Fiat 500c by Gucci – อีกครั้งกับกุชชี่

Fiat 500c Gucci

หลังจากที่เคยร่วมงานกันผลิตรถยนต์รุ่น Limited Edition ออกมาแล้วครั้งหนึ่งสำหรับค่ายรถยนต์ Fiat และแบรนด์แฟชั่นชั้นสูงอย่าง Gucci ก็ได้กลับมาร่วมงานกันอีกทีหนึ่งกับรถยนต์รุ่น (เกือบ) เดิมอย่าง Fiat 500c by Gucci

ซึ่งเจ้า Fiat 500c by Gucci นั้นก็ไม่ค่อยมีอะไรต่างจาก Fiat 500 by Gucci เท่าไหร่นัก หลัก ๆ ที่สุดนั่นก็แค่การเปิดหลังคาได้ครับ ซึ่งก็คาดว่าครั้งนี้ทาง Fiat และ Gucci นั้นก็คงรับยอดขายกันมากมายไปอีกครั้งเหมือนเดิมที่เคยได้รับการ Pre Order ผ่านทางหน้าเว็บไซท์ของ Fiat ไปจำนวน 3,000 คันกับรถยนต์รุ่น 500 by Gucci เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เองครับ และครั้งนี้ก็เหมือนเดิมครับ กับสีรถที่มีให้เลือก 2 สีคือขาวและดำ

โอ้โห!! Lotus Evora S รุ่นพิเศษ ดูโอ ตำรวจอิตาลี

กลับมาอีกครั้งกับข่าวสารวงการรถแต่ง ซึ่งคราวนี้เราจะมานำเสนอรถแต่งจากค่าย Lotus กันบ้างครับ
ซึ่งล่าสุดทาง Thaicarlover.com ได้ข่าวมาว่า

Arma dei Carabinieri หน่วยงานที่ใช้ทหารและพลเรือนในการทำหน้าที่เป็นตำรวจของอิตาลี ได้ของใหม่มาประทับองค์กร นั่นก็คือ Lotus Evora S รุ่นพิเศษ จำนวน 2 คันที่จะมาทำหน้าลาดตระเวนดูแลรักษาความเรียบร้อยในกรุงโรม และมิลานเป็นเวลา 2 ปีนับจากนี้

Lotus Evora S Special Edition-01

Lotus Evora S Special Edition-01

โดย Evora S รุ่นนี้ได้รับการติดตั้งด้วยเทคโนโลยีต่างๆไม่ว่าจะเป็นระบบจดจำ และสั่งงานด้วยเสียง (Voice Recognition) ระบบ EVA (Enhanced Vehicle Automation) และตู้เย็นขนาดเล็กที่ถูกติดตั้งไว้ด้านหลังของที่นั่งด้านหน้า เพื่อเป็นสัมภาระบรรจุอวัยวะ หรือเลือดของมนุษย์ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เพื่อรักษาสภาพของเซลล์เนื้อเยื่อเอาไว้

Lotus Evora S Special Edition-02

Lotus Evora S Special Edition-02

ตำรวจอิตาลีไม่ได้เพิ่งเริ่มใช้รถสปอร์ตราคาแพงในการทำงานช่วยราชการ แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยนำเอาซุปเปอร์คาร์อย่าง Lamborghini Gallardo LP560-4 Polizia มาทำหน้าที่ในนลักษณะนี้มาก่อนแล้ว โดยในครั้งนี้ก็เป็นเจ้า โลตัส อีโวร่า เอส ที่ถูกเลือกมาทำหน้าที่นี้

Lotus Evora S Special Edition-03

Lotus Evora S Special Edition-03

อย่าพลาดติดตามอัลบั้มรูปรถยนต์เด่น พริตตี้น่ารักๆ รวมถึงความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ทั้งไทย และต่างประเทศได้ใหม่กับ Thaicarlover.com ครับ

ปอร์เช่ Singer 911 : ส่วนผสมที่ลงตัวของอดีต-ปัจจุบัน

อย่าแปลกใจคิดว่าบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้านเราคุ้นชื่อกันอย่างดีจะหันมาผลิตรถสปอร์ต เพราะที่เห็นอยู่นี้ไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด เนื่องจากซิงเกอร์ เวฮิเคล ดีไซน์แห่งลอสแองเจลีส สหรัฐอเมริกา ได้ซื้อสิทธิ์แบบตัวรถของ 911 รุ่นแรกมาจากปอร์เช่ จากนั้นก็จับแพะชนแกะ ผสมผสานเพื่อให้ตัวรถสามารถตอบสนองได้ดีขึ้น และรองรับกับความต้องการของลูกค้าปัจจุบันที่อยากได้ความคลาสสิคบนสมรรถนะของยานยนต์ยุคปัจจุบัน

โปรเจกต์นี้ได้รับความช่วยเหลือจากทางปอร์เช่ อเมริกาเหนือ และทางซิงเกอร์ได้เลือกเอา 911 รุ่นแรกในรหัส 930 มาสร้างความเร้าใจ ด้วยการขึ้นรูปตัวถังในแบบโมโนค็อกและเสริมความแข็งแกร่งตามจุดต่างๆ รวมถึงการนำคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนตัวถัง ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาเพียง 1,090 กิโลกรัมเท่านั้นเอง

ตอนแรกโปรเจกต์นี้เป็นแค่งานสำหรับโชว์ตัวเมื่อปี 2009 แต่ในเมื่อมีเสียงเรียกร้องจากลูกค้าเพิ่มขึ้น ทางซิงเกอร์ก็เลยตัดสินใจขึ้นไลน์ผลิต โดยใช้โรงงานของตัวเองในแอลเอ และผลิตในแบบแฮนด์เมด ทั้งภายนอกและภายใน พยายามคงกลิ่นอายและรูปแบบเดิมๆ ของ 911 รุ่นแรกเอาไว้ทุกประการ แต่ติดตั้งอุปกรณ์ที่ทันสมัยเข้าไป เช่น USB สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ระบบนำทาง GPS และระบบ Bluetooth

ส่วนเครื่องยนต์ที่วางอยู่ด้านท้ายก็จับเอาขุมพลังแบบสูบนอน หรือบ็อกเซอร์รุ่นใหม่ที่มีการระบายความร้อนด้วยน้ำ (เริ่มรุ่นแรกกับ 911 รหัส 996) มาใช้แทนของเดิมที่เป็นแบบระบายความร้อนด้วยอากาศ

ขุมพลังบล็อกนี้เป็นแบบ 6 สูบที่มีความจุ 3600 ซีซี แต่มีการขยายความจุเป็น 3820 ซีซี จากความช่วยเหลือของบริษัท Ninemeister แห่งอังกฤษ และเครื่องยนต์บล็อกนี้สามารถหมุนด้วยรอบสูงสุด 8,000 รอบ/นาที โดยใช้ชิ้นส่วนร่วมกันของสำนักแต่งแห่งนี้กับชิ้นส่วนของเครื่องยนต์จาก 911 GT3 รหัส 996 เช่น เพลาข้อเหวี่ยง และอ่างน้ำมันเครื่อง ผลคือได้กำลังในระดับ 425 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 46.9 กก.-ม.

อย่างไรก็ตาม ข้างบนนั้นคือรุ่นท็อป แต่รุ่นมาตรฐานจะสตาร์ทกับเครื่องยนต์ที่มีกำลังเพียง 300 แรงม้า และอีกรุ่นคือ 380 แรงม้า

ด้านการส่งกำลังเป็นงานของเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะอัตราทดชิดของ Getrag บวกกับคลัตช์คู่ที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง รวดร็วทันใจใช้เวลาเพียง 3.9 วินาที และ 8.9 วินาทีสำหรับย่านความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะที่ความเร็วปลายอยู่ที่ 273 กิโลเมตร/ชั่วโมง

เอาเป็นว่าใครที่สนใจความคลาสสิค ซึ่งถูกผสมผสานกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างลงตัวก็เตรียมเงินเอาไว้ได้เลย ส่วนราคาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เริ่มต้นที่ 190,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 5.7 ล้านบาท ย้ำว่าเป็นราคาแบบยังไม่รวมภาษีนำเข้าในบ้านเรา



เปิดต้วต้นแบบซิตี้คาร์…. BMW i3 Concept

หลังจากที่ทาง Thaicarlover.com ได้เสนอ BMW i8 Concept 1 ในรถยนต์รุ่น i ไปในตอนที่แล้ว วันนี้ทางเราก็มีข่าวของรถยนต์ i อีกรุ่นมาฝากครับ
ซึ่งล่าสุด…

BMW ได้เปิดตัวอีก 1 ใน 2 ของผลผลิตภายใต้ แบรนด์ BMW i ออกมาแล้วที่ แฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์ โชว์ 2011 (Frankfurt Motor Show 2011) โดย BMW i3 Concept จะเป็นซิตี้คาร์พลังไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง โดยทั้ง 2 รุ่นนี้จะสร้างขึ้นบนพื้นฐานเทคโนโลยี BMW LifeDrive ซึ่งประกอบไปด้วย 2 ส่วนสำคัญ คือ ระบบขับเคลื่อน Drive Module และโครงสร้างห้องโดยสารความแข็งแกร่งสูง Life Module ผลิตจาก CFRP (Carbon Fiber Reinforced Plastics)

BMW i3 Concept

BMW i3 Concept

i3 จะมาในรูปโฉมของรถ 4 ประตู แฮทช์แบก ขับเคลื่อนล้อหลัง น้ำหนักตัวเพียง 1,249 กิโลกรัม ความน่ารักอยู่ที่ขนาดตัวรถ และประตูแบบ Coach doors หรือที่เราเรียกกันบ้านๆ ว่าประตูตู้กับข้าว ส่วนพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลังมีมาให้ถึง 200 ลิตร

BMW i3 Concept-Rear View

BMW i3 Concept-Rear View

โดย i3 จะวางมอเตอร์ไฟฟ้าเอาไว้ที่บริเวณล้อหลัง ผลิตกำลังออกมาได้ถึง 125 กิโลวัตต์ หรือ เทียบเท่า 170 แรงม้า แรงบิด 25.4 กก.-ม. จับคู่เกียร์อัตโนมัติจังหวะเดียว อัตราเร่ง 0-60 กม./ชม. ต่ำกว่า 4 วินาที ส่วน 0-100 กม./ชม. 8 วินาที แรงเกินพอสำหรับการใช้งานในเมือง ที่ต้องการความคล่องตัวเป็นหลัก

BMW i3 Concept-Interior

BMW i3 Concept-Interior

สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดสูงสุด และวิ่งได้ระยะทางไกลขึ้น (ยังไม่มีข้อมูลระยะทางในเวลานี้) i3 มีโหมด ECO PRO ให้เลือกใช้ โดยระบบจะทำการคำนวณอัตราการใช้ไฟฟ้าให้อัตโนมัติ ในแบบพอดีระหว่างการใช้งาน เช่น เมื่อกดคันเร่งมากขึ้น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติจะลดการใช้กำลังไฟให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้สัมพันธ์กับการกดคันเร่งเวลาที่ต้องการความเร็วเพิ่มขึ้น

สำหรับแฟนๆ BMW ในบ้านเราคงต้องรอลุ้นว่า บีเอ็มดับเบิ้ลยู ไอ3 คอนเซปต์ จะเข้ามาอวดโฉมที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร 2554 (Motor Expo 2011) ในปลายปีนี้หรือไม่ ซึ่งอันนี้แฟนๆ บีเอ็มดับเบิ้ลยู คงต้องติดตามกันต่อไปครับ

อย่าพลาดติดตามอัลบั้มรูปรถยนต์เด่น พริตตี้น่ารักๆ รวมถึงความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ทั้งไทย และต่างประเทศได้ใหม่กับ Thaicarlover.com ครับ

Toyota Camry Hybrid Extremo เวอร์ชั่นนี้สปอร์ตพิเศษมีแค่ 1600 คันเท่านั้น

รถรุ่นนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากเป็นเพียงเวอร์ชั่นที่ปรับเอาความสปอร์ตเข้ามาให้ดูดีเท่านั้น พร้อมจำนวนจำกัดสำหรับใครที่รักกันจริง แน่นอนราคา 1.6 ล้านนี้ถือว่าไม่แพงมากนัก แต่ถ้าถามเราไปเล่น Prius ดีกว่าเพราะ ราคานี้ซื้อ Lexus ยังได้เลย

ถ้ากล่าวถึงรถยนต์ไฮบริดแล้ว แม้ตอนนี้ในบ้านเราทางค่าย Toyota จะนำเอา toyota Prius เข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ด้วยราคาที่ไม่แพงมากเสียกลางระหว่าง Altis และCamry เคาะเบ็ดเสร็จมีจบที่1.2 ล้านนั้น ทำให้รถยนต์ในกลุ่มไฮบริดนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และแม้รถไฮบริดขนานแท้จะมา แต่หลายคนก็ยังอยากได้รถใหญ่ที่หรูหราแต่มีสมรรถนะการขับที่ประหยัดไปพร้อมกัน

หากกล่าวถึงที่มาของรถยนต์ไฮบริดแล้ว Toyota Camry Hybrid ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการทำให้รถไฮบริดได้เข้ามาสู่ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการหลังจากแนะนำเมื่อช่วงเดือนกรกฏาคม ปี พ.ศ.2552 และนำมาสู่การวางขาย Toyota Prius ที่วันนี้หากใครชอบไฮบริดแต่ไม่ปลื้มเจ้ารถไฮบริดขนานแท้ ก็อาจจะถูกใจเวอร์ชั่นพิเศษของ Toyota Camry Hybrid ที่วางจำหน่ายเพียง 1,600 คัน เท่านั้น

Toyota Camry Hybrid Extremo

Toyota Camry Hybrid Extremo นั้น เป็นการตอกย้ำความสปอร์ตภายใต้ความหรูหราของรถที่แม้จะมีข่าวคราวการเตรียมตัวของรถรุ่นใหม่ แต่การส่งท้ายรถรุ่นนี้ที่จะมาพร้อมความพิเศษกับจำนวน 1,600 คันบนถนนนั้น ทำให้มันน่าสนใจ ด้วยการแต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมสรรพจากโรงงาน สวมสเกิร์ตหน้า ข้าง และหลัง ตลอดจน Lip Spoiler เข้ามาคลุกเคล้าพร้อมบ่งบอกความพิเศษกับป้าย "HYBRID EXTREMO" ที่ยังมีล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้วรมดำ จากโรงงาน รัดด้วยยาง 215/60/R16 ให้ได้เท่ห์กัน

Toyota Camry Hybrid Extremo

ในห้องโดยสาร Toyota Hybrid Extremo ให้อารมณ์หรูหรานุ่งลึก ลงตัวด้วยการตบแต่งสีดำทั้งห้องโดยสาร ตั้งแต่เบาะนั่งแผงประตู คอนโซล ไม่เว้นกระทั่งพวงมาลัย มาพร้อมเครื่องเล่น DVD พร้อมจอแบบทัชสกรีนจากโรงงาน ที่ยังพกความปลอดภัยถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้างมาพร้อมกันด้วย

Toyota Camry Hybrid ExtremoToyota Camry Hybrid Extremo

ด้านสมรรถนะการขับขี่ Toyota ยังคงแนะนำเครื่องยนต์รหัส 2AZ-FXE ขนาด 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ที่ 6000 รอบ/นาที เรียก แรงบิดสูงสุด 187 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ให้แรงบิดสะใจกว่า270 นิวตันเมตร ที่ในระบบช่วงล่างไม่มีการปรับใหม่แต่ก็ยังมั่นใจได้ในระบบจัดการรวมไดนามิคของตัวรถ (VDIM) ที่จะควบคุมการทำงานของระบบเสริมความปลอดภัยต่างๆในรถยนต์ที่เคยทำงานแยกกัน ให้มาทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TRC) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) เพื่อการทรงตัวที่ดีของรถและสมรรถนะที่ดีทุกๆด้านในการขับขี่ทั้งการขับ การเลี้ยว ตลอดจนการหยุดรถ

Toyota Camry Hybrid Extremo มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่โชว์รูม Toyota ทั่วประเทศ โดยมี 3สีให้เลือกจับจองเป็นเจ้าของคือ สีฟ้า (Light Blue Mica), สีขาว (White Pearl) และ สีดำ ( Black Mica) ส่วนราคาเคาะที่ 1,699,000 บาท (ราคารวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม)

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม