกิลแค็บ และโอเพนแค็บ มีขนาดบรรทุกของด้านหลังใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับปิกอัพระดับเดียวกันที่ 1.82 ลูกบาศก์เมตร และ 1.45 ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ส่วนรุ่นดับเบิลแค็บจะเหลือแค่ 1.21 ลูกบาศก์เมตร
      
       ภายในทันสมัยและพยายามใส่อารมณ์รถยนต์นั่งเข้าไป สังเกตจากแผงควบคุมเครื่องเสียง ปุ่มแอร์ บริเวณคอนโซลกลาง และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมช่องต่อ AUX ทั้งนี้ ในรุ่นท็อปยังมากับออปชันอย่าง ช่องต่อ USB ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ ระบบควบคุมการสั่งการด้วยเสียง(โทรศัพท์ แอร์ เครื่องเสียง) กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ รวมถึงครูสคอนโทรล และกล้องมองภาพด้านหลังสะท้อนภาพหน้าออกมาหน้าจอขนาด 4.2 นิ้ว
      
       ด้านระบบความปลอดภัยที่ฟอร์ดชอบนำออปชันใหม่ๆมาใช้เป็นเจ้าแรกๆ เสมอ (อย่างเบรกABS และถุงลมนิรภัยในปิกอัพ) ซึ่งเรนเจอร์ ใหม่ไม่ทำให้เสียประวัติศาสตร์ เพราะในตัวท็อป (เครื่องยนต์ 3.2 ลิตร ดับเบิลแค็บ ไวด์แทร็ก) จะจัดเต็มด้วยถุงลมนิรภัยรวม 8 จุด ทั้งคู่หน้า ด้านข้าง ม่านนิรภัย (ครอบคลุมโครงสร้างตัวถังและส่วนที่เป็นกระจก ตั้งแต่ เสาเอ-พิลลาร์ ไปจนถึง เสาซี-พิลลาร์)
       ตามด้วยระบบอิเลกทรอนิกส์ ไล่ตั้งแต่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ESP) ระบบ Hill Descent Control (ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ) ช่วยควบคุมการขับลงทางลาดชัน ระบบ Hill Launch Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบ Adaptive Load Control รักษาเสถียรภาพของรถในขณะที่บรรทุกของหนัก ระบบ Roll-over Mitigation ช่วยป้องกันการพลิกคว่ำ ระบบTraction Control ป้องกันล้อหมุนฟรี และ Emergency Brake Assist เพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน
      
       ด้วยระบบทั้งหลายบวกกับโครงสร้างอันแข็งแกร่ง ส่งผลให้ฟอร์ดเป็นปิกอัพนิรภัยขับขี่มั่นใจได้สุดๆ คันหนึ่ง ขณะเดียวกัน การได้รับมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวเต็ม จาก EuroNcap น่าจะช่วยยืนยันคุณภาพได้เป็นอย่างดี
      
       ส่วนความรู้สึกการขับขี่ที่ผู้เขียนมีโอกาสได้ลองตัวถังดับเบิลแค็บ ขับเคลื่อนสองล้อยกสูงหรือ ไฮ-ไรเดอร์วางเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2.2 ลิตร เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,700 รอบต่อนาที แรงบิด 375 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด (ราคา 7.99 แสนบาท)
      
       ...จากตัวเลขประสิทธิผลต่างๆ แสดงถึงทิศทางในการลดขนาดเครื่องยนต์ เพื่อลดการปล่อยมลพิษ และหวังตัวเลขประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้น หรือถ้าต้องการความแรงก็เป็นหน้าที่ของเทอร์โบชาร์จในการรีดกำลัง ตลอดจนการพัฒนาเกียร์เพื่อบริหารจัดการม้าให้ลงสู่พื้นอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกำหนดอัตราทดอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความมุ่งหวังในใช้งานแล้วแต่รุ่น
      
       อย่างคันที่ได้ลองขับเป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร แต่ให้แรงบิดถึง 375 นิวตันเมตร เรียกว่าใกล้เคียงกับขนาด 3.0 ลิตรเดิม 380 นิวตันเมตร (ซึ่งเป็นเครื่องมาสด้า) ขณะเดียวกันแรงบิดสูงสุดยังมาในรอบต่ำ 1,500-2,500 รอบเท่านั้น
      
       อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวถังมโหฬารและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม แม้จังหวะออกตัวไม่ได้อืดอาด แต่การขับรวมๆบุคลิกไม่ได้แรงพลุ่งพล่านมากมาย ซึ่งพลังจะมาแบบต่อเนื่องสมเหตุสมผล ส่วนเกียร์ 6 สปีดทำงานว่องไว บางจังหวะที่ต้องการความกระฉับกระเฉงเพื่อเร่งแซงกะทันหัน อาจต้องกดคันเร่งให้ลึกหน่อยเพื่อหวังการคิกด์ดาวน์
      
       ทั้งนี้ ข้อดีของเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดน่าจะช่วยให้รถประหยัดน้ำมันพอสมควร ยิ่งขับทางไกลใช้ความเร็ว 120 กม./ชม. ที่เกียร์สูงสุด ผู้เขียนสังเกตรอบอยู่ประมาณ 2,000 รอบเท่านั้น
       ด้านพวงมาลัยที่เปลี่ยนมาใช้แบบแรคแอนด์พิเนียนแทนที่บอลแอนด์นัท ทำให้การขับดีกว่ารุ่นเดิมเยอะ โดยน้ำหนักอาจจะเบาไปสักนิดแต่การสั่งงานซ้ายขวาแม่นยำ ที่สำคัญแม้ตัวรถจะใหญ่โต แต่ฟอร์ดก็ทดพวงมาลัยให้ควบคุมคล่องมือไม่ต้องเอี้ยวเลี้ยวให้มากรอบจนเกิน ไป ขณะที่รัศมีวงเลี้ยวแคบสุดในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ 11.8 เมตร และ 12.4 เมตร สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ
      
       การขับทางไกลภายในห้องโดยสารเก็บเสียงดี แรงสั่นอาการสะเทือนและเสียงของเครื่องยนต์ ถือว่าฟอร์ดจัดการได้เยี่ยม ส่วนโครงสร้างเบาะนั่งรองรับแผ่นหลังดี และหลังจากลงจากรถมาแล้วไม่รู้สึกเมื่อยตัวปวดตับ
      
       ในส่วนช่วงล่างบนพื้นฐานแชสซีส์ใหม่ ใหญ่และแกร่งกว่าเดิม ด้านหน้าเป็นปีกนกสองชั้น พร้อมคอยล์ปริง หลังเป็นแหนบแผ่นซ้อนที่เซ็ทมาหนึบแน่น การขับรวมๆทรงตัวยอดเยี่ยมเกาะถนนเป็นเลิศ จังหวะเข้าโค้งหนักๆ ยังควบคุมพวงมาลัยได้มั่นใจ ตัวรถไม่มีดิ้นไม่มีหลุด
       การนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังของตัวถังดับเบิลแค็บนั้น อาจรับรู้ถึงแรงสะเทือนจากพื้นถนนพอสมควร แต่ก็ไม่กระด้างดิบเหมือน “เรนเจอร์ ไฮ-ไรเดอร์” รุ่นเก่า ส่วนพื้นที่นั้นกว้างขวางนั่งสบายไม่แพ้ “โตโยต้า วีโก้” และ “มิตซูบิชิ ไทรทัน”
      
       สำหรับใครที่ซื้อ “เรนเจอร์ โฉมใหม่” จะได้รับของแถมเป็นถังน้ำมันขนาดใหญ่พิเศษ 80 ลิตร ซึ่งฟอร์ดมั่นใจว่ารุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร จะวิ่งได้ระยะทางไกลกว่า 1,000 กิโลเมตรแน่นอน หรือเคลมอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยไว้ 13.7 กิโลเมตรต่อลิตร
      
       รวบรัดตัดความ...ถ้า ไม่ต้องการลุย หรือหวังแรงเพื่อใช้งานหนัก รุ่นดีเซล 2.2 ลิตรขับเคลื่อนสองล้อน่าจะเพียงพอ กับรูปทรงใหญ่สุดเท่ ขับดี ช่วงล่างหนึบ บนราคาเหมาะสม ยิ่งตัวถังดับเบิลแค็บจะเสียภาษีประจำปีถูกลงเยอะ (เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ขนาด 3.0 และ 3.2 ลิตร)
      
       ฟอร์ด เรนเจอร์ พร้อมเปิดประสบการณ์การขับขี่ให้นักเลงปิกอัพ แต่จะด้วยปัญหาการผลิตหรือแผนการตลาดทำให้รุ่นเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร ยังไม่มีรถส่งมอบและต้องรอถึงเดือนเมษายน ส่วนตัวท็อป 3.2 ดับเบิลแค็บ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ไวด์แทร็ก ราคาทะลุ 1 ล้านบาทแน่นอน...
      
      
      
      
      
      
      
      
      
      



0 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม