ครม.ไฟเขียว มาตรการคืนภาษีรถยนต์คันแรก เริ่ม 1 ตุลาคม 2554

เบื้องต้น มาตการคืนภาษี รถยนต์คันแรก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมาตรการภาษีรถยนต์คันแรกแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับมาตรการภาษีรถยนต์คันแรกที่กระทรวงการคลังเสนอ มีรายละเอียดของการดำเนินการต่าง ๆ ดังนี้

………………………………………………………………………………………………..

หลักเกณฑ์การคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกที่สำคัญ ดังนี้คือ ต้องเป็น
1. เป็นรถยนต์คันแรกของผู้ซื้อที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555
2. เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1,000,000 บาท/คัน
3. เป็นรถยนต์นั่ง ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร/รถยนต์กระบะ (Pick up)/รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab)
4. เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)
5. คืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท/คัน
6. ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
7. ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 และ
8. การคืนเงินจะคืนให้เมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปี ไปแล้ว (เริ่มจ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป)

ส่วนวิธีการดำเนินงานนั้นกำหนดให้
1. ผู้ซื้อรถยนต์คันแรกดัง กล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ต้องยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้ หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปี สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)
2. กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มีหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอให้ตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก และแจ้งการสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ
3. กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ลงในระบบคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน
4. กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัด ส่งหนังสือรับรองการครอบครองรถยนต์คันแรก และสำเนาคู่มือการจดทะเบียนที่บันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ให้กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ และ
5. กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ และสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป.

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังเสนอครม.อนุมัติและจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ 2555 จำนวน 100 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ และเสนออนุมัติจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ 2556 จำนวน 3 หมื่นล้านบาท เพื่อคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินคันละ 1 แสนบาท

นอกจากนี้กระทรวงการคลังเสนอให้ ครม.อนุมัติในหลักการให้หัวหน้าส่วนราชการกรมสรรพสามิต (อธิบดีกรมสรรพสามิต) หรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายมีอำนาจอนุมัติให้คืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกให้กับ ผู้ซื้อ และเสนอครม.มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมให้ความร่วมมือกับกรมสรรพสามิตในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแสดง หลักฐานการครอบครองรถยนต์คันแรก การบันทึกข้อมูลห้ามจำหน่ายโอนรถยนต์ภายใน 5 ปี ตามมาตรการดังกล่าวของรัฐบาลต่อไป



1.ผู้ซื้อรถยนต์ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2554 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2555 ต้องยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้

-หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปี

-สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ

-สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)

2.กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มีหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก และแจ้งการสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ

3.กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ลงในคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน

4.กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดส่งหนังสือรับรองการครอบครองรถยนต์คันแรก และสำเนาคู่มือการจดทะเบียนที่บันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ให้กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่

5.กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ และสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นต้นไป

ขอขอบคุณข่าวดีดี : mthai.com

Honda Civic hatchback ..อวดโฉมแล้วก่อนไป Frankfurt

ยิ่งใกล้ยิ่งระทึกสำหรับงาน Frankfurt auto show 2011 ที่จะเริ่มขึ้นในช่วง 2-3 วันข้างหน้านี้ ที่จะมาพร้อมค่ายรถยนต์ที่จะมาถล่มเวทีเตรียมงัดข้อกันสุดฤทธิ์กับหลากยานยนต์ชั้นนำ และที่หนึ่งในนั้นคือ Honda Civic Hatchback หรือ โฉม 5 ประตู

Honda Civic hatchback .

ก่อนหน้านี้ Honda ได้เผยภาพบั้นท้ายสุดงามออกมากแต่ครั้งนี้เป็นการเผยโมที่แท้จริงของ Honda civic Hatchback โฉมประตูครั้งแรกที่จะเดินทางไปร่วมงาน Frankfurt auto show ซึ่งเป้นที่น่าเสียดายว่ารถรุ่นนี้อาจจะเจาะใจเฉพาะตลาดยุโรปเท่านั้น

ภายนอก Honda Civic hatchback มาพร้อม เรือนร่างแบบ 5 ประตู ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว เน้นเส้นสายตามแบบ Honda civic 2012 ที่เปิดตัวออกไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ในขณะที่ฝาแฝดมีลุคออกแนวเป็นรถที่ดูธรรดาและภูมิฐานแต่ Honda civic hatchback นี้กลับได้ DNA จากโฉมสปอร์ต ตั้งแต่ใบหน้าที่โฉบเฉี่ยวกว่าลงตัวใยแบบ Two-tone พร้อมกันชนสปอร์ต

ด้านข้างตัวกับ 4 ประตูที่อาจจะดูไม่ต่างจากพี่น้องมากนัก แต่บั้นท้ายไปจนถึงเส้นสายบนหลัง ให้ความดค้งเว้ากว่าและผสานไอเดียแบบท้ายลาดเข้ากัน ซึ่งนักออกแบบของ Honda ได้ไอเดียมาจาก blended wing body ของเครื่องบิน

ทั้งนี้ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาว่า Honda Civic hatchbackนี้จะมาพร้อมเครื่องยนต์อะไรจนกว่าจะถึงวันงานในอีกไม่นานนี้ แต่ Honda แย้มมว่า เครื่องยนต์ของรถรุ่นนี้จะมีค่า CO2 ต่ำหว่า เช่นเดียวกับช่วงล่างที่มีสมรรถนะดีกว่า รวมถึงคุณภาพวัสดุในห้องโดยสารด้วย


All-New Mercedes Benz B-Class ปี 2012

กลับมาอีกครั้งกับข่าวสารแวดวงยานยนต์เกี่ยวกับรถอเนกประสงค์ ซึ่งคราวนี้เราจะมาพูดถึงรถจากค่าย Mercedes-Benz กันบ้างครับ
ซึ่งล่าสุดทาง Thaicarlover.com ได้ข่าวมาว่า

Mercedes Benz เตรียมเปิดตัวรถยนต์ Mercedes Benz B-Class 2012 หรือเจนเนอเรชั่นที่ 2 ในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2011 (Frankfurt Motor Show 2011) โดย B-Class เป็นรถอเนกประสงค์ที่ Mercedes ให้นิยามว่าเป็น Compact Sports Tourer ซึ่งรูปร่างหน้าตาดูสปอร์ตมากขึ้นแถมยังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.26 และ 0.24 หากมาพร้อมชุดแต่ง Eco

Mercedes Benz B-Class 2012

Mercedes Benz B-Class 2012

นอกจากนั้น Mercedes ยังเสริมอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆเข้าไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Adaptive Headlamp Assist ระบบ Blind Spot Assist หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าระบบ Lane Keeping Assist ระบบ Attention Assist ระบบ Speed Limit Assist ระบบ Active Parking Assist ระบบ Linguatronic ระบบ Distronic PLUS ระบบ Pre-D=Safe & Collision Prevention Assist ที่มาพร้อมระบบ Adaptive Brake Assist เรียกว่าจัดเต็ม!

ด้านข้าง Mercedes Benz B-Class 2012

ด้านข้าง Mercedes Benz B-Class 2012

นอกจากนั้นแล้ว เมอร์เซเดส เบนซ์ บี-คลาส 2012 ยังมีอุปกรณ์มาตรฐานอย่างระบบ Start/Stop เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันให้กับเครื่องยนต์ ซึ่งมีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน M270 4 สูบ ที่มาพร้อมระบบ Direct Injection เจนเนอเรชั่นที่ 3 ของบริษัทฯ กับขนาดความจุ 1.6 ลิตร 121 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร และรุ่น B 180 เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 154 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร

ภายใน Mercedes Benz B-Class 2012

ภายใน Mercedes Benz B-Class 2012

สำหรับรุ่น B 200 ส่วนของเครื่องยนต์เบนซินจะเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบ 4 สูบ รุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนามาจากเครื่องยนต์ OM651 Common-Rail ที่มีใช้แพร่หลายในรุ่น C-Class ไปจนถึง S-Class โดยมีขนาดความจุ 1.8 ลิตร 107 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ส่วนสำหรับรุ่น B 180 CDI จะมีขนาดกำลังสูงสุด 134 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม