รวมวิธีเอารถยนต์ "หนีน้ำ" ในวิกฤติน้ำท่วม 2554
โดย ณัฐนันทน์ แนวมาลี
(ความเห็นส่วนตัว: ไม่สนับสนุนให้สมาชิกจอดรถบนทางด่วนกันนะครับ)
รถยนต์ ดารา ดูดวง ฟังเพลง หาเพื่อน แชท ข่าว ผู้หญิง วาไรตี้...
| |||
กลับมาอีกครั้งกับข่าวสารวงการยานยนต์ วันนี้ทาง Thaicarlover.com มีข่าวจากค่ายรถยนต์ Lexus มาเฝากเพื่อนๆ กันครับ โดยล่าสุด…
หลังจากเปิดตัวไปแล้วครั้งหนึ่งที่เมืองโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ล่าสุด Lexus ขอส่ง Lexus GS350 F Sport รุ่นปี 2013 ไปอวดโฉมที่งาน SEMA Motor Show ในต้นเดือนพฤศจิกายน อีกครั้ง เพราะดูแล้วกลุ่มเป้าหมายจะตรงกว่า แถมมีขนาดของตลาดใหญ่กว่ามาก โดยรถรุ่นนี้แตกต่างจากรุ่นมาตรฐานด้วยการใช้กันชนหน้าดีไซน์ใหม่ กระจังแบบตาข่าย สปอยเลอร์ฝากระโปรงหลัง และติดตั้งดิฟฟิวเซอร์
นอกจากนี้ ในเรื่องของการควบคุมรถ ได้ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยการติดตั้งแอนตี้โรลบาร์ที่หนาขึ้น เบรคหน้ามีขนาดใหญ่ขึ้น มาพร้อมระบบกันสะเทือนแบบแปรผัน AVS (Adaptive Variable Suspension) และล้ออัลลอยลายพิเศษขอบ 19 นิ้ว ส่วนห้องโดยสารภายในได้รับการหุ้มหนังเจาะรูระบายอากาศในส่วนของเบาะนั่ง เพดานใต้หลังคาสีดำ แป้นคันเร่งอัลลอย พวงมาลัยเป็นแบบสปอร์ต พร้อมตกแต่งภายในด้วยวัสดุอลูมิเนียม
ส่วนเครื่องยนต์จะเป็นเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร ขนาด 306 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 5.7 วินาที ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับการขับในเมือง และนอกเมืองเท่ากับ 20 และ 27 ไมล์/แกลลอนตามลำดับ (รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง) ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ตัวเลขจะอยู่ที่ 18 และ 25 ไมล์/แกลลอน สำหรับการขับในเมือง และนอกเมือง ตามลำดับ
สุดท้ายนี้เว็บ Thaicarlover.com อยากให้เพื่อนๆ ช่วยเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ประสบปัญหาอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม หรือกำลังเตรียมการรับมือกับน้ำท่วม และน้ำท่วมรถ ด้วยครับ และถ้าเพื่อนๆ สามารถช่วยเหลือสิ่งใดได้ก็ขอให้ช่วยเหลือตามกำลังความสามารถครับ
สำหรับแฟนๆ Lexus ในบ้านเราอาจจะต้องรอลุ้นว่าเจ้ารถคันนี้จะมาอวดโฉมที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โปร 2011 (Motor Expo 2011) ในปลายปีนี้ หรืองานมอเตอร์โชว์ 2012 (Motor Show 2012) ในต้นปีหน้าหรือไม่ ซึ่งอันนี้แฟนๆ เล็กซัส ต้องติดตามกันต่อไปครับ
ก่อนอื่นทาง Thaicarlover.com ต้องขอแสดงความยินดีกับค่ายรถยนต์ Ford ที่ล่าสุดได้คว้าเรตติ้ง 5 ดาว จาก Euro NCAP จากการทดสอบการชนของ ฟอร์ด เรนเจอร์ 2012
All-New Ford Ranger ได้สร้างเซอร์ไพรซ์ให้กับวงการรถกระบะอีกครั้ง ด้วยการเป็นรถกระบะรุ่นแรกที่ผ่านการทดสอบในด้านความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจาก Euro NCAP โดยได้รับคะแนนสูงถึง 89% ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่รถยนต์ที่ได้รับคะแนนสูงสุด แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในรถที่ได้คะแนนสูงสุดของ Euro NCAP
ที่น่าสนใจมากขึ้นไปอีกก็คือ การได้คะแนนในระดับสูงสุดในด้านความปลอดภัยของคนเดินถนนเท่าที่เคยมีการทดสอบมาโดย Euro NCAP ตั้งแต่มีการก่อตั้งขึ้นในปี 1997 ด้วยคะแนนสูงถึง 81%
Michiel van Ratingen เลขาธิการของ Euro NCAP เปิดเผยว่า Ford Ranger รุ่นใหม่นี้ได้ยกมาตรฐานในด้านความปลอดภัยของรถกระบะให้สูงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะที่ Adam Frost หัวหน้าวิศวกรของ Ford ประจำ Asia Pacific และ Africa เสริมว่า ทาง Euro NCAP ได้จำลองการทดสอบ All-New Ranger มากกว่าการทดสอบครั้งใดๆ ที่เคยทำมา เพื่อให้มั่นใจว่าทุกชิ้นส่วนของรถรุ่นนี้จะได้มาตรฐานทางด้านความปลอดภัยในระดับสูงสุด
ทางฝั่งวิศวกรของ Ford ได้อ้างว่า ทีมงานได้ทำการทดสอบการชนแบบเสมือนจริงมากกว่า 9,000 ครั้งเพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุดที่จะนำมาใช้ในการออกแบบโครงสร้างและระบบความปลอดภัย ก่อนที่จะทำการทดสอบการชนจริงๆกว่า 110 ครั้ง และทดสอบการชนแบบสไลด์อีก 410 ครั้ง โดยการใช้รถต้นแบบของ All-New Ford Ranger 2012
สำหรับผลการทดสอบในเรื่องความปลอดภัยของคนเดินถนน ทีมงาน Ford เผยว่า เคล็ดลับอยู่ที่กันชนหน้าที่มาพร้อมกับวัสดุดูดซับแรงกระแทก และโครงสร้างใต้ฝากระโปรงแบบ hexageneous ของ Ford ที่ช่วยลดการบาดเจ็บของคนเดินถนนเมื่อเกิดการชน ส่วนรายละเอียดของผลการทดสอบของ Euro NCAP สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ภาพด้านล่างนี้ครับ
สุดท้ายนี้เว็บ Thaicarlover.com อยากให้เพื่อนๆ ช่วยเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ประสบปัญหาอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม หรือกำลังเตรียมการรับมือกับน้ำท่วม และน้ำท่วมรถ ด้วยครับ และถ้าเพื่อนๆ สามารถช่วยเหลือสิ่งใดได้ก็ขอให้ช่วยเหลือตามกำลังความสามารถครับ
สำหรับแฟนๆ Ford ในบ้านเราอาจจะต้องรอลุ้นว่าจะมีโปรโมชั่นอะไรเด็ดๆ โดนๆ ที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โปร 2011 (Motor Expo 2011) ในปลายปีนี้ หรืองานมอเตอร์โชว์ 2012 (Motor Show 2012) ในต้นปีหน้าหรือไม่ ซึ่งอันนี้แฟนๆ ฟอร์ด ต้องติดตามกันต่อไปครับ
เมนูนี้จะเป็นแบบลูกผสมใบเกี๊ยวแบบจีนแต่ใส่แบบฝรั่ง ถึงใครจะไม่ชอบรสนมเนยแต่สำหรับสูตรนี้อร่อยค่ะ
ส่วนผสมสำหรับ 1-2 ที่
* ผักโขมเด็ดใบลวก 150 กรัม
* กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
* ครีมนม 1/2 ถ้วย
* ชีสเชดด้าขูด 50 กรัม
* เห็ดฟางสับหยาบ 100 กรัม
* แผ่นเกี๊ยว 50 กรัม
* น้ำมันมะกอก
* เกลือ
* พริกไทยเล็กน้อย
วิธีทำ
1. ผัดกระเทียมกับน้ำมันมะกอกพอหอม ใส่ผักโขมและเห็ดสับ ผัดให้เข้ากันอีกครั้งแล้วปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ตามด้วยครีมนมและชีส ผัดต่อจนส่วนผสมข้นและแห้ง พักให้เย็นลง
2. จากนั้น ตักส่วนผสมที่พักไว้ใส่ลงในแผ่นเกี้ยว โดยใช้น้ำเล็กน้อยแตะรอบริมใบเกี๊ยวแล้วพับให้เรียบร้อย นำไปทอดจนกรอบ เสิร์ฟพร้อมซอสจิ้มรสจัดตามชอบ
เวลาในการปรุง 15 นาที
ส่วนผสมราคาประมาณ 180 บาท
สอนเคล็ดลับง่ายๆ การเลือกซื้อแบรนด์เนมของแท้
เราขอนำเสนอเคล็ดลับในการป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกหลอกให้ซื้อของแบรนด์เนม แฟชั่นลอกเลียนแบบ
"การซื้อของแบรนด์เนมปลอมถือเป็นการลดคุณค่าของแบรนด์เนมแท้และส่งผลกระทบทางด้านลบต่อเศรษฐกิจโลก"
1. ซื้อของแบรนด์เนมจากร้านค้าหรือเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแบรนด์นั้นๆ เท่านั้น
หรือเลือกซื้อจากห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อ เสียงเป็นที่รู้จัก ถ้าต้องการจะซื้อจากร้านค้าออนไลน์ที่มีขายสินค้าคละแบรนด์ก็ให้เลือก เว็บไซต์ที่ไว้ใจได้ อย่าง netaporter.com ในกรณีที่ไม่สามารถซื้อสินค้าได้จากเว็บไซต์ของเจ้าของแบรนด์โดยตรง ก็ให้ลองตรวจสอบรายชื่อตัวแทนจำหน่ายจากเว็บไซต์นั้นว่าร้านค้าไหนบ้างที่ ได้รับการอนุญาตให้ขายสินค้านั้นอย่างถูกต้อง
Joanna Douglas บรรณาธิการจากเว็บไซต์ shine.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์แหล่งรวมความสนใจของผู้หญิงกล่าวเตือนว่า อย่าซื้อสินค้าแบรนด์เนมจากข้างทางหรือเว็บไซต์ที่ไม่รู้จักโดยเด็ดขาด Search engine ต่างๆ ไม่อาจช่วยคุณสกรีนได้ว่าเว็บไซต์ไหนที่ขายของแบรนด์เนมปลอม และภาพที่คุณเห็นโชว์หราอยู่บนหน้าเว็บไซต์ ก็อาจจะต่างจากของจริงที่คุณจะได้รับไปคนละเรื่องเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นให้ค้นคว้ามาให้ดีก่อนว่าสินค้าที่คุณจะซื้อมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร
Tip: ถ้าผู้ขายบอกว่ารับเฉพาะเงินสดเท่านั้น ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่จะเตือนคุณว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลบางอย่าง!
นอกจากนี้ เมื่อตกลงใจซื้อไปแล้วก็ให้เก็บใบเสร็จให้ดี และการจ่ายด้วยบัตรเครดิตก็จะทำให้คุณสามารถจดบันทึกการชำระเงินได้ด้วย
2. ถามถึงการรับประกัน
Bukisa.com บอกว่าผู้ขายควรรับประกัน ให้ลูกค้าได้ว่าสินค้าของตัวเองเป็นของแท้แน่นอน ถ้าคุณไม่เห็นข้อมูลเหล่านี้ออนไลน์ ก็ให้ติดต่อไปที่เว็บไซต์เพื่อถามถึงการรับประกันความแท้ของสินค้า การรับประกันควรจะรวมถึงนโยบายที่ยอมให้ลูกค้านำสินค้ามาคืนได้ภายในระยะ เวลาจำกัด และไม่ควรจะซื้อจากบุคคลที่สาม หรือถ้าต้องการจะซื้อจากบุคคลที่สามจริงๆ ก็ให้ถามเกี่ยวกับการรับประกันและนโยบายการคืนสินค้าไว้ด้วย
3. ตรวจสอบฉลาก ป้าย การเย็บ การบุ วัสดุ และบรรจุภัณฑ์ด้วยตัวเอง
Bridget P. Allen จาก ArticleSet บอกว่า ถ้าวัสดุของผลิตภัณฑ์นั้นดูราคาถูก หยาบ ย้อมสีไม่เท่ากัน หรือตัดเย็บมาอย่างไม่ปราณีต ผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นก็อาจจะเป็นของปลอมได้ ถ้าจะดูให้ละเอียดกว่านั้น ก็ให้ตรวจสอบตะเข็บ กระดุม ซิป หรือส่วนประกอบอื่นๆ ที่จะช่วยบอกได้ว่าสินค้าชิ้นนี้เป็นของปลอมหรือไม่
Tip: สำหรับกระเป๋าและรองเท้า ให้ดูที่คุณภาพของหนัง การบุผ้าข้างในกระเป๋าจะช่วยบอกได้ว่ากระเป๋าใบนั้นมีคุณภาพแค่ไหน เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมเปิดกระเป๋าแล้วสำรวจข้างในด้วย
4. คิดตามหลักเหตุและผล
ถ้าราคาถูกจนไม่น่าเชื่อ ก็ให้ระวังไว้ก่อนได้เลย บรรณาธิการของ wikiHow บอกว่า กระเป๋าแบรนด์เนมตั้งราคาไว้สูงเพราะว่าเป็นสินค้าที่ทำขึ้นมาอย่างปราณีตและเป็นตัวบ่งบอกถึงสถานะด้วย
แม้ว่าการซื้อของลอกเลียนแบบที่ทำมาอย่าง ดีจะเป็นไอเดียที่ดูยั่วยวนสักเพียงใดก็ตาม แต่ Douglas ก็ย้ำว่า สินค้าลอกเลียนแบบเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และเป็นสินค้าที่ทำมาจากหยาดเหงื่อแรงงานของคนงานที่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการทำงานที่แย่และไม่ยุติธรรม เพราะฉะนั้นการที่คุณเลือกซื้อของแบรนด์เนมปลอมถือเป็นการลดคุณค่าของแบรนด์ เนมของแท้และส่งผลกระทบทางด้านลบต่อเศรษฐกิจของโลก อุตสาหกรรมผลิตของแบรนด์เนมเลียนแบบทำให้เงินหายไปจากระบบเศรษฐกิจมากถึงหก แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
นี่ยังไม่ได้พูดถึงความรู้สึกตื่นเต้น ดีใจที่สูบฉีดไปทั่วร่างเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณได้เป็นเจ้าของแบรนด์เนมของแท้ ที่มีการรับประกันอย่างถูกต้อง
5. ใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการวางแผนเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม
แบรนด์ที่ถูกลอกเลียนแบบมากที่สุดประจำปี 2010 จากข้อมูลของ SiteJabber คือ
1. UGGs
2. กระเป๋า Coach และสินค้าเครื่องหนัง
3. Tiffany's
4. เสื้อกีฬา
5. น้ำหอม
6 รองเท้ากีฬา Nike (โดยเฉพาะ Air Yeezy และ Air Jordans)
7. Ed Hardy และ Juicy
8. นาฬิกา (เช่น Rolex Omega และ Tag Heuer)
9. North Face
10. DVDs (โดยเฉพาะละครโทรทัศน์ที่มาเป็นเซ็ทกล่อง)
ถ้าไม่แน่ใจว่าสินค้าที่จะซื้อเป็นของแท้ หรือของปลอม ลองเข้าไปเซิร์ชหาวิดีโอบนยูทูปที่มีผู้รู้นำมาโพสต์เอาไว้ได้ โดยมีครอบคลุมแทบจะครบทุกแบรนด์
Source : AFP Relax News
สิ่งหนึ่งที่จะทำให้การแต่งหน้าดูโดดเด่นในลุควาวๆนั้นก็คงหนีไม่พ้นการใช้กลิตเตอร์ หรือ เรียกง่ายๆว่า กากเพชร ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในค่ำคืนปาร์ตี้ที่จะทำให้คุณน่าสนใจ ปกติเครื่องสำอางของคุณสาวๆคงจะมีส่วนผสมของชิมเมอร์ ทั้งอายแชโดว์ บรัชออน อยู่แล้ว
เกร็ดดี้คิดว่าเพียงเท่านี้ยังไม่พอถ้าคุณสาวๆอยากจะสวยเจิดจรัสทรามกลางแสงไฟระยิบระยับ ควรเพิ่มกากเพชรเข้าไปในการแต่งหน้าแบบปกติที่เคยแต่ง ทำได้อย่างไรมาดูกันเลย...
- ดวงตาที่สวยถือว่าเป็นสิ่งแรกที่จะทำให้ผู้คนที่พบเจอรู้สึกได้ว่าคุณมีเสน่ห์ การทากลิตเตอร์ควรทาเมื่อแต่งตาด้วยอายแชโดว์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นให้ใช้เจลกริตเตอร์ทาบางๆแล้วค่อยแตะกากเพชรทับจะทำให้กลิตเตอร์ติดทนนานยิ่งขึ้น แต่ต้องระวังอย่าทาเยอะเกินไป ถ้าเศษของกลิตเตอร์เข้าไปในตาจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ อ่อ....อย่าลืมติดขนตาปลอมแบบหนาแน่นด้วยนะคะ
- โหนกแก้ม ส่วนนี้ไม่จำเป็นจะต้องทากากเพชรคะ เพียงแค่คุณนำไฮไลท์มาทาเป็นรูปตัว C ไล่ตั้งแต่โหนกแก้มขึ้นไปบนกึ่งกลางของคิ้ว เพื่อให้ใบหน้าดูมีมิติ
- ริมฝีปาก การเลือกสีบรัชออนและสีลิปสติก ไม่ควรเลือกสีโดดเด่นแย่งซีนดวงตา ควรใช้สีส้มอิฐ ชมพูพาสเทล สีโอโรสหรือสีนู้ด เมื่อทาลิปสติกสีที่ชอบตามด้วยลิปกรอสแล้วใช้กากเพชรแตะบริเวณกึ่งกลางของปากล่างจะทำให้ปากของคุณดูอวบอิ่มขึ้นคะ
- กากเพชรทาตัว เดี๋ยวนี้มีแบบครีมออกมาใช้อย่างสะดวกขึ้น ถ้าคุณไม่ชอบความเหนียวของครีมให้ทาทับด้วยแป้งผสมชิมเมอร์ ยิ่งคุณสาวๆชุดที่ใส่เป็นแบบโชว์เนื้อหนังด้วยละก่อนรับรองว่าเกิดแน่นอน แต่ถ้าคุณที่ไม่ได้ใส่ชุดโชว์ผิวทาแค่แป้งที่ผสมชิมเมอร์ก็พอจะได้ดูไม่ตั้งใจมากไปคะ
- เล็บ เมื่อคุณคิดที่จะเด่นทางด้านกากเพชรแล้ว เกร็ดดี้แนะนำให้คุณสาวๆทากากเพชรบริเวณปลายเล็บด้วยจะดูเข้ากันอย่างไม่มีที่ติดีเลยทีเดียวคะ
สำหรับคุณสาวๆที่แต่งหน้าไปทำงานแต่อยากวิบวับบ้าง เกร็ดดี้แนะนำให้เปลี่ยนจากกากเพชรเป็นอายแชโดว์เนื้อชิมเมอร์ที่มีกลิตเตอร์เล็กๆผสมอยู่ก็ดูดีน่ามองแล้วคะ ไว้จะไปปาร์ตี้คริสต์มาสหรือปีใหม่ค่อยจัดเต็มกับกากเพชรกันนะคะ...
เรียบเรียงโดย : เกร็ดดี้
ขอบคุณภาพประกอบจาก : glamour
10 อันดับ ลางบอกเหตุฮาร์ดดิสก์ใกล้ตาย
ทีมงาน Toptenthailand.com ขอเสนอ "10 อันดับ ลางบอกเหตุฮาร์ดดิสก์ใกล้ตาย" ห้ามพลาดสำหรับท่านที่ใช้อมพิวเตอร์ทำงานบ่อยๆนะครับ จะได้รู้ทันก่อนจะเสียงานที่สำคัญไป
10 สร้างพาร์ทิชันไม่ได้
สัญญาณอันตรายในข้อสุดท้ายนี้ค่อนข้างรุนแรงครับ ถ้าคุณเผอิญกำลังประสบอยู่ละก็ ขอบอกเลยว่าอาจจะต้องทำใจเอาไว้ด้วย ถ้าอาการที่ว่านี้เกิดกับฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่แกะกล่องคงไม่ต้องซีเรียสอะไร เพราะยังไงก็เคลมได้ชัวร์ๆ แต่ถ้าเป็นฮาร์ดดิสก์ที่หมดประกันไปแล้วล่ะ สิ่งที่คุณต้องเรียนรู้เวลาที่ไม่สามารถสร้างพาร์ทิช ันขึ้นมาได้เลย ไม่ว่าจะใช้โปรแกรมใดๆ ก็ตาม การตีความหมายไม่ควรอยู่ในวงแคบๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์พังแน่ ๆ หรือมันเพิ่งหล่นมาใช้ไหมนี่ ปัญหาอาจจะมาจากแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์เสียหาย ซึ่งหากคุณหาอะไหล่ที่เป็นรุ่นเดียวกันมาถอดเปลี่ยนเข้าไปใหม่ ก็สามารถใช้งานฮาร์ดดิสก์ได้แล้ว แต่ถ้าแผ่นจานเสียหายละก็หมดสิทธิ์ทันทีครับ ต้องกินยาทำใจอย่างเดียว
9 สั่งดีแฟรกแต่ไม่ฉลุย
ดีแฟรก หรือการจัดเรียงข้อมูลหรือไฟล์ที่ไม่ต่อเนื่องซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่ว ฮาร์ดดิสก์ให้กลับมาเป็นระเบียบเร ียบร้อยเหมือนเดิม เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วให้ก็จริง แต่ถ้าการดีแฟรกไม่ผ่านฉลุยหรือไม่ยอมจบสิ้นซักทีล่ะ ปัญหาจะมาจากไหนได้ นอกจากฮาร์ดดิสก์นั่นเอง ถ้าคุณพบอาการที่ว่านี้ในระหว่างการดีแฟรกฮาร์ดดิสก์ นั้น เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ถึงสุขภาพฮาร์ดดิสก์ของคุณเริ่มไม่ดีแล้ว ความเป็นไปได้ของปัญหามีอยู่สองอย่างครับ อย่างแรกมาจากตัวอุปกรณ์เองที่อาจชำรุดเสียหาย และอย่างที่สองมาจากโครงสร้างพื้นฐานการจัดเก็บข้อมูลเกิดความเสียหายใน ระดับซอฟต์แวร์ ตรงนี้เราไม่สามารถใช้การดีแฟรกมาช่วยได้นอกจากต้องสร้างพาร์ทิชันและฟอร์ แมตโครงสร้าง FAT ขึ้นมาใหม่
8 สแกนดิสก์ไม่ผ่าน
การตรวจสุขภาพฮาร์ดดิสก์ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ก็คือ สแกนมันให้ทั่วทั้งจาน ไม่ว่าคุณจะใช้บริการจากยูทิลิตีบนวินโดวส์เอง หรือโปรแกรมจากเธิร์ดพาร์ตี้ก็ตาม หากสแกนไม่ตลอดรอดฝั่งแล้วละก็ ให้ตั้งข้อสันนิษฐานได้เลยว่าฮาร์ดดิสก์กำลังมีปัญหา เกิดขึ้น สาเหตุก็มีทั้งโครงสร้าง FAT เสียหาย รวมถึงตารางพาร์ทิชันที่อาจเสียหายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ หากฮาร์ดดิสก์มีแบดเซกเตอร์ ตรงจุดสำคัญๆ ก็จะส่งผลให้การสแกนฮาร์ดดิสก์ตรงตำแหน่งพื้นที่นั้น ๆ ไม่ผ่านด้วยเช่นกัน หรือแม้แต่ค้างนิ่งไปเลยก็มีให้เห็นด้วย
7 ฮาร์ดดิสก์ตีกลอง
สำหรับอาการที่ว่านี้มีความแตกต่างจากข้อที่ 1 โดยสิ้นเชิง ถ้าคุณได้ยิ้นเสียงรัวกลองดังกึกก้องมาจากฮาร์ดดิสก์ และไม่ยอมหยุดซักที อาการแบบนี้บอกได้อย่างเดียวว่ามันจะขอลาแล้วละครับ เสียงดังที่คล้ายกับการตีกลองนั้นมาจากหัวอ่านไปกระทบกับจานอย่างจัง หรือแม้แต่หัวอ่านเลื่อนหลุดออกจากตำแหน่งล็อก จนไปกระกบกับแผ่นจาน ถ้าเป็นแบบนี้ข้อมูลทั้งหมดในอาร์ดดิสก์อาจได้รับความเสียหายจนถึงขั้นกู้ ไม่ได้เลย ดังนั้น ถ้าเสียงกลองเพิ่งเริ่มรัวให้คุณรีบพาฮาร์ดดิสก์ไปซ่อมด่วนเลยนะครับ!
6 ไฟติด แต่ไฟล์ดับ!
ถ้าคุณต่อสายสัญญาณไฟแสดงสถานะของฮาร์ดดิสก์ในเมนบอร์ดถูกต้อง หลอด LED ด้านหน้าเคสต้องแสดงอาการให้เห็นเวลาที่มีการเขียนอ่านข้อมูลเกิดขึ้น หลอดไฟดวงเล็ก ๆ นี้ช่วยให้คุณสังเกตความผิดปกติของฮาร์ดดิสก์ได้เช่น กัน ยกตัวอย่าง ถ้าในระหว่างที่มีการเขียนข้อมูลหรือไฟล์ลงฮาร์ดดิสก์ หลอดไฟย่อมกะพริบอยู่ตลอด แต่หลังจากคุณกลับเข้าไปดูข้อมูลที่เขียนหรือโอนถ่าย ลงไปกลับพบว่าทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีอะไรถูกเขียนลงไปในฮาร์ดดิสก์เลย แล้วทำไมหลอดไฟถึงได้กะพริบแบบนั้น ตรงนี้บอกอะไรเราได้บ้าง อย่างแรกเลยคือ เกิดความผิดพลาดในระดับโครงสร้างการจัดเก็บไฟล์ ปัญหาที่ว่านี้อาจมาจากระบบ FAT หรือแม้แต่โครงสร้างพาร์ทิชันเสียหาย ไฟที่กะพริบแสดงถึงการโอนข้อมูลไปยังตำแหน่งของเซกเตอร์ที่ใช้เก็บข้อมูล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเขียนลงไปได้สำเร็จจริงๆ ยิ่งถ้าคุณปิดหน้าจอไว้ในระหว่างที่มีการโอนไฟล์ใหญ่ ๆ หลอดไฟที่กะพริบอาจทำให้คุณเข้าใจว่าระบบกำลังทำงานอยู่ ตรงนี้ถ้าไม่เปิดดูหน้าจอจะไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
5 โปรแกรมค้างบ่อยๆ
สำหรับโปรแกรมที่กำลังพูดถึงนี้ ผมเหมารวมไปถึงระบบปฏิบัติการด้วยนะครับ เวลาที่คุณเปิดโปรแกรมสักตัวขึ้นมาแล้วมันหยุดนิ่งหรือค้างไปเฉยๆ นั้น หนึ่งในข้อสันนิษฐานที่อยากให้ทุกท่านได้ใส่ใจก็คือ ปัญหาที่ว่าอาจมาจากฮาร์ดดิสก์โดยตรง ถ้าฮาร์ดดิสก์ของคุณมีแบดเซกเตอร์ (Bad Sector) กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งฮาร์ดดิสก์ ผมกล้าฟันธงได้เลยว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้โปรแกรมห รือแม้แต่ระบบปฏิบัติการค้างได้ เป็นสัญญาณเตือนภัยที่คุณสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด
4 ทำไมมันร้อนเร็วจัง
หลังจากที่คุณเปิดสวิตช์เครื่องคอมพ์ได้ไม่นาน และพบว่าฮาร์ดดิสก์ของคุณมีอุณหภูมิขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แต่ยังคงทำงานต่อไปได้ ให้ตั้งข้อสันนิษฐานถึงความผิดปกติที่พบขึ้นมาทันที อย่าได้นิ่งนอนใจ เพราะฮาร์ดดิสก์จะร้อนขึ้นเมื่อมีการเริ่มเขียน-อ่าน ข้อมูลอย่างจริงๆ จังๆ แค่เปิดเครื่องแล้วอยู่ๆ ก็ร้อนขึ้นขนาดนี้ไม่ดีแน่ครับ อาการที่ว่านี้มาจากอุปกรณ์ภายในโดยตรงที่ส่งความร้อนออกมา มอเตอร์อาจได้รับแรงดันไฟมากเกินไปหรือไม่เสถียรพอจน ทำงานผิดพลาด นอกจากนี้หากมีชิ้นส่วนในแผงวงจรเกิดชำรุดเสียหายขึ้ นมาก็สามารถแสดงอาการแบบนี้ได้เช่นกัน
3 เครื่องแฮงก์บ่อยๆ
ปัญหาเครื่องคอมพ์ค้างนั้น มีหลายสาเหตุครับ นอกจากซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ Error แล้ว อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ก็สามารถทำให้เครื่องค้างหรือหยุดนิ่งไม่ไหวติงได้เช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือ ฮาร์ดดิสก์ นั่นเอง ทำไมฮาร์ดดิสก์ถึงค้างได้ เป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ยากครับ อย่างแรกเลยก็คือ กำลังไฟที่จ่ายไม่เพียงพอ ถ้าเครื่องของคุณมีอุปกรณ์ต่อพ่วงมาก มีฮาร์ดดิสก์และไดรฟ์ออปติคอลหลายตัว แต่เพาะเวอร์ซัพพลายใช้ของราคาถูก จ่ายไฟไม่พอ แบบนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ฮร์ดดิสก์ค้างได้เลย และอย่างที่สองมาจากอุปกรณ์ภายฮาร์ดดิสก์ในทำงานผิดพลาด ซึ่งตรงจุดนี้ตัวระบบปฏิบัติการเองสามารถส่งผลต่อเนื่องมายังฮาร์ดดิสก์ได้ โดยตรง เพราะยังไงเสียระบบปฏิบัติการก็เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์ นั่นเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับส่วนหนึ่ง ย่อมส่งผลไปยังส่วนที่เหลือได้ไม่ยาก
2 ไฟดับบ่อยๆ ไม่ดีกับฮาร์ดดิสก์
เครื่องคอมพ์ที่ไม่มี UPS มีโอกาสเสี่ยงที่อุปกรณ์ภายในจะเสียหายเร็วขึ้นถ้าหากมีไฟดับบ่อย ๆ โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์นั้น เวลาที่ไฟฟ้าดับอย่างรวดเร็วหัวอ่านข้างในอาจจะยังไม่กลับสู่บริเวณที่ ปลอดภัย หรือบางทีหัวอ่านอาจจะไปกระแทกกับแผ่นจานในช่วงที่ไฟ ฟ้ากระชากขึ้นมาทันที ซึ่งไม่เป็นผลดีแน่ นอกจากนี้หากไฟตกบ่อย ๆ แล้วดับลงก็ไม่เป็นผลดีเช่นกัน เพราะฮาร์ดดิสก์จะพยายามทำงานตามหน้าที่หากมีกำลังไฟ เพียงพอ แต่ถ้าในระหว่างนั้นไฟค่อยๆ ตกลงและดับไป ตำแหน่งของหัวอ่านจะยังไม่กลับที่เดิมแน่ ดังนั้น ควรติดตั้ง UPS ไว้จะปลอดภัยทั้งฮาร์ดดิสก์เองและอุปกรณ์ทั้งหมดด้วย เช่นกัน
1 เสียงดังติ๊กๆ อย่านึกว่าเป็นเข็มนาฬิกา
ฮาร์ดดิสก์ทุกตัวในโลกนี้ไม่เคยติดตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ข้างใน และถ้ามันเป็นปกติดีก็ไม่ควรจะมีเสียงดังติ๊กๆ ให้ชวนระทึกขวัญด้วย เสียงดังที่ว่านี้ ถ้าจะให้พิจารณากันอย่างละเอียดคุณต้องเอาหูแนบกับฮาร์ดดิสก์ว่าเสียงมาจาก ส่วนใด เพราะการวิเคราะห์หาสาเหตุจะทำได้ตรงจุดจริงๆ ถ้าเสียงมาจากตรงกลางให้สันนิษฐานว่ามาจากชุดขับเคลื่อนมอเตอร์ที่อาจเกิด ความผิดพลาดหรือชำรุดขึ้น แต่ถ้าเสียงดังมาจากรอบ ๆ นอกในรัศมีของกล่องฮาร์ดดิสก์ ให้สันนิษฐานว่าปัญหามาจากหัวอ่านติดขัด ซึ่งอาจจะกำลังเคาะกับแผ่นจานอยู่ก็เป็นได้ ตรงนี้อันตรายมากเพราะทำให้ข้อมูลเสียหายได้ทั้งลูกเลย
หมาย เหตุ ข้อมูลทั้งหมดที่ทาง Toptenthailand.com นำเสนอได้มาจากการสำรวจความคิดเห็นเชิงสถิติ ด้วยขั้นตอนที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของหัวข้อนั้นๆ ทางเว็บไซต์ Toptenthailand.com มิได้มีเจตนาที่จะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวเพื่อชี้นำ หรือ ก่อให้เกิดความแตกแยกใดๆ ในสังคมทั้งสิ้น เราและทีมงานเพียงแต่ต้องการนำเสนอข้อมูลทางสถิติที่เรารวบรวมเพื่อเป็นสาระ และเป็นการสะท้อนอีกด้านหนึ่งของสังคม ให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต และประชาชนทั่วไปรับชมเท่านั้น (โปรดใช้วิจารณญาณในการชม และบริโภคข้อมูลจาก Toptenthailand.com) และหรือในบางกรณี www.Toptenthailand.com จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการรวบรวม และนำเสนอข้อมูลในการจัดอันดับที่มีอยู่แล้วในสื่อต่างๆ ทั้งทาง Internet และสิ่งพิมพ์ โดยเราจะอ้างอิง ให้เครดิต ถึงแหล่งที่มาในทุกๆ ครั้งไป
เรื่องหนึ่งที่มักจะถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องและถูกใช้เป็นประเด็นหลักที่ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ชูเป็นจุดเด่นทางการตลาด คือ เรื่องของการทำ Motorsport Campaign ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลอยู่เสมอในทุกยุคทุกสมัย | ||||
การนำแนวคิดที่ว่า ‘เทคโนโลยีจากสนามแข่ง’ มาใช้เป็นคำโปรยกับรถยนต์ที่ขายอยู่ในตลาดถือเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดความน่าสนใจต่อตัวผลิตภัณฑ์ และสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากคำว่า ‘เทคโนโลยีจากสนามแข่ง’ ได้เป็นอย่างดี และแนวคิดนี้ก็มีการนำมาใช้อย่างต่อเนื่องในปัจจุบันด้วย โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ยังวนเวียนอยู่กับการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกอย่างฟอร์มูลา วัน หรือ F1 สำหรับโปรตอน ผู้ผลิตรถยนต์จากมาเลเซีย ก็มีส่วนร่วมในการแข่งขันประเภทนี้ด้วยเหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ได้เข้าร่วมโดยตรงก็ตาม แต่เป็นการส่งผ่านทางบริษัทในเครืออย่างโลตัส คาร์ ซึ่งในปัจจุบันได้สนับสนุนทีมแข่งกับเรโนลต์ และลงแข่งภายใต้ชื่อโลตัส เรโนลต์ จีพี | ||||
สำหรับสนามมาริน่า เบย์ เซอร์กิต เป็นสตรีทเซอร์กิต ที่มีระยะทางต่อรอบอยู่ที่ 5.073 กิโลเมตร และในรายการสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์มีการแข่งขันจำนวน 61 รอบสนาม รวมระยะทาง 309.316 กิโลเมตร พร้อมกับโค้งที่มีมากถึง 23 โค้งใน 1 รอบสนาม โดยนักแข่งที่ทำเวลาต่อรอบที่สนามแห่งนี้ดีที่สุดคือ คิมิ ไรก์โคเนน ทำเอาไว้ในปี 2008 ด้วยเวลา 1 นาที 45.599 วินาที แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ระบบส่องสว่างที่ทำให้สนามนี้มีความสว่างมากพอสำหรับการแข่งขันในตอนกลางคืนได้ เพราะรถแข่ง F1 ไม่มีไฟหน้า ดังนั้น การใช้ระบบส่องสว่างตามทางตลอดระยะ 5 กิโลเมตรกว่าๆ ถือเป็นงานที่ไม่ธรรมดาเลย | ||||
| ||||
บรูโนเป็นนักขับทดสอบในทีมตอนช่วงต้นซีซั่น แต่ถูกดันเข้ามาแทนที่นิค ไฮด์เฟลด์ ซึ่งได้ถูกถอดออกจากการเป็นนักแข่งของทีม โดยเขาลงแข่งรายการแรกที่เบลเยี่ยม และในตอนนี้ทำได้ 2 คะแนนจากการเข้าอันดับที่ 9 ในรายการอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ พร้อมกับได้รับการจับตามองว่าเขาจะสามารถวัดรอยเท้าอันยิ่งใหญ่ของน้าชายของเขาได้หรือไม่ | ||||
แน่นอนว่า สิ่งเหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการนำเทคโนโลยีจากสนามแข่ง F1 มาใช้ในการประยุกต์และต่อยอดกับการพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้ได้จริงกับรถยนต์บนท้องถนน เพื่อสร้างจุดเด่นในด้านสมรรถนะ ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับโปรตอน แม้จะไม่ได้รับมาโดยตรง แต่ในฐานะที่เป็นแบรนด์ที่มีความเกี่ยวพันกับโลตัส และได้รับการสนับสนุนในด้านเทคโนโลยีรวมถึงการปรับเซตในเรื่องของระบบช่วงล่างจากแบรนด์รถสปอร์ตชั้นนำรายนี้ เชื่อว่ารถโปรตอน ก็ได้รับองค์ความรู้เหล่านี้มาปรับใช้กับตัวรถ…ไม่มากก็น้อย | ||||