Toyota Yaris 2012 เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก

หลังจากที่ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปฃายปีที่ผ่านมา Toyota ก็ได้เริ่มทยอยเปิดตัว All-New Yaris รุ่นปี 2012 ในยุโรป และล่าสุดที่งาน 2011 Australian International Motor Show แต่ครั้งนี้ Yaris โฉมใหม่มาพร้อมชุดแต่งสไตล์สปอร์ตจาก TRD ซึ่งประกอบด้วย แผงกระจังหน้าแบบรังผึ้ง กันชนหน้าดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่ขึ้น ขอบโครเมี่ยมสำหรับกระจังหน้าส่วนล่าง สเกิร์ตข้าง ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ กันชนหลังที่มาพร้อมดิฟฟิวเซอร์ และสปอยเลอร์หลังคา

Toyota จะเริ่มจำหน่าย All-New Yaris ที่ประเทศออสเตรเลียในไตรมาสสุดท้ายของปี 2011 นี้

Toyota Yaris 2012 เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก รูปที่ 1

Toyota Yaris 2012 เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก รูปที่ 2

Toyota Yaris 2012 เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก รูปที่ 3

ขอบคุณเนื้อหาจากToyota Yaris 2012 เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก รูปที่ 4

Mazda BT-50 แต่ง Off-Road พร้อมรุ่น Freestyle Cab เปิดตัวที่ออสเตรเลีย

การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในงาน 2011 Australian International Motor Show อาจจะแตกต่างจากงานแสดงรถยนต์ในประเทศอื่นๆตรงที่ค่อนข้างจะเข้มงวดในการเผยแพร่ภาพรถยนต์ที่นำมาแสดงในงาน โดยรถที่เราให้ความสนใจมากที่สุดรุ่นหนึ่งในงานก็คือ All-New Mazda BT-50 ปี 2012 โฉมใหม่ซึ่งในงานจะเป็นการเปิดตัวรถต้นแบบของ BT-50 Freestyle Cab ที่เราเคยนำเสนอไปแล้ว ซึ่งล่าสุดการเปิดตัวในงานไม่มีอะไรแตกต่างไปจากที่เราได้เคยนำเสนอในเรื่องมิติตัวถังและภายในห้องโดยสาร ที่เพิ่มเข้ามาคือภาพอย่างเป็นทางการ(ที่บางภาพอาจจะซ้ำกับที่เราได้นำมาให้ชมไปก่อนหน้านี้) และภาพจากเว็บไซต์ caradvice.com.au และ ausmotive.com

โดยเฉพาะภาพ BT-50 จาก ausmotive.com ที่สร้างความแปลกใหม่ด้วยการเสริมอุปกรณ์ Off-Road แบบเต็มยศให้กับกระบะรุ่นนี้ด้วยการ์ดกันชนติดเสาอากาศ ไฟสปอตไลต์บนหลังคาและการ์ดกันชน ล้อและยาง Off Road แต่งดุแบบนี้แน่นอนว่าจะช่วยทำให้ “ว่าที่เจ้าของกระบะรุ่นใหม่” เกิดความลังเลขึ้นมาอีกครั้งว่าจะเล่นตัวไหนดีตอนปลายปี? หนักใจแทนจริงๆ

Mazda BT-50 แต่ง Off-Road พร้อมรุ่น Freestyle Cab เปิดตัวที่ออสเตรเลีย รูปที่ 1

Mazda BT-50 แต่ง Off-Road พร้อมรุ่น Freestyle Cab เปิดตัวที่ออสเตรเลีย รูปที่ 2

Mazda BT-50 แต่ง Off-Road พร้อมรุ่น Freestyle Cab เปิดตัวที่ออสเตรเลีย รูปที่ 3

Mazda BT-50 แต่ง Off-Road พร้อมรุ่น Freestyle Cab เปิดตัวที่ออสเตรเลีย รูปที่ 4

Mazda BT-50 แต่ง Off-Road พร้อมรุ่น Freestyle Cab เปิดตัวที่ออสเตรเลีย รูปที่ 5

ขอบคุณเนื้อหาจากToyota Yaris 2012 เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก รูปที่ 4

เปิดตัว Toyota Tundra ต้นแบบ Vigo 2011 ไทย

กลับมาอีกครั้งแล้ว สำหรับข่าวสารวงการรถยนต์ คราวนี้เอาใจคนชอบรถกระบะนำข่าวเด็ดๆ จากค่าย Toyota มาฝากพี่ๆ น้องๆ กันครับ
ซึ่งล่าสุดทาง Thaicarlover.com ได้ข่าวมาว่า

Toyota ได้เปิดตัวรถยนต์ Toyota Tundra กระบะไซส์ยักษ์จากแดนปลาดิบสู่เมืองลุงแซม หรืออเมริกา ซึ่ง Tundra เป็นกระบะใหญ่ในทุกมิติ มีตัวถังให้เลือกทั้งสี่แบบ ทั้งตอนเดียว ตอนครึ่ง สองตอนแบบเล็ก และสองตอนแบบกว้าง ที่ให้ความหรูหรา สะดวกสบาย กว้างใหญ่ และยังให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยม

Toyota Tundra

Toyota Tundra

ภายนอกของ Toyota Tundra จะดุดัน ยิ่งใหญ่ สมกับกระบะอเมริกัน ด้วยการออกแบบให้โป่งล้อเป็นแบบขึ้นรูปกับตัวถัง จึงดูแนบเนียนและดุดัน มาพร้อมไฟหน้าขนาดใหญ่แบบมัลติรีเฟลกเตอร์ ส่องสว่าง และสอดรับกับกระจังหน้าแบบสี่เหลี่ยมคางหมู ขอบโครเมี่ยม

Toyota Tundra-Back

Toyota Tundra-Back

ด้านภายในกว้าง นั่งสบาย หรูหรา เบาะนั่งด้านหน้าปรับด้วยไฟฟ้าได้ และหุ้มเบาะด้วยหนังแท้ พวงมาลัยสี่ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมเครื่องเสียง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และระบบสั่งงานด้วยเสียง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบเครื่องเสียงชั้นดี และจอมอนิเตอร์ พร้อมระบบนำทาง GPS กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ พร้อมปุ่มรีโมตเปิดประตูโรงรถอัตโนมัติ

ภายใน Toyota Tundra

ภายใน Toyota Tundra

เครื่องยน ต์ที่ใช้เป็นเครื่องยนต์ ดีเซล และเครื่องยนต์ เบนซิน 8 สูบ VVT-i DOHC 32 วาล์ว 5.7 ลิตร ที่ให้แรงม้ามากกว่า 300 แรงม้า และแรงบิดมหาศาล ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ECT-i Sequential ที่ปรับเกียร์เองได้ มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อ และขับเคลื่อนสี่ล้อ

ระบบความปลอดภัย ก็มีมาให้เป็นพื้นฐานทั้งระบบเบรก ABS ดิสก์เบรก 4 ล้อ และถุงลมนิรภัยคู่หน้า เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น และยังมีถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับเบาะนั่งด้านหน้า และม่านนิรภัยให้เลือกเป็นออพชั่นในรุ่นสี่ประตู ทั้งตอนแคบและตอนกว้างอีกด้วย

สำหรับแฟนๆ Chevrolet ในบ้านเรา คงต้องรอการเปิดตัวรถยนต์ Toyota Vigo โฉมใหม่ที่อาจจะมีขึ้้นในงาน Motor Expo 2011 (มอเตอร์ เอ็กซ์โปร 2011 หรือ 2554) ปลายปีนี้ นะครับ

อย่าพลาดติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถใหม่ รวมถึงความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ทั้งไทย และต่างประเทศได้ใหม่กับ Thaicarlover.com ครับ

Proton Exora 1.6L High Line 8.19 แสนบาท “ให้ได้มากกว่านี้...มีอีกมั้ย?!“

"...แม้พละกำลังจะดูน้อยนิด เมื่อเทียบกับขนาดของลำตัว เรื่องความสวยสมส่วนอาจช่วยให้ได้เปรียบมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่มากเท่ากับความ "คุ้มค่า" ของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ให้มาเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวในช่วงแปดแสนต้น..."

ด้วยลุค MPV ที่ดูเรียบง่าย ไม่โดดเด่นแต่ก็ไม่ตกยุค ของรถยนต์เอนกประสงค์ 7 ที่นั่ง เลือดแท้จากแดนเสือเหลือง ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้ของ Proton Exora จะราบรื่นไร้ขวากหนาม เมื่อผู้บริหารเดินทางมาถูกแนว ด้วยการเน้นไปที่สินค้า "เพิ่มมูลค่า" ขณะที่ราคายังคงให้ความเป็นกันเอง ทำให้ MPV คันนี้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี มียอดขายสูงแซงหน้าบรรดาคู่แข่งในระดับเดียวกันอย่างน่าประหลาดใจ

Proton Exora 1.6L High Line

=============================

หลายคนทักว่า "คล้าย...รุ่นพี่" ในแวดวง

แต่ค่าตัวต่างกันจน "น่าตกใจ !!!"

=============================

ขับไปไหนต่อไหนมีแต่คนทักคนทายว่าภายนอก Proton Exora หน้ามนกระเดียดไปทางรุ่นพี่ค่าย M หุ่น MPV เหมือน ๆ กัน ตอนแรกคิดว่าคนทัก "ตาถั่ว" แต่พอเดินวนรอบตัวรถถึงได้เห็นความคล้าย ซึ่งนั่นหมายความว่า Exora น่าตาไม่ขี้ริ้ว ถึงขนาดเทียบชั้นรุ่นพี่ได้ ไม่ว่าจะกระจังหน้าประดับโลโก้ Proton พร้อมคิ้วโครเมียมขนาดกำลังสวย เส้นสันฝากระโปรงหน้าซ้าย-ขวาดึงโฉมหน้าให้ดูบึกบึน ซุ้มโป่งล้อทั้ง 4 ดึงขยายสไตล์สปอร์ต ส่งผลให้ตัวรถดูอ้วนใหญ่แต่ไม่เทอะทะ โคมไฟหน้าขนาดใหญ่รับกับกันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอก กระจกมองข้างมาพร้อมไฟ เลี้ยวแบบ LED ประตูทั้ง 4 บานแม้จะไม่สามารถเปิดกว้างแบบบานสไลด์เหมือนคู่แข่ง แต่ก็ขึ้นลงง่ายสบาย ๆ จากการออกแบบพื้นห้องโดยสารที่สูงพอดี ๆ

Proton Exora 1.6L High Line

มุมมองด้านข้างดูเป็น MPV สมส่วน มิติรวม ๆ ถือว่าเท่ากับคู่แข่ง ด้านท้ายรถดีไซน์เหลี่ยมจัด ให้ความรู้สึกเหมือนกับขับตามหลังรถตู้ ไฟท้าย LED ขนาดใหญ่วางตั้งตามตำแหน่งเสา D-Pillar ดูกลมกลืนธรรมดา

ภายในห้องโดยสารดูกว้างกว่าคู่แข่งในทุกมิติ ขณะที่การดีไซน์ชุดคอนโซลหน้าดูธรรมดา เน้นการใช้ งานที่ง่าย แต่ติตรงที่วัสดุที่ใช้ดูไม่สมกับคำว่า MPV หลักแสนปลายสักเท่าไหร่ ส่วนเรือนไมล์ใช้เส้นสายแสงสีสวย โทนแดงให้อารมณ์สปอร์ตแปลก ๆ แต่อ่านค่าง่าย ไล่ระดับลงมาที่ช่องแอร์ ชุดเครื่องเสียงวิทยุ Single CD/ MP3/WMA พร้อม Bluetooth เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ ส่วนห้องโดยสารตอนหลังให้เครื่องเล่น DVD พร้อมจอ LED ขนาด 8.5 นิ้ว พร้อม SD/MMC Slot และ USB port สำหรับของเล่น 2 ชิ้นนี้ยอมรับว่า "น่าพิสมัย" ยิ่งนัก

Proton Exora 1.6L High Line

ตามมาที่ชุดคันเกียร์แบบขั้นบันได การออกแบบดูสวยงาม พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน พร้อมระบบมัลติฟังก์ชันปรับสูง-ต่ำได้อำนวยความสะดวกขณะขับขี่เดินทางใกล้-ไกลได้เป็นอย่างดี ตำแหน่งถ้านั่งโดยรวมเหมือนโซฟานั่งสบาย ให้ทัศนวิสัยชัดเจนจากกระจกรอบคันบานใหญ่

การจัดวางตำแหน่งเบาะนั่ง แบบ 2+3+2 ที่นั่ง ให้พื้นที่วางเท้าเหลือเฟือ ในตำแหน่งเบาะคู่หน้าให้ที่เท้าแขนมาครบ ส่วนแถว 2 มาให้ที่เท้าแขนตรงกลาง 1 จุด โดยเบาะแถว 2 สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานเพื่อเพิ่มเนื้อที่ในการขนสัมภาระได้ค่อนข้างง่ายไม่ยุ่งยาก ขณะที่การเข้า-ออกโดยสารบริเวณเบาะแถว 3 ก็ง่ายดาย ที่สำคัญเบาะแถวนี้สามารถปรับแบนราบได้ เพิ่มประสิทธิภาพในการขนสัมภาระที่จำเป็นต้องใช้พื้นราบได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือห้องโดยสารกว้างใหญ่ขนาดนี้ แต่ Proton ไม่ลืมที่จะใส่ระบบปรับอากาศ พร้อมชุดปรับแรงลมตอนหลัง และช่องแอร์สำหรับที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 มาให้ แหม...เอนกประสงค์คุ้มราคาจนไม่รู้จะติตรงไหน

================

ความต่างระหว่างรุ่น...

================

Proton Exora มีให้เลือก 3 รุ่น 3 ความต่าง โดยรุ่นท็อปค่าตัว 8.19 แสนบาท ได้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและชุดแต่งครบทุกสิ่งอย่าง โดยอุปกรณ์บางชิ้นในรุ่นกลาง Medium Line ราคา 719,000 และ 759,000 บาทไม่มี นั่นคือ กระจกแต่งหน้าฝั่งคนขับ วัสดุหุ้มเบาะและแผงประตูหนัง ที่พักเท้าซ้าย ที่พักแขนเบาะหน้า

Proton Exora 1.6L High Line

ไฟตัดหมอกหน้า สปอยเลอร์หลัง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เครื่องเล่น DVD พร้อมจอ LED ขนาด 8.5 นิ้ว พร้อม SD-MMC Slot และ USB port คิ้วโครเมียมแต่งท้ายรถ และอะลูมิเนียมตกแต่งรอบคันเกียร์

==================================

พละกำลัง...แม้จะดูด้อย แต่ระบบช่วงล่างโดดเด่นเหนือคู่แข่ง

==================================

Proton Exora มาพร้อมขุมพลัง CPS Campro 1.6L แถวเรียง 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้ความรู้สึกตอบสนองการขับขี่ "จัดจ้าน" กว่า Proton Neo CPS ที่ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด แม้ Neo CPS จะตัวถังเล็กกว่า แต่เรื่องการตอบสนอง Exora โดนใจกว่า การเรียกความเร็วอาจจะต้องทำใจในการไต่ระดับ 0-100 กม./ชม. ใช้เวลานานไปนิด (15.6 วินาที) จากขนาดตัวถังที่ใหญ่โต แต่เรื่องการออกตัวหรือการขับขี่ที่ความเร็วต่ำพอไปวัดไปวาได้ ประมาณเด็ก ๆ ในรถไม่กล้าว่า "ระวังเต่ากัดยาง"

ระหว่างทำความเร็วไต่ระดับไปจนถึง 120 กม./ชม. เสียงเครื่องยนต์ร้องครวญครางให้ได้ยินบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นโวยวายจนเลอะเทอะ แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของวัสดุภายในห้องโดยสารที่ Proton พยายามแล้วในการควบคุมเสียงและการเลือกใช้วัสดุ ส่วนอัตราสิ้นเปลืองทดสอบบนเส้นทาง ถ.พระราม 2-จังหวัดเพชรบุรี ระยะทางรวม 150 กม.ไป-กลับ Exora ทำได้ 12.0 กม./ลิตร จิบระดับนี้ถือว่าไม่ขี้เหร่

Proton Exora 1.6L High Line

ด้านระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังแบบอิสระ มัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง แน่นอนว่า Proton Excora ให้การยึดเกาะถนนที่ค่อนข้างดีเยี่ยม ขณะเดียวกันคือให้ความนุ่มนวลของช่วงล่างกลับมาพร้อม ๆ กันด้วย งานนี้คอนเฟิร์มโดยผู้โดยสารที่เป็นช่างภาพ (ป้ายแดง) ผู้ซึ่งชื่นชอบรถยนต์ประเภท MPV เป็นนักหนา ระหว่างทางมีการเปรียบเปรยคู่แข่งตลอดเวลา เสียงสะท้อนที่กลับมาคือ Exoraเหนือกว่าจริงในด้านการทรงตัว และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ให้มาเมื่อเทียบกับราคาจำหน่าย

...สรุปคือ MPV ค่าตัว 8.19 แสนบาท ให้ได้มากเท่านี้...ยังมีอีกหรือไม่?!?

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.ecareasy.com

เฮ!!! กรุงเทพได้อันดับ 1 เมืองน่าท่องเที่ยว 3 ปีติด



เฮ!!! กรุงเทพได้อันดับ 1 เมืองน่าท่องเที่ยว 3 ปีติด


กรุงเทพ คว้ารางวัล World Best City จากผลโหวตของนักท่องเที่ยว

9 ก.ค.รายงานข่าวแจ้งว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการจัดลำดับเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเป็นประจำทุกปี ของ เทรเวล แอนด์ เลชเชอร์ (Travel & Leisure) นิตยสารด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลโหวตล่าสุดจากการออกแบบสอบถามผู้อ่าน ปรากฎว่า กรุงเทพมหานครสามารถได้รางวัลเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของโลก หรือ World ‘s Best Award ประจำปี 2011 มาครองได้สำเร็จ ด้วยคะแนนโหวต 90.99 % ตามมาด้วยเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี คะแนน 89.92 % และกรุงโรม ประเทศอิตาลี คะแนน 88.45 % ตามลำดับ
ทั้ง นี้ กรุงเทพมหานครได้รับราวัล World’s Best Award เป็นครั้งที่สาม

จากที่เคยได้รับมาแล้วในปี 2008 และปี 2011 ที่ผ่านมา
โดยรางวัลเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของโลกได้พิจารณาจากสถานที่ ทัศนียภาพ ความสวยงาม ร่มรื่น ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี อาหารการกิน แหล่งช้อปปิ้ง ความเป็นมิตรของผู้คน และความคุ้มค่าของเงิน

ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีกำหนดเดินทางไปรับรางวัลด้วยตัวเองในวันที่ 14 กรกฎาคม 2554 นี้ ณ นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ส่วนการจัดอันดับ World’s Best Award 2011 โดยผู้อ่านนิตยสาร Travel & Leisure 10 อันดับ มีดังนี้

อันดับ 1 กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
อันดับ 2 เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี อันดับ 3 กรุงโรม ประเทศอิตาลี อันดับ 4 นครนิวยอร์ค ประเทศอันดับ 5 นครอิสตันบู ประเทศตุรกี อันดับ 6 เมืองเคป ทาวน์ ประเทศอาฟาริกาใต้ อันดับ 7 เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา อันดับ 8 นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย อันดับ 9 เมืองบาเซโลน่า ประเทศสเปน และอันดับ 10 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

อนึ่ง การใช้ กรุง นำหน้าหมายถึงเมืองหลวงของประเทศนั้นๆ ส่วน นคร หมายถึงเมืองใหญ่หรือเมืองท่าที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ



oknation

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม