ดอยอ่างขาง ชมดอกไม้เมืองหนาว

ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง


ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง


ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง


ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง


ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง


ดอยอ่างขาง


เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ 3seasons

ลมหนาวมาแล้ว ... ถึงเวลาออกไปโลดแล่นสัมผัสกับอากาศเย็น ๆ กันซะหน่อย ^^ และวันนี้กระปุกดอทคอมจะพานักเดินทางไปท้าทายความหนาวเย็นไกลถึง "เชียงใหม่" สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง หรือที่หลายคนเรียกว่า ดอยอ่างขาง กันค่ะ ใครเตรียมตัวเตรีมใจพร้อมแล้ว ก็ตามเราเข้าไปเลยค่ะ...

สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง ตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มีความสูงจากระดับน้ำทะ 1,400 เมตร และมียอดดอยสูงถึง 1,928 เมตร พื้นที่รับผิดชอบประมาณ 26.52 ตารางกิโลเมตร หรือ 16,577 ไร่ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2512 ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า "ให้เขาช่วยตัวเอง"เปลี่ยนพื้นที่จากไร่ฝิ่นมาเป็นแปลงเกษตรเมืองหนาว ที่สร้างรายได้ดีกว่าเก่าก่อน

ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง

ประวัติ...ดอยอ่างขาง

โดยเรื่องกำเนิดของ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง แห่งนี้ เป็นเกร็ดประวัติเล่ากันต่อมาว่า ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จทางเฮลิคอปเตอร์ผ่านยอดดอยแห่งนี้ และทอดพระเนตรลงมาเห็นหลังคาบ้านคนอยู่กันเป็นหมู่บ้าน จึงมีพระดำรัสสั่งให้เครื่องลงจอด เมื่อเสด็จพระราชดำเนินลงมาทอดพระเนตรเห็นทุ่งดอกฝิ่น และหมู่บ้านตรงนั้นก็คือหมู่บ้านของชาวเขาเผ่ามูเซอ ซึ่งในสมัยนั้นยังไว้แกละถักเปียยาว แต่งกายสีดำ สะพายดาบ ทำการปลูกฝิ่นแต่ยังยากจน ทั้งยังทำลายทรัพยากรป่าไม้ ต้นน้ำลำธารที่เป็นแหล่งสำคัญต่อระบบนิเวศน์ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนอื่น ๆ ของประเทศได้ พระองค์มีพระราชดำรัสที่จะแปลงทุ่งฝิ่นให้เป็นแปลงเกษตร

จึงทรงมีพระราชดำริว่าพื้นที่นี้มีภูมิอากาศที่หนาวเย็น มีการปลูกฝิ่นมาก ไม่มีป่าไม้อยู่เลย และสภาพพื้นที่ไม่ลาดชันนัก ประกอบกับพระองค์ทรงทราบว่า ชาวเขาได้เงินจากฝิ่นเท่ากับที่ได้จากการปลูกท้อพื้นเมือง และทรงทราบว่าที่สถานีทดลองไม้ผลเมืองหนาว ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทดลองวิธีติดตา ต่อกิ่งกับท้อฝรั่ง จึงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1,500 บาท เพื่อซื้อที่ดินและไร่ในบริเวณ ดอยอ่างขาง ส่วนหนึ่ง

ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง

จากนั้นจึงโปรดเกล้าฯ ตั้งโครงการหลวงขึ้นเป็นโครงการส่วนพระองค์ เมื่อ พ. ศ. 2512 โดยทรงแต่งตั้งให้ หม่อมเจ้า ภีศเดช รัชนี เป็นผู้สนองพระบรมราชโองการในตำแหน่งมูลนิธิโครงการหลวง ใช้เป็นสถานีวิจัยและทดลองปลูกพืชเมืองหนาวชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้ผล ผัก ไม้ดอกเมืองหนาว เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขา ในการนำพืช เหล่านี้มาเพาะปลูกเป็นอาชีพ ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานนามว่า "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง"

"อ่างขางในอดีตวันนั้นสวยมากด้วยดอกฝิ่นและภูมิประเทศ เราได้เห็นต้นท้อ แอ๊ปเปิ้ลป่า และทราบว่าอากาศหนาวเราได้คุยกับผู้ที่ไปตั้งร้านขายของ ซื้อฝิ่นเขาขึ้นมาอีกทางหนึ่ง ห่างจากค่ายทหารจีนโดยที่ชาวเขาส่วนมากอพยพไปที่อื่น อ่างขางจึงมีที่เหลือให้หญ้าคาขึ้นอยู่มาก ด้วยเหตุนี้จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งสถานีเกษตรหลวงอ่างขางขึ้นเมื่อ 30 ปี มานี้ สถานีเกษตรหลวงอ่างขางได้ทำวิจัยได้" ม.จ. ภีศเดช รัชนี กล่าว

โดยคำว่า "อ่างขาง" ภาษาเหนือหมายถึง อ่างรูปสี่เหลี่ยมตามลักษณะของดอยอ่างขาง ซึ่งเป็นดอยที่มีรูปร่างของหุบเขา ยาวล้อม รอบประมาณ 5 กิโลเมตร กว้าง 3 กิโลเมตร ตรงกลางของอ่างขางเดิมเป็นภูเขาสูง เช่นเดียวกับบริเวณโดยรอบ แต่เนื่องจากเป็นภูเขาหินปูน เมื่อถูกน้ำฝนชะก็จะค่อย ๆ ละลายเป็นโพรงแล้วยุบตัวลงกลายเป็นแอ่ง มีพื้นที่ราบ ความกว้างไม่เกิน 200 เมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง

ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง

สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีโครงการวิจัยผลไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว งานสาธิตพืชไร่ พืชน้ำมัน โดยมุ่งที่จะหาผลิตผลที่มีคุณค่าพอที่จะทดแทนการปลูกฝิ่นของชาวเขา และทำการส่งเสริมพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมแก่ชาวเขาในบริเวณใกล้เคียง ปัจจุบัน ดอยอ่างขาง ได้เปลี่ยนสภาพจากภูเขา ซึ่งถูกตัดไม้ทำลายป่ามาเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้ผลเมืองหนาวกว่า 12 ชนิด ได้แก่ ท้อ บ๊วย พลัม สตรอเบอร์รี่ สาลี่ ราสเบอรี่ พลับ กีวี ลูกไหน เป็นต้น ผักเมืองหนาวกว่า 60 ชนิด เช่น แครอท ผักสลัดต่างๆ ฯลฯ และไม้ดอกเมืองหนาวมากกว่า 20 ชนิด เช่น คาร์เนชั่น กุหลาบ แอสเตอร์ เบญจมาศ ฯลฯ จำหน่ายผลิตผลตามฤดูกาลที่ปลูก ในโครงการให้แก่นักท่องเที่ยวตามฤดูกาล

สำหรับบน ดอยอ่างขาง มีชาวไทยภูเขาเผ่าจีนฮ่อ ไทยใหญ่ มูเซอดำ และปะหล่อง อาศัยอยู่โดยรอบกว่า 600 ครัวเรือนใน 6 หมู่บ้าน ส่วนสภาพอากาศจะเย็นสบายตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 16.9 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม อากาศเย็นจนน้ำค้างกลายเป็นน้ำค้างแข็ง นักท่องเที่ยวจึงควรเตรียมเครื่องกันหนาวมาให้พร้อม เช่น หมวก ถุงมือ ถุงเท้า เสื้อกันหนาว


ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง

กิจกรรมท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง ได้แก่…

• ชมแปลงสาธิต ผัก ผลไม้ และไม้ดอกเมืองหนาวภายในศูนย์ฯ สามารถขับรถวนเป็นวงกลม ค่าเข้าชมคนละ 30 บาท ยานพาหนะคันละ 50 บาท

• ชมสวนบอนไซ อยู่ในบริเวณสถานีฯ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้เขตอบอุ่นและเขตหนาวทั้งในและต่างประเทศ ปลูก ดัด แต่ง โดยใช้เทคนิคบอนไซ สวยงามน่าชม และในบริเวณเดียวกันก็มีสวนสมุนไพรด้วยฤดูท่องเที่ยวอยู่ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม

• เยี่ยมหมู่บ้านหลวง สัมผัสชีวิตชาวจีนฮ่อ ชาวหมู่บ้านหลวงเป็นชาวจีน ยูนานที่อพยพมาจากประเทศจีนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และประกอบอาชีพด้านการเกษตรกรรมเป็นหลัก อาทิ ปลูกผักผลไม้ เช่น พลัม ลูกท้อ และสาลี่

ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง

• เยี่ยมหมู่บ้านนอแล สัมผัสวิถีชีวิตชาวปะหล่อง อดีตชนเผ่าดั้งเดิมของพม่า มีผลิตภัณฑ์หัตถกรรมของกลุ่มแม่บ้าน จำหน่ายและเยี่ยมฐานปฏิบัติการนอแล ชมชายแดนไทย-พม่า ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย - พม่า แต่เดิมคนกลุ่มนี้อยู่ในพม่าและพึ่งอพยพมาที่นี่ได้ประมาณ 15 ปี คนที่นี่เป็นชาวเขาเผ่าปะหล่องเชื้อสายพม่า ซึ่งมีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง นับถือศาสนาพุทธ ทุกวันพระผู้คนที่นี่หยุดอยู่บ้านถือศีล จากหมู่บ้านนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามของธรรมชาติ บริเวณพรมแดนไทย-พม่า

• เที่ยวบ้านขอบด้ง สัมผัสวิถีชีวิตชาวเขาเผ่ามูเซอ มีมัคคุเทศก์น้อยพาเยี่ยมชมภายในหมู่บ้าน เป็นที่ที่ชาวเขาเผ่า มูเซอดำและเผ่ามูเซอแดงอาศัยอยู่ร่วมกัน คนที่นี่นับถือผี มีวัฒนธรรมและความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการส่งเสริมจากโครงการหลวงในด้านการเกษตร และด้านหัตถกรรมพื้นบ้าน (เช่น อาบูแค เป็นกำไลถักด้วยหญ้าไข่เหามีสีสันและลวดลายในแบบของมูเซอ) บริเวณหน้าหมู่บ้านจะมีการจำลองบ้านและวิถีชีวิตของ ชาวมูเซอ โดยชาวบ้าน ครู และนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้ง ช่วยกันสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจ ได้มีโอกาสเรียนรู้และศึกษาวัฒนธรรมของหมู่บ้าน โดยที่ไม่เข้าไปรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขามากเกินไป และยังมีโครงการมัคคุเทศก์น้อย ที่อบรมเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้ง เพื่อช่วยอธิบายวิถีชีวิตของพวกเขาให้ผู้มาเยือน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกและสร้างความรักท้องถิ่นให้เด็ก ๆ ด้วย


ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง


• เที่ยวหมู่บ้านคุ้ม ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีฯ เป็นชุมชนเล็ก ๆ ประกอบด้วยผู้อยู่อาศัยหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน อาทิชาวไทยใหญ่ ชาวพม่าและชาวจีนฮ่อ ซึ่งได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้ และเปิดร้านค้าบริการแก่นักท่องเที่ยว

• เดินป่าศึกษาธรรมชาติระยะสั้น ประมาณ 2 กิโลเมตร จะได้ชมความงามธรรมชาติของผืนป่าปลูกทดแทน น้ำตกเล็กๆ และกุหลาบพันปี

• ขี่จักรยานเสือภูเขาชมธรรมชาติ จากบ้านคุ้มไปยังบ้านนอแล และจากบ้านหลวงไปยังบ้านผาแดง

ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง

• กิจกรรมดูนก ที่มีทั้งนกประจำถิ่นและนกหายากต่างถิ่นให้ศึกษาหลากสายพันธุ์ มากกว่า 1,000 สายพันธุ์ จุดที่เหมาะคือสถานีป่าแม่เผอะและบริเวณรอบๆ รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขาง

• ขี่ฬ่อล่องไพร ชมความงดงามของธรรมชาติ ในบรรยากาศเย็นสบายรอบ ๆ ดอยอ่างขาง ด้วยการนั่งบนหลังฬ่อ (การนั่งบนหลังฬ่อต้องนั่งหันข้าง เนื่องจากอานกว้างไม่สามารถนั่งคร่อมอย่างการขี่ม้าได้) หากสนใจกิจกรรมนี้ต้องติดต่อกับรีสอร์ทล่วงหน้าอย่าน้อย 1 วัน เพราะปกติชาวบ้านจะนำฬ่อไปเป็นพาหนะขนผลิตผลทางการเกษตรด้วย

• จุดชมวิว-จุดกิ่วลมชนิด เป็นลานชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตกดิน และสัมผัสทัศนียภาพของถนนทางขึ้น ดอยอ่างขาง อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงทางแยก ซึ่งจะไปหมู่บ้านปะหล่องนอแลทางหนึ่ง และบ้านมูเซอขอบด้งทางหนึ่ง สามารถชมวิวได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก หรือทะเลหมอก มองเห็นทิวเขารอบด้าน และหากฟ้าเปิดจะมองเห็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขางด้วย

ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง

ที่พักและร้านอาหาร

สถานีเกษตรหลวงอ่างขางมีบ้านพักรับรองภายในศูนย์ฯ จำนวน 18 หลัง ดังนี้...

• ขนาดพัก 2 คน ราคา 1,000 บาท/หลัง/คืน
• ขนาดพัก 6 คน ราคา 1,200 บาท/หลัง/คืน
• ขนาดพัก 40 คน ราคา 150 บาท/คน/คืน
• เต็นท์บริการ ขนาด 2-3 คน ราคา 150 บาท/หลัง/คืน หากรวมถุงนอนราคา 300 บาท/หลัง/คืน
• เต็นท์บริการ ขนาด 4-5 คน ราคา 300 บาท/หลัง/คืน หากรวมถุงนอน ราคา 500 บาท/หลัง/คืน
• กรณีนำเต็นท์มาเองคิดค่าบริการพื้นที่คนละ 20 บาท
• มีร้านอาหารและเครื่องดื่มภายในสโมสรอ่างขาง

หมายเหตุ : กรุณาสำรองที่พักล่วงหน้าก่อนเดินทางอย่างน้อย 1 เดือน โทร. 0-5345-0107-9

การเดินทาง





การเดินทางสู่ดอยอ่างขางสามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง

• เส้นทางที่ 1 จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง เลี้ยวซ้ายทางแยกตำบลเมืองงาย ตรงเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 1178 ผ่านบ้านอรุโณทัยไปยังศูนย์ฯ

• เส้นทางที่ 2 จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ถึงกิโลเมตร 137 แยกบ้านปางควาย เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1249 ตรงไปประมาณ 25 กิโลเมตร

หมายเหตุ : ใช้รถยนต์ได้ทุกประเภท (ควรเช็คสภาพเครื่องยนต์ก่อนขึ้นเขา และผู้ขับขี่ควรมีประสบการณ์ เพราะเส้นทางมีความชันมาก) หรือใช้บริการรถยนต์รับจ้าง จุดจอด ณ ปากทางขึ้นดอยอ่างขาง ราคาเหมา 1,000 - 1,500 บาท

สถานที่ติดต่อ

• สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง บ้านคุ้ม หมู่ 5 ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ 50320 โทร. 0-5345-0107-9

มีเซอร์ไพรส์ !! เฟซบุ๊ก เตรียมเปิดตัวลูกเล่นใหม่อาทิตย์หน้า

facebook


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


ใครใช้เฟซบุ๊กบ้างยกมือขึ้น.. อาทิตย์หน้าเตรียมตัวของคุณให้พร้อม เพราะทางเฟซบุ๊กเตรียมจะเปิดตัวลูกเล่นใหม่ให้ได้ใช้กันแล้ว !!


เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม เว็บไซต์เดลิเมล ของอังกฤษ รายงานว่า มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์สังคมออนไลน์สุดฮิตอย่าง "เฟซบุ๊ก" ได้ออกมาประกาศว่า เฟซบุ๊กมีแผนที่จะเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่รับรองว่าจะต้องเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กในช่วงสัปดาห์หน้าอย่างแน่นอน

สำหรับฟีเจอร์ใหม่ที่ว่านี้ เป็นฟีเจอร์ที่ได้รับการพัฒนาจากทีมงานเฟซบุ๊กกว่า 40 คน เพื่อตอบสนองผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต รวมไปถึงไอแพด (iPad) โดยเฉพาะ ซึ่งสืบเนื่องมาจากมีการคาดคะเนกันว่า จะมีผู้ใช้เฟซบุ๊กผ่านสมาร์ทโฟนและอื่น ๆ กันเพิ่มมากขึ้น จึงมีการคิดพัฒนาให้เฟซบุ๊กสามารถตอบสนองกลุ่มผู้ใช้กลุ่มนี้ให้ได้มากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กบนผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ล (Apple) อย่างไอแพด และการแชร์รูปภาพขึ้นเฟซบุ๊กผ่านแอพพลิเคชั่นของไอโฟน (iPhone)

เฟซบุ๊ก จัดเป็นเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีจำนวนผู้ใช้มากกว่า 500 ล้านคน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย เมื่อเทียบกับบริษัทคู่แข่งอย่าง "กูเกิ้ล" (Google) และ "ยาฮู" (Yahoo) ทั้งในด้านของจำนวนผู้ใช้และค่าโฆษณาต่าง ๆ ที่ทางบริษัทได้รับ

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจากทางเฟซบุ๊กยืนยันอีกว่า มีผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กผ่านทางโทรศัพท์มือถือมากกว่าทางคอมพิวเตอร์ทั่วไปเสียอีก โดยมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ได้กล่าวกับทางผู้สื่อข่าวรายหนึ่งว่า เทรนด์การใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอะไรที่น่าสนใจ เพราะโทรศัพท์มือถือจะเป็นเสมือนคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของคุณ ที่คุณสามารถแชร์เรื่องราวต่าง ๆ ผ่านทางเฟซบุ๊กได้อย่างรวดเร็ว

"หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างมากมาย ทุกวันนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหน นักเรียนมัธยม นักเรียนมหาวิทยาลัยก็มีโอกาสที่จะสร้างบล็อกส่วนตัวของตัวเอง หรืออาจจะมีเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ซึ่งใช้ในการแบ่งปันสิ่งต่าง ๆ ได้มากครั้งตามที่พวกเขาต้องการ"

ช่างเป็นการเอาใจสาวกเสียจริง ๆ สำหรับ นายมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ว่าแต่ฟีเจอร์ที่ว่าจะเป็นอย่างไรนั้น ก็คงต้องรอดูกันต่อไปในอาทิตย์หน้านะจ๊ะ

ของจริง!!! เปิดภาพ Toyota Hilux Vigo โฉมปี 2012

หลังจากทาง Thaicarlover.com ได้นำเสนอข่าวรถกระบะ Toyota Hilux Vigo โฉมปี 2012 มาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด…

Toyota ได้เผยภาพ Toyota Hilux Vigo เวอร์ชั่นออสเตรเลียที่เตรียมเปิดตัวในงาน Australian International Motor Show 2011 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-10 กรกฏาคมนี้

Toyota Hilux Vigo 2012

Toyota Hilux Vigo 2012

จากภาพล่าสุด คาดว่า โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่นี้ จะมีการปรับเปลี่ยนในส่วนบั้นท้ายเล็กน้อย ในขณะที่ด้านหน้าก็มีการปรับโฉมให้ดูดีขึ้น

Toyota Hilux Vigo 2012-Back

Toyota Hilux Vigo 2012-Back

โดยสำหรับข่าวของรถกระบะ Toyota Hilux Vigo โฉมปี 2012 นี้ ทาง Thaicarlover.com จะพยายามนำข่าวมาเสนออย่างต่อเนื่อง

อย่าพลาดติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถใหม่ รวมถึงความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ทั้งไทย และต่างประเทศได้ใหม่กับ Thaicarlover.com ครับ

สวยบาดใจไปกับ… Honda CR-Z 2012

กลับมาอีกครั้งแล้ว สำหรับข่าวสารวงการรถยนต์ คราวนี้ทาง Thaicarlover.com เอาใจคนที่ชื่นชอบรถสปอร์ต นำข่าวจากค่ายรถยนต์ Honda มาฝากพี่ๆ น้องๆ ชาว Thaicarlover.com ครับ

Honda ได้เปิดตัวรถยนต์ Honda CR-Z 2012 ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์เทอร์โบ i-VTEC 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร 200 แรงม้า แรงสุดใจ พลังเหลือร้าย โดยตัวเครื่องยนต์จะเป็นระบบไฮบริด ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Honda CR-Z 2012

Honda CR-Z 2012

นอกจากนี้ ฮอนด้าตัวนี้ยังได้รับการขนานนามว่า Honda CR-Z Hybrid R ซึ่งมาพร้อมอุปกรณ์เสริม Mugen สุดเท่เกินใคร สะดุดทุกสายตาให้มองมายังยนตกรรมล้ำสมัยคันนี้ พร้อมกระจังหน้า ปีกหลัง และล้อที่ออกแบบมาอย่างสมบูรณ์สวยงามสไตล์สปอร์ต แรงแกร่ง และดุดันด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบขุมพลังถึง 200 แรงม้า

Honda CR-Z 2012-Back

Honda CR-Z 2012-Back

โดยราคา ฮอนด้า ซีอาร์-ซี 2012 คันนี้ เริ่มต้นที่ล้านเศษ ด้วยราคาที่ไม่แรงมากเมื่อเทียบกับความแรงของรถ ทำให้คนรักความแรงพร้อมที่จะลงทุนซื้อรถสปอร์ตสุดเท่คันนี้มาไว้ในครอบครอง ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยทั้งภายใน และภายนอกที่ดูเท่เกินใคร ถือว่าคุ้มมากครับสำหรับรถคันนี้

ภายใน Honda CR-Z 2012

ภายใน Honda CR-Z 2012

Honda CR-Z 2012 สำหรับตอนนี้ ในเมืองไทยบ้านเรายังไม่เข้ามา คงต้องรออีกสักระยะ แต่สำหรับฮอนด้ารุ่นนี้เน้นตีตลาดยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งที่ญี่ปุ่นรถรุ่นนี้ถือว่ากระแสตอบรับแรงทะลุเป้าเลยทีเดียว

สำหรับแฟนๆ Honda ในบ้านเราคงต้องอดใจรอไปก่อน แต่ก็ไม่แน่ที่อาจจะมีการอวดโฉม Honda CR-Z 2012 ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร 2554 (Motor Expo 2011) ในปลายปีนี้นี้ ซึ่งอันนี้แฟนๆ ฮอนด้า คงต้องติดตามกันต่อไปครับ

อย่าพลาดติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถใหม่ รวมถึงความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ทั้งไทย และต่างประเทศได้ใหม่กับ Thaicarlover.com ได้ใหม่ครับ

10 สุดยอดที่เที่ยวฮอต หัวหิน-ปราณบุรี

ในบรรดาเมืองชายทะเลทั้งหลายนั้น 'หัวหิน' ยังคงครองความเป็นหนึ่งในใจหลายคนเสมอ แม้วันคืนจะผ่านไปแต่เมองตากอากาศสุดฮิตแห่งนี้ก็ยังได้รับความนิยมอย่างสูง เรื่อยเลาะลงไปจนถึงชายหาด 'ปราณบุรี' ที่เงียบสงบ ก็ถืิอเป็นจุดหมายพักผ่อนของครอบครัวแห่งใหม่ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ จนเกินไป


เพลินวาน : ที่เที่ยวแห่งใหม่ที่หัวหิน "เพลินวาน" คือสถานที่ที่ย้อนอดีตให้เห็นภาพ วิถีชีวิตของคนในยุคก่อน หมู่บ้านย้อนยุคมีชีวิต ชิมรสอาหาร-ขนมอร่อย เลือกซื้อเสื้อผ้า ดูหนังกลางแปลง สัมผัสบรรยากาศแห่งอดีตปี พ.ศ.2499 อดีตอันงดงามจะย้อนกลับมาให้คุณได้หวนระลึกถึง เป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับการพักผ่อนในหัวหิน ร่วมกับครอบครัวหรือคนรัก (เปิดให้บริการทุกวัน จันทร์-พฤหัส : 10.00-22.00 น. , ศุกร์ : 10.00-24.00 น. , เสาร์ : 09.00-24.00 น. , อาทิตย์ : 09.00-22.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม)

ชายหาดหัวหิน : หัวหินเป็นที่พักตากอากาศชายทะเลที่เก่าแก่มานานนับร้อยปี ด้วยเพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก เดินทางสะดวก และใครที่ต้องการเที่ยวทะเล เมื่อนึกถึงชาดหาดที่แสนสวย ต้องนึกถึงที่นี่เลย หาดหัวหิน ด้วยเสน่ห์ที่ของชายหาดที่มีหาดทรายขาว สะอาด และกว้างยาวสุดสายตา ไม่มีถนนเลียบชายหาด ไม่พลุกพล่านไปด้วยคนหรือเครื่องเล่นต่าง ๆ มากนัก ทำให้หาดหัวหินจึงเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นที่สุด

วัดห้วยมงคล : ชวนกันมานมัสการรูปเหมือนหลวงพ่อทวด องค์ใหญ่ที่สุดในโลกได้ที่วัดห้วยมงคล ที่ไม่ว่าใครจะผ่านไปผ่านมาเป็นต้องแวะไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต เดิมแล้วชื่อ "วัดห้วยคต" ได้รับพระราชทานนามใหม่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็น "วัดห้วยมงคล" ยังมีรูปสลักหลวงพ่อทวดแกะจากไม้ตะเคียนทองขนาดใหญ่ ให้ประชาชนได้สักการะบูชา บริเวณรอบๆองค์พระสามารถมองเห็นทิวเขาล้อมรอบและเห็นเทือกเขาตะนาวศรีกั้น พรมแดนไทย-สหภาพเมียนม่าร์ (เปิดให้เข้าไปสักการะได้ทุกวัน เวลา 05.00 - 21.00 น.)

สถานีรถไฟหัวหิน : สถานีรถไฟในประเทศไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา จะคงสถาปัตกรรมเก่าแก่ไว้ และหนึ่งในนั่นคือ สถานีรถไฟหัวหิน เพราะสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานีรถไฟแห่งนี้คือ พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ เป็นพลับพลาจตุรมุข สร้างขึ้นในสมัย ร.6 และยังมีหัวจักรรถไฟไอน้ำรุ่นสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ได้ชม (เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง)

อช. เขาสามร้อยยอด : เป็นอช. ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก และมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้คุณเลือกหลายแบบไม่ว่าจะเป็นการดูนกที่หาดสามพระยา การล่องเรือ ล่องแพที่คลองเขาแดง เที่ยวถ้ำพระยานคร ถ้ำแก้ว ถ้ำไทร การล่องเรือชมบัวแดงที่ทุ่งสามร้อยยอด ฯลฯ แนะนำว่าคุณควรจจะมาถึงที่นี่แต่เช้าเพราะจะได้มีเวลาทำกิจกรรมได้หลายอย่าง หรือถ้าใครสนใจอยากจะมากางเต๊นท์นอนและตั้งวงแคมป์ปิ้งกัน ทางอช. ก็มีพื้นที่ให้บริการหลายโซน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณชายหาดหรือริมเชิงเขาก็เข้าทีทั้งนั้น เป็นการแอบอิงใกล้ชิดธรรมชาติดีด้วย (เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30 - 17.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม)

น้ำตกป่าละอู : เป็นน้ำตก 15 ชั้น ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้ใคร เงียบ สงบ มีน้ำไหลชุ่มฉ่ำตลอดทั้งปี แล้วไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะมีจุดที่สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างไร้กังวล ช่วงที่เหมาะจะเที่ยวก็อยู่ในช่วงเดือน สิงหาคม - มีนาคม เพราะเป็นช่วงที่มีน้ำมาก การเดินทางราบรื่นดี ถ้าอยากจะชมความงามของน้ำตกได้ชัดเจนต้องไปชมจากบริเวณชั้นที่ 5 ขึ้นไป แต่ส่วนใหญ่จะดูที่บริเวณชั้นที่ 7 เท่านั้น เพราะความสูงชันอาจเกิดอันตรายได้ ต้องใช้ความระมัดระวัง

จุดชมทิวทัศน์เขาหินเหล็กไฟ : ที่นี่เป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมากแห่งหนี่ง ซึ่งสามารถชมวิวได้ 4 ทิศ จุดชมวิวนี้สามารถมองเห็นตัวเมือง และอ่าวหัวหิน โดยรอบบนยอดเขาเป็นพื้นที่ราบและผาหินที่สวยงาม มีการปรับปรุงตกแต่งภูมิทัศน์ไว้อย่างน่าชม บนยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปของรัชกาลที่ 7 ในช่วงเย็นชาวหัวหินนิยมขึ้นไปพักผ่อนและออกกำลังกายบนยอดเขานี้ ช่วงเวลาที่เหมาะในการชมวิว คือ ช่วงเช้าตรู่และช่วงเย็นเลยไปถึงแสงไฟระยิบ ระยับของเมืองหัวหินในยามค่ำ

ชายหาดปราณบุรี: เป็นชายหาดเงียบสงบ มีบูติกรีสอร์ตเก๋ๆ สไตเมดิเตอร์เรเนียน รวมไปถึงบ้านพักตากอากาศริมทะเลน่ารักๆ เรียงรายตามทิวมะพร้าว

ปากน้ำปราณบุรี: เป็นชุมชนชาวประมง สามารถไปเดินเที่ยวชมชาวบ้านทำหมึกแห้ง ยามเย็นจะเห็นเรือหาปลากลับขึ้นฝั่งมา พร้อมกับอาหารทะเลสดๆ ที่หาซื้อได้ในราคาถูก

ของฝากจากประจวบฯ มีให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อหลากหลาย รับรองความอร่อยได้เลย ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึกแดดเดียว ที่มีให้เลือกหลายราคาตั้งแต่ 200 - 600 บาทขึ้นไป แล้วแต่ขนาด, กะปิเคย ของแท้เนื้อกะปิจะมีเม็ดดำๆ ราคาจะสูงกว่ากะปิทั่วไป ประมาณ 100 บาทต่อกิโลกรัม, สับปะรดปราณบุรี กก. ละ 15-20 บาท และยังมีผลิตภัณฑ์สับปะรดแปรรูปหลากหลาย ราคาไม่เกินหลักร้อยให้ได้เลือกซื้อเลือกหา

การเดินทาง :
รถยนต์ : จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ
1.ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี เข้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางประมาณ 280 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง
2.ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านพุทธมณฑล นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี เข้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
รถโดยสารประจำทาง : มีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 www.transport.co.th บริษัทหัวหิน-ปราณทัวร์ โทร. 0-2894-6057 , 0-2884-6191-2 บริษัทพุดตานทัวร์ โทร.0-2894-6046 บริษัทบางสะพานทัวร์ โทร.08-1829-7752 , 08-1829-8641
รถไฟ : มีรถไฟออกจากสถานีหัวลำโพงทุกวัน โดยรถไฟสายใต้ทุกขบวนต้องผ่านประจวบคีรีขันธ์ และในวันเสาร์ อาทิตย์ รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดขบวนรถนำเที่ยวสายชายทะเลสวนสนประดิพัทธ์ แบบเช้าไปเย็นกลับ และจากสถานีรถไฟธนบุรี มีขบวนรถธนบุรี-หลังสวน ผ่านประจวบคีรีขันธ์ ทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 www.railway.co.th
รถตู้ : มีรถตู้สายกรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์ ออกจากคิวรถในปั๊มซัสโก้ ตรงข้ามกับสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ปิ่นเกล้า ทุกวัน

อบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ โทร. 0 3251 3885, 0 3251 3871 เว็บไซต์: www.tourismthailand.org/prachuapkhirikhan

เรื่องและภาพ: กันต์ ณ ปกรณ์

ขอขอบคุณข้อมูล: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

F-CELL World Drive การเดินทางรอบโลกด้วยเซลล์เชื้อเพลิง

เมอร์เซเดส-เบนซ์ F-CELL World Drive การทดสอบรถรอบโลกด้วยรถพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงครั้งแรกของโลกเสร็จสิ้นภาระกิจตามกำหนดอย่างงดงามเมื่อเร็วๆ นี้ที่นครสตุทการ์ท หลังจากวิ่งไปคันละกว่า 3 หมื่นกิโลเมตร รถเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น B-Class F-CELL ที่ปราศจากมลพิษทางท่อไอเสียได้แล่นผ่านเส้นชัยหน้าพิพิธภัณฑ์เมอร์เซเดส-เบนซ์กลางนคร สตุทการ์ท

ทั้งนี้ขบวนรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังเชื้อเพลิงไฮโดรเจน และทีมงาน ได้เริ่มต้นเดินทางจากนครสตุทการ์ทตั้งแต่เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาเนื่องในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ 125 ปีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ผู้คิดค้นรถยนต์ขึ้นเป็นคันแรกของโลก โดยการเดินทางรอบโลกครั้งนี้ได้วิ่งผ่านประเทศต่างๆ ถึง 14 ประเทศด้วยกัน คือ เยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย จีน คาซัคสถาน รัสเซีย ฟินแลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก

F-CELL World Drive

ดร. ดีทเตอร์ เซทเช ประธานคณะผู้บริหารและหัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์กล่าวว่า "จากการจัดโครงการ F-CELL World Drive เราได้แสดงให้ทุกคนประจักษ์ว่ายุคแห่งยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าด้วยพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนได้มาถึงแล้ว และนับบัดนี้เป็นต้นไปภาคต่างๆ จึงควรพิจารณาพัฒนาสาธารณูปโภคพลังงานเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเพื่อการใช้รถยนต์ชนิดนี้ เพราะเมื่อมีสถานีเชื้อเพลิงไฮโดรเจนกระจายอยู่มากเพียงพอ ผู้บริโภคจึงจะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงนี้ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระยะทางที่วิ่งได้ ระยะเวลาในการเติมเชื้อเพลิงที่สั้นลง และการปราศจากการปล่อยมลพิษไอเสียจากรถ"

=====================================================

บทพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงสามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

=====================================================

ในระหว่างการทดสอบ F-CELL World Drive เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้สาธิตให้เห็นถึงประสิทธิภาพของรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงทั้งด้านสมรรถนะและความทนทาน โดยทีมงานได้ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น B-Class F-CELL ทั้ง 3 คันบนเส้นทางทุกสภาพไม่ว่าจะเป็นฝ่าการจราจรแออัดกลางเมืองใหญ่ ถนนชนบทอันคดเคี้ยว ตลอดจนเส้นทางบนทางหลวงระหว่างรัฐ นอกจากนั้นยังได้วิ่งผ่านทางดินที่แสนขรุขระอย่างในออสเตรเลีย และจีนอีกด้วย

F-CELL World Drive

===============================

สถิติการวิ่งรอบโลกด้วยพลังงานไฮโดรเจน

===============================

จากการขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น B-Class F-CELL เป็นระยะเวลารวมกว่า 70 วัน ทีมงาน F-CELL World Drive ได้จดบันทึกข้อมูลการเดินทางไว้ทุกแง่มุม และในขณะเดียวกันก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะการใช้พลังงานเซลล์เชื้อเพลิง โดยระยะทางไกลสุดที่วิ่งได้ด้วยการเติมเชื้อเพลิงหนึ่งครั้งคือ 648 กิโลเมตร ระหว่างเมืองอัลมาตี้ ถึงเมืองบัลคาช ในประเทศคาซัคสถาน

F-CELL World Drive

ทั้งนี้เกือบตลอดระยะทางของการเดินทางรอบโลกไม่มีสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ทางทีมงานจึงได้จัดเตรียมรถบรรทุกเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเฉพาะกิจ เพื่อเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนให้กับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น B-Class F-CELL ทั้ง 3 คันโดยเฉพาะ ซึ่งตลอดการเดินทางรอบโลกได้ทำการเติมเชื้อเพลิงไป 130 ครั้ง ส่วนในพื้นที่ที่มีสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนปรากฏว่าใช้เวลาในการเติมเพียงไม่กี่นาที ซึ่งไม่ได้ต่างจากการเติมน้ำมันสำหรับรถธรรมดาทั่วไป

www.ecareasy.com

Nokia C2-00 โทรศัพท์มือถือ 2 ซิมที่ให้คุณสลับซิมง่าย…ได้ดั่งใจ

Nokia C2-00 โทรศัพท์มือถือ 2 ซิมที่ให้คุณสลับซิมง่าย…ได้ดั่งใจ

Nokia C2-00

จัดมาอีกหนึ่งรุ่น ตอกย่ำความแรงในครึ่งปีหลัง เมื่อค่ายยักษ์ใหญ่อย่างโนเกียทำการเปิดตัวมือถือ Nokia C2-00โทรศัพท์ 2 ซิมรุ่นใหม่ล่าสุดที่ให้คุณสลับซิมได้อย่างง่ายดาย มอบประสบการณ์การใช้งานมือถือ 2 ซิม โดยไม่ต้องปิด-เปิดเครื่องหรือถอด-ประกอบฝาแบตเตอรี่ให้ยุ่งยาก


Nokia C2-00

มร.ชูมิท คาพูร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Nokia C2-00 เป็นโทรศัพท์มือถือ 2 ซิมที่พร้อมใช้งานได้ทั้ง 2 ซิม นั่นหมายความว่า สายเรียกเข้าและข้อความต่างๆ สามารถส่งมายังทั้ง 2 หมายเลขได้ในขณะที่โทรศัพท์เปิดอยู่ ซิมการ์ดใบแรกจะใส่ไว้ในเครื่องใต้แบตเตอรี่ ส่วนซิมการ์ดใบที่ 2 จะใส่ลงในช่องเสียบที่สามารถถอดและใส่กลับเข้าไปในเครื่องได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องปิดเครื่อง พร้อมฟังก์ชั่นสลับง่ายหลายซิม ‘easy swap’ ของโนเกีย เพียงแค่กดปุ่มที่กำหนดไว้ ก็สามารถสลับซิมเพื่อใช้งานได้ดั่งใจสั่ง”

Nokia C2-00

Nokia C2-00 ช่วยให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากค่าบริการที่แตกต่างกันไปในแต่ละเครือข่าย และใช้เครื่องโทรศัพท์ร่วมกับสมาชิกในครอบครัวโดยไม่ต้องถอดซิม ผู้ใช้งานยังสามารถตั้งค่าส่วนตัวของซิม ไม่ว่าจะเป็นชื่อซิม การโทรเข้า-ออก และการจัดการข้อมูล sms ซึ่ง Nokia C2-00 สามารถจดจำการตั้งค่าต่างๆ เหล่านี้ได้ถึง 5 ซิมการ์ด

นอกจากนี้ อีเมล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Ovi Mail หรืออื่นๆ และข้อความแชต สามารถส่งตรงไปยังโทรศัพท์ด้วยบริการNokia Messaging พร้อมฟังเพลงจากวิทยุเอฟเอ็มหรือเครื่องเล่นเพลงจากคลังเพลง รองรับการ์ด microSD สูงสุดถึง 32GB

Nokia C2-00 มี 4 สีให้เลือกได้แก่ สีเทา สีดำ สีเลือดหมู และสีขาว วางจำหน่ายแล้วในราคา 1,930 บาท สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
Nokia C2-00 ได้ที่โนเกียแคร์ไลน์ 02 255 2111 หรือ www.nokia.co.th

Toyota GRMN Sports Hybrid Concept II

เมื่อปีที่ผ่านมาในงาน Tokyo Auto Salon ทาง Toyota ได้อวดโฉมรถสปอร์ตระบบไฮบริดขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ที่ชื่อว่า GRMN Sports Hybrid Concept ซึ่งใช้พื้นฐานมาจาก MR2 Roadster ที่พัฒนาร่วมกับGAZOO Racing แต่ล่าสุด Toyota ได้เผยภาพรถรุ่นดังกล่าวในชื่อเดิมแต่เติม II ว่า GRMN Sports Hybrid Concept II ที่จะทำการเปิดตัวในสุดสัปดาห์นี้ในรายการแข่งรถ Nürburgring 24-hour Endurance ครั้งที่ 39 ในประเทศเยอรมันนี โดยคำว่า GRMN ย่อมาจาก GAZOO Racing tuned by Meister of Nürburgring เพื่อเป็นเกียรติให้กับ Hiromu Naruse หัวหน้าทีมทดสอบขับของ Toyota และหัวหน้าทีม GAZOO Racing ที่เสียชีวิตในขณะขับทดสอบ Lexus LFA Nurburgring Edition เมื่อปี 2010 ที่ผ่านมา

Toyota GRMN Sports Hybrid Concept II  รูปที่ 1

รถต้นแบบที่คาดว่าน่าจะเป็นเวอร์ชั่นสุดท้ายก่อนเวอร์ชั่น production มีดีไซน์ที่เรียกว่าใหม่แกะกล่องทั้งในส่วนของตัวถังและระบบ All-Wheel Drive ไฮบริดที่ได้รับการปรับปรุงมาใหม่ โดยขุมพลังที่ใช้จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.5 ลิตร กำลังสูงสุด 249 แรงม้า และมอเตอร์ขับเคลื่อนล้อหลัง โดยที่ด้านหน้าจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าอีกหนึ่งตัวในการขับเคลื่อน จึงเป็นสปอร์ตไฮบริด All-Wheel Drive ตามภาพที่นำมาให้ชม

Toyota GRMN Sports Hybrid Concept II  รูปที่ 2

Toyota GRMN Sports Hybrid Concept II  รูปที่ 3

Toyota GRMN Sports Hybrid Concept II  รูปที่ 4

ขอบคุณเนื้อหาจากToyota GRMN Sports Hybrid Concept II  รูปที่ 5

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม