Land Rover DC100 Concept SUV

Land Rover DC100

ถึงคิวของ Land Rover ค่ายรถยนต์ Off-Road จากแดนผู้ดีอังกฤษกันบ้าง ที่มีรถยนต์ต้นแบบคันใหม่ Land Rover DC100ไปโชว์ตัวในงาน 2011 Frankfurt Motor Show กลางเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ครับ

โดยทาง Land Rover ได้ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Land Rover Defender ที่เป็นตำนานแห่งออฟโรดมาปรับปรุงใหม่ โดยหน้าตาภายนอกก็ดูเหมือนรถ SUV ญี่ปุ่นอย่าง Toyota FJ Cruiser อยู่บ้างเหมือนกัน ซึ่งดูจากการออกแบบแล้ว เริ่มจากล้อกันก่อนเลย ที่ขอบยางนั้นบางเกินกว่าจะใช้ลุยในสภาพถนนแบบออฟโรด ทาง Land Rover อาจจะเน้นการออกแบบภายในให้มีความสะดวกสบายมากก็เป็นได้ ก็ไม่ทราบว่าเจ้า DC100 จะเป็นรถยนต์รุ่นที่มาแทน Land Rover Defender จริงหรือไม่ ก็ต้องรอดูกันตามกำหนดปี 2015 ล่ะครับ ที่จะสามารถผลิตออกจำหน่ายจริงได้

คลังสรุปลดภาษีรถคันแรก ให้เฉพาะอีโคคาร์-กระบะ






ภาษีรถคันแรกให้กระบะ-อีโคคาร์ไม่เกิน1ล. (ไอเอ็นเอ็น)

กระทรวงคลัง สรุปลดภาษีสรรพสามิต รถยนต์คันแรก ให้เฉพาะรถกระบะ และอีโคคาร์ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เร่งเสนอ ครม. ให้ประกาศบังคับใช้ในเดือน ต.ค. นี้

วันนี้ (30 สิงหาคม) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการรถคันแรก ในขณะนี้ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า ทางรัฐบาลจะมีการลดหย่อนภาษีให้ในส่วนเฉพาะรถกระบะ และรถยนต์อีโคคาร์ เท่านั้น ซึ่งจะต้องมีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยจะปรับลดหย่อนในส่วนของภาษีสรรพสามิตให้เต็มจำนวน แต่ไม่เกินวงเงิน 1 แสนบาท ซึ่งจะนำไปลดหย่อนในการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดา ในระยะเวลา 5 ปี กับทางกรมสรรพากร ทั้งนี้มีผู้สิทธิลดหย่อนภาษี จะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในระบบภาษีของกรมสรรพากรเท่านั้น ส่วนผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีกรมสรรพากรจะไม่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งในรายละเอียดต่าง ๆ นั้น คงต้องให้ทางกรมสรรพากรไปหาข้อสรุปร่วมกับกรมสรรพสามิตต่อไป

นายบุญทรง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โครงการดังกล่าวจะเร่งเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้มีการประกาศในเดือน กันยายน และให้มีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2554


[29 สิงหาคม] คลังเดินหน้า นโยบายลดภาษีรถยนต์คันแรก


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

คลังมาตามสัญญา เตรียมลดภาระภาษีรถยนต์คันแรกตามที่หาเสียงไว้ เน้นรถราคาไม่เกินล้าน ห้ามเปลี่ยนมือ 5 ปีแรก

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกรมสรรพากร ว่า กระทรวงการคลังกำลังเดินหน้านโยบายรถยนต์คันแรก ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายระยะสั้นตามที่หาเสียงไว้ เพื่อต้องการให้คนทำงาน นักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเข้าทำงาน มีรถยนต์คันแรกไว้ใช้ในการประกอบอาชีพ หรือขับไปทำงาน เน้นรถยนต์ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เช่น รถปิกอัพ รถยนต์ส่วนบุคคล ห้ามเปลี่ยนมือในช่วง 5 ปีแรก

สำหรับแนวทางการลดภาระภาษี จะใช้แนวทางการลดหย่อนภาษี ซึ่งขณะนี้กำลังหาข้อสรุปอยู่ โดยจะนำข้อสรุปทั้งหมดเสนอพร้อมกับนโยบายอื่นให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณา และในฐานะกำกับดูแล 3 กรมจัดเก็บรายได้ จะหารือกับอธิบดีทั้ง 3 กรมอีกครั้ง เกี่ยวกับแนวทางการจัดเก็บภาษี รองรับการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

อัพเดท!! iPad 3 ออกกลางปีหน้าใช้ชิพ A6

และแล้วก็มีกระแสข่าวออกมาว่า iPad 3 อาจมีเหตุต้องเลื่อนกำหนดการเปิดตัวเป็นช่วงประมาณครึ่งปีหลังของปี 2012 โดยสาเหตุสำคัญมาจากความล่าช้าในการผลิตโพรเซสเซอร์ "ควอด-คอร์" A6 ที่จะใช้กับ iPad รุ่นใหม่ ในขณะที่ทางฝั่ง"แท็บเล็ต"ทาง Nvidia เดินเรื่งผลิตชิป Kal-El (Quad-Core Tegra) แล้ว

iPad 3

iPad 3

นักวิเคราะห์จาก Linley Group คาดว่า A6 โพรเซสเซอร์ "ควอด-คอร์" ที่จะใช้ใน iPad 3 น่าจะไม่สามารถผลิตได้ทันภายในปีนี้ โดยอย่างเร็วน่าจะเป็นไตรมาสที่สองของปีหน้า ซึ่งทำให้กำหนดการวางตลาดที่เป็นไปได้ของ iPad 3 อาจจะเลื่อนไปเป็นช่วงครึ่งหลังของปี 2012 กันเลยทีเดียว โดยล่าสุดทาง Apple ได้เปลี่ยนโรงงานผลิตจาก Samsung (ที่กำลังมีเรื่องฟ้องร้องคดีละเมิดสิทธิบัตรกันอยู่) ไปใช้ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) เป็นบริษัทผู้ผลิตแทน งานนี้นอกจาก Samsung จะถูกฟ้องแล้ว ยังสูญเสียรายได้มหาศาลจากลูกค้ารายใหญ่อย่าง Apple ไปอีกด้วย

กลับมา ที่โพรเซสเซอร์ A6 ชิปที่ได้รับการออกแบบภายใต้สถาปัตยกรรม ARM โดยใช้โครงสร้างของโพรเซสเซอร์"ควอดคอร์" ARM Cortex-A9 และเทคโนโลยีการผลิตชิปสามมิติ (แบบเดียวกับกระบวนการผลิตชิปของ Intel) ที่ 28nm โดยทาง TSMC จะรับผิดชอบในการผลิตซูเปอร์ชิปดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Linley คาดว่า ชิป A6 จะไม่สามารถผลิดได้จนกว่าถึงไตรมาสที่สองของปีหน้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรอบการออกผลิตภัณฑ์ของ Apple และหากจะยังคงรักษารอบการออกผลิตภัณฑ์ไว้เช่นเดีม iPad 3 จะไม่ได้มีคุณสมบัติอะไรทีแตกต่างจาก iPad 2 มากนัก (คาดการณ์ว่า น่าจะเป็นจอทีละเอียดขึ้น) กล่าวโดยสรุป ผู้บริโภคน่าจะยังไม่ได้มีโอกาสเห็น iPad 3 ในปีนี้ ในขณะที่กำหนดการออกเร็วสุดน่าจะเป็นไตรมาสที่สองของปี 2012

iPad 3

iPad 3

Ford Evos Concept เส้นสายสุดเซ็กซี่ อีกหนึ่งไปงาน Frankfurt

ใกล้เข้ามาทุกทีสำหรับงาน Frankfurt Auto show 2011 ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนหน้า ที่ถือเป้นงานใหญ่อีกงานแห่งทวีปยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่นี่คือแหล่งรวมรถยนต์สุดหรูและทรงสมรรถนะที่สุดงานหนึ่งของโลกในรอบปี

แม้งานจะจัดขึ้นในทวีปยุโรป แต่ค่ายรถยนต์จากอเมริกาอย่าง Ford ก็ไม่ย่อท้อที่จะรุกตลาดรถยนต์ที่ล่าสุดก็เตรียมผยโฉมแนวทางใหม่ของค่ายผ่านรถต้นแบบ Evos Concept ซึ่งจะอวดโฉมตัวเป็นๆท่ามกลางงาน Frankfurt auto show 2011

Ford Evos Concept

Ford Evos Concept นั้น เป็นรถต้นแบบที่มุ่งเน้นในการศึกษาเส้นสายการออกแบบรถยนต์รุ่นต่อไปในอนาคตที่จะมีความงามสง่ายิ่งขึ้นโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียว เน้นหนัdในความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น แต่ยังมาพร้อมความดุดันหรูหราในแบบฉบับรถยนต์อเมริกัน

ตัวรถมาพร้อมเรือนร่างขนาดยาว 4.5 เมตร กว้าง 1.97 เมตร และ สูง 1.36 เมตร ควบระยะฐานล้อ 2.74 เมตร ซึ่งเป็นขนาดของรถคอมแพ็คคาร์ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วๆไป แต่การพัฒนาการออกแบบใหม่เน้นหนักในเรื่องการให้บุคคลิกกับ เพื่อให้ประสบการณ์แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พร้อมการเชื่อมต่อที่สามารถทำได้ง่ายยิ่งขึ้น

Ford Evos Concept

ในห้องโดยสารอย่างที่กล่าวว่าความตั้งใจของ Ford ในการปั้น Ford Evos Concept นั้น มีการเน้นหนักในเรื่องการเชื่อมต่อ ที่ Ford พัฒนาระบบ Ford cloud ขึ้นมาในการเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารอย่างโทรศัพท์มือถือให้สามารถตอบสนองทั้งชีวิตที่บ้านที่ทำงาน หรือชีวิตในรถ สามารถเข้าสู่ฐานข้อมูลส่วนตัวได้ง่ายยิ่งขึ้น

เรื่องขุมพลัง แม้ Ford Evos Concept จะยังเป็นเพียงรถต้นแบบอยู่แต่ ford ก็มั่นใจว่าอาจจะสามารถวางจำหน่ายได้จริงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ที่จะมาพร้อมขุมพลังไฮบริดแบบเสียบปลั้กชาร์จหรือ Plug-in Hybrid แบบเดียวกับใน ford C-Max ที่มีการเปิดตัวไปแล้วก่อนหน้าด้วย เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรระบบ atkinson cycle ซึ่ง Ford Evos จะมีการปรับแต่งระบบกันสะเทือนให้เป็นแบบสปอร์ตเพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ด้วย

Ford Evos Concept

ทั้งนี้ Ford Evos Concept จะขึ้นอวดโฉมอย่างเป็นทางการในงาน frankfurt auto show 2011 ที่จะเริ่มขึ้นในเดือนหน้า ที่รถคันนี้ถือเป็นหนึ่งดวงดาวในงาน




มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG ความประหยัด ที่ต้องแลกด้วยเวลา...

ช่วงนี้คงไม่มีเรื่องไหนที่มีผลกระทบกับผู้ใช้รถเท่ากับเรื่องราคาเชื้อเพลิงที่สูงอย่างในปัจจุบันนี้(ถึงแม้จะลดราคาลงมาก็ยังแพงอยู่ดี) โดยทางผู้ใช้รถส่วนใหญ่ก็ต้องหาทางออกช่วยเหลือตัวเองเพื่อให้สามารถลดภาระด้านเชื้อเพลิงกันไปต่างๆนานา ซึ่งก็ทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายหลายอย่างตามมาจากความไม่ได้มาตราฐานในการปรับแต่งรถให้ใช้งานเชื้อเพลิงทางเลือกต่างๆได้

ทางค่ายรถยนต์มิตซูบิชิก็มองเห็นความต้องการของผู้ใช้รถในปัจจุบัน จึงออกรถที่ติดตั้งเชื้อเพลิง CNG ที่ให้ทั้งความประหยัด และปลอดภัยในการเดินทางใช้งาน พร้อมการรับประกันคุณภาพจากบริษัทเหมือนเดิม เรียกได้ว่าใช้กันแบบสบายใจกันไปเลย ซึ่งมีทั้งรถยนต์ และรถกระบะให้เลือกใช้ตามความต้องการ

Mitsubishi Triton Doublecab Plus CNG

โดยครั้งนี้ ทีมงาน eCAReasy.com ได้มีโอกาสนำเอา มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG ที่มีจุดเด่นเรื่องประหยัดน้ำมันจากการเลือกใช้พลังงานได้ 2 ระบบ Bi-Fuel โดยใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซิน E20 และก๊าซธรรมชาติ CNG แถมยังนั่งโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายในแบบ 4 ประตู มาลองกันแบบทางยาวๆ

สำหรับรูปแบบที่ทางทีมงาน eCAReasy.com เลือกใช้ทดสอบก็คือการใช้งานเดินทางในชีวิตประจำวันแบบจริงๆ เพราะเป็นลักษณะที่ผู้ใช้รถส่วนใหญ่ใช้กันมากที่สุด ตามไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

Mitsubishi Triton Doublecab Plus CNG

แรกเห็นรูปโฉมตัวรถ รวมไปถึงภายในห้องโดยสารของ "ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG" ตัวนี้ก็ยังคงให้ความแข็งแกร่ง บึกบึน อเนกประสงค์ และยังมีพื้นที่เพียงพอกับการบรรทุกของด้านหลังพอควร ความกว้างขวางสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ก็ไม่ได้แตกต่างจากไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส รุ่นอื่นๆ โดยมีระบบเครื่องเล่นวิทยุ DVD, VCD, CD, MP3 พร้อมจอสัมผัสแบบ Wide Screen ขนาด 7 นิ้ว เพื่อความบันเทิงในการเดินทาง จะแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ก็คือ การติดตั้งระบบก๊าซ CNG จากโรงงานมาให้เป็นมาตราฐาน

หัวใจสำคัญของ มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG มากับขุมพลังเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 128 แรงม้า ที่ 5,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 194 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมเทคโนโลยี Bi Fuel System ที่เลือกใช้เชื้อเพลิงได้ 2 ระบบ ทั้งแก๊ส CNG และน้ำมันเบนซิน E20 หรือที่ทางมิตซูบิชิเรียกว่าระบบ ไฮเทค CNG ที่จะทำการปรับเปลี่ยนระบบได้อย่างนุ่มนวล แม่นยำ ด้วยการควบคุมจากกล่อง ECU ที่ถูกติดตั้งมาจากโรงงาน สะดวกสบายด้วยสวิตช์เลือกชนิดเชื้อเพลิง และไฟแสดงระดับเชื้อเพลิงที่เหลือ โดยไฟสีเขียวจะสว่างขึ้นเมื่อใช้ระบบก๊าซ CNG ส่วนไฟสีแดงจะสว่างขึ้นเมื่อใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเบนซิน

Mitsubishi Triton Doublecab Plus CNG

มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG ออกแบบมาเพื่อความประหยัด และปลอดภัยในการเดินทาง และเป็นรายแรกที่ติดตั้งถัง CNG เป็นแบบ Type II ขนาด 100 ลิตร ที่มีน้ำหนักเบา (เบากว่าที่ใช้กันทั่วไป) ทนทาน ติดตั้งโดยวางถังไว้ที่ท้ายกระบะ พร้อมพื้นปูกระบะดีไซน์พิเศษ สวยงามกลมกลืนกับตัวกระบะ ทั้งยังมีฝาครอบถัง CNG เพิ่มความสวยงาม และยังสามารถถอดออกได้ เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบดูแลถัง CNG อีกด้วย พร้อมกันนี้ยังเพิ่มความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยด้วยการติดตั้ง ลิ้นเปิด-ปิดอัตโนมัติ 2 ตัว โดยจุดแรกติดตั้งบริเวณอุปกรณ์ลดความดัน จุดที่สองติดตั้งตรงวาล์วหัวถังก๊าซ ป้องกันก๊าซไม่ให้รั่วออกจากถังเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

Mitsubishi Triton Doublecab Plus CNG

สำหรับการเริ่มต้นของเรา หลังจากที่ทีมงาน eCAReasy รับรถมิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG จากมิตซูบิชิ สำนักงานใหญ่ ก็อยากบอกว่าได้สัมผัสถึงความนิ่มนวลของอัตราเร่งของเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร ที่เรียกว่าให้พละกำลังไม่น่าเกลียดเลย ถึงแม้บางจังหวะจะรู้สึกอืดไปบ้าง เมื่อเอาไปเทียบกับตัวที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล (จริงๆแล้วก็ไม่น่าเอาไปเทียบ..เพราะเราก็รู้ๆกันอยู่ว่าแรงบิดเครื่องยนต์ดีเซลมันมากกว่าอยู่แล้ว) แต่เมื่อรู้จังหวะการใช้กำลังของเครื่องตัวนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรในการใช้งาน

จากการที่ได้ใช้งานมิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG อยู่สักพัก ก็สัมผัสได้เลยถึงค่าเชื้อเพลิงที่ต้องเสียไปในแต่ละครั้งนั้นถูกลงจากเดิมมาก แต่ก็มีเรื่องที่หลายคนเป็นกังวลในการที่จะใช้รถที่ติดตั้งก๊าซ CNG แบบนี้คือ เรื่องสถานที่เติมก๊าซ และระยะเวลาในการเติม ซึ่งอยากจะบอกว่าต้องทำใจอย่างเดียวเลยครับ กับช่วงเวลานี้ (คงต้องรอให้ ปตท ขยายปั้มอย่างเดียวครับ) ทั้งสถานที่เติมก๊าซที่มีไม่ทั่วถึงครอบคลุม และประสิทธิภาพของปั้มด้วยครับ อันนี้เจอมากับตัวเลยครับ เข้าไปรอคิวเติม ปรากฏว่า เติมได้แค่ครึ่งถัง ทั้งๆที่ไฟแสดงปริมาณก๊าซใช้ไปหมดถัง จากการสอบถามพนักงานที่ปั้มก๊าซ ก็ได้รับคำตอบว่า "แรงดันไม่พอ...เติมได้แค่นี้แหละครับ" ทำเอาเราเซ็งไปเลย...อุตสาห์ต่อคิวตั้งนาน...นี่ยังไม่รวมถึงกรณีที่ไปรอแล้วก๊าซหมดก่อนที่จะถึงคิวเรานะครับ แต่ข้อดีหรือว่ามองในแง่ดีอีกอย่างก็คือ มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG ยังสามารถที่จะเติมน้ำมันเบนซินได้ในยามที่ไม่สามารถหาที่เติมก๊าซ CNG ได้

มีข้อสังเกตอีกอย่างที่ทีมงาน eCAReasy พบคือถ้าเราเติมก๊าซ CNG ในปั้มที่อยู่ในแนวท่อก๊าซ จะสามารถเติมก๊าซ CNG ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าปั้มทั่วไป หรือในปั้มทั่วไป ถ้ามีรถใช้บริการน้อยก็จะได้แรงดันในการเติมก๊าซที่ดีกว่า สรุปแล้วในเรื่องการเติมก๊าซ CNG ผู้ใช้จะต้องวางแผนในการใช้งานในระดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่ก็น่าจะคุ้มกับค่าเชื้อเพลิงที่ลดลง

Mitsubishi Triton Doublecab Plus CNG

สำหรับด้านพละกำลังในการใช้งานมิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG ก็สามารถให้อัตราเร่งได้เพียงพอกับการใช้งาน ถึงแม้บางครั้งจะต้องอาศัยจังหวะในการเรียกพลังอยู่บ้าง แต่ก็อย่างที่เรารู้ๆกันว่า มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG นี้ ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความประหยัดค่าเชื้อเพลิงในการใช้งาน และจากที่ทีมงาน eCAReasy เราทดลองใช้งาน ขอบอกว่าในยามที่หาก๊าซ CNG เติมไม่ได้นั้น การใช้งานในแบบระบบน้ำมันเบนซินอย่างเดียวก็ให้อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่น่าพอใจเกินคาด รวมถึงอัตราเร่งก็ไม่ได้แตกต่างกันซักเท่าไรระหว่างเชื้อเพลิงก๊าซ CNG กับน้ำมันเบนซิน ทั้งๆที่เป็นเครื่องเบนซิน 2.4 ลิตรก็ตาม เรียกว่าถ้าหาก๊าซ CNG เติมไม่ได้ ก็วิ่งน้ำมันอย่างเดียวก็ได้ โดยอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่น่าพอใจเกินคาดน่าจะมาจากรอบเครื่องยนต์ที่อยู่ในอัตราที่พอรับได้ คือ ความเร็ว 100 กม./ชม. ที่ 3000 รอบ, ความเร็ว 90 กม./ชม. ที่ 2600 รอบ, ความเร็ว 80 กม./ชม. ที่ 2200 รอบ

Mitsubishi Triton Doublecab Plus CNG

มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG นอกจากจะให้ความประหยัดในการใช้เชื้อเพลิงที่หลากหลายแล้ว สำหรับความสะดวกสบาย จากห้องโดยสารทั้งในตำแหน่งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ก็สร้างความประทับใจให้ทีมงาน eCAReasy อยู่ไม่น้อย รวมถึงสมถรรนะการเกาะถนน ช่วงล่าง ระบบเบรคที่ไว้ใจได้ การบังคับควบคุมพวงมาลัย วงเลี้ยวที่จัดว่าคล่องตัวในพื้นที่จำกัด และยังคงสไตล์ของรถมิตซูบิชิไว้เหมือนเดิม

สุดท้ายนี้ทีมงาน eCAReasy อยากบอกว่า มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG สามารถตอบโจทย์เรื่องความประหยัดค่าเชื้อเพลิงในยุคสมัยนี้ แต่ถ้าหากผู้ใช้ต้องใช้งานในพื้นที่ที่ไม่มีสถานที่เติมก๊าซ CNG หรือหาเติมยาก ก็คงต้องชั่งใจก่อนครับ ว่ารับได้หรือเปล่า...ถ้ารับได้...มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG ก็คงเป็นคำตอบที่ลงตัวเหมือนกันในเวลานี้....

สำหรับราคาค่าตัวของ มิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG ตัวนี้อยู่ที่ 7.92 แสนบาท กับการรับประกันนานถึง 3 ปี ที่ 100,000 กิโลเมตร คงทำให้มั่นใจขึ้นในการเลือกคบกับมิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิ้ลแค็บ พลัส CNG นะครับ....

เปิดตัวซีดานหรู… Audi A8 Hybrid

อาจจะทิ้งช่วงไปนานพอควรหลังการเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบของ Audi A8 Hybrid Concept ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ปี 2010 (Geneva Motor Show 2010) ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุด ออดี้ ก็ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่น A8 ไฮบริด โดยเตรียมทำตลาดในปี 2012 และจะมีการเปลี่ยนแปลงจากต้นแบบเล็กน้อย โดยเปลี่ยนขนาดล้อแม็กจากต้นแบบ 21 นิ้ว เป็น 18 นิ้วในรุ่นโปรดักชั่น แต่ยังคงเป็นลายเดียวกัน และเปลี่ยนฝาครอบเครื่องยนต์ใหม่

Audi A8 Hybrid

Audi A8 Hybrid

ส่วนเครื่องยนต์จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากต้นแบบ ยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบ TFSI ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.66 กก.-ม. ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลัง 40 กิโลวัตต์ หรือ 54 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 21.39 กก.-ม. โดยงานนี้ออดี้กล่าวว่า Audi A8 Hybrid จะมีกำลังขับเคลื่อนรวม 245 แรงม้า และแรงบิด 48.9 กก.-ม. ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 7.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ด้านหลัง Audi A8 Hybrid

ด้านหลัง Audi A8 Hybrid

โดยผู้ขับจะสามารถเลือก 3 โหมดการขับ ซึ่งประกอบไปด้วย EV มอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ, D ใช้ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า และ S สำหรับการขับแบบสปอร์ต ในโหมด EV สามารถทำความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และถ้าใช้ความเร็วคงที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะขับได้ระยะทางเกือบ 3 กิโลเมตร

ภายใน Audi A8 Hybrid

ภายใน Audi A8 Hybrid

โดยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีรูปทรงคล้ายแผ่นดิสก์ จะติดตั้งในตำแหน่งเดียวกับทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ด้านหน้าจะมีเกียร์ทิปทรอนิกส์ 8 จังหวะ ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้รองรับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า โดยจะเก็บไฟฟ้าไว้ในแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีน้ำหนัก 36.7 กิโลกรัม ติดตั้งในจุดที่ไม่ถูกกระแทกจากการชน

เครื่องยนต์ Hybrid

เครื่องยนต์ Hybrid

ส่วนอัตราสิ้นเปลืองจากการทดสอบของ EU จะอยู่ที่ประมาณ 15.6 กิโลเมตรต่อลิตร และคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ต่ำกว่า 148 กรัมต่อกิโลเมตร

สัญลักษณ์ Hybrid

สัญลักษณ์ Hybrid

ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกรุ่นพื้นฐาน จะมีล้อแม็กลายกังหันขนาด 18 นิ้ว (19 นิ้วเป็นออฟชั่นเสริม) ตราสัญลักษณ์เฉพาะรุ่น และสีพิเศษ Arctic Silver รวมทั้งการแสดงผลภายในรถ ส่วน ราคา ออดี้ A8 ไฮบริด คาดว่าจะเปิดเผยช่วงเดือนหน้าในงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2011 (Frankfurt Motor Show 2011) ที่จะถึงนี้

แฟนๆ Audi ในบ้านเราคงจะต้องอดใจไปก่อน แต่ก็ไม่แน่ที่ ออดี้ A8 ไฮบริด จะมาอวดโฉมให้ชมกันในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปร 2554 (Motor Expo 2012) ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งอันนี้แฟนๆ ออดี้คงต้องติดตามกันต่อไปครับ

MPV…รถอเนกประสงค์ดีๆ ที่คนไทยมองข้าม

เมื่อมองในตลากรถยนตืที่ปัจจุบันมีรถยนต์มากมายหลากหลายยี่ห้อ มีการแข่งขันกันสูงขึ้นไม่ใช่เป็นเพียงแต่การยึดครองตลาดโดยเฉพาะรถยนต์ญี่ปุ่นแต่ก่อน ทว่าการเข้ามาของค่ายรถยนต์อเมริกา ต่างเป็นเกมใหม่ที่ต่างจากสมัยเจ้าคุณปู่ เพราะครั้งนี้พร้อมลุยในทุกตลาด

รถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่นที่เกิดขึ้นนั้น โดยมากนั้นอาจจะเป็นซิตี้คาร์ที่มีอยู่อย่างเกลื่อนเมือง แต่ในความเยอะของมันนี่เองที่ทำให้การจราจรติดขัด ซึ่งบางทีหนึ่งบ้านอาจจะมีรถหลายคัน แต่จะดีและสะดวกกว่าไหม ถ้ารถคันเดียวสามารถทำประโยชน์ได้มากมายตั้งแต่รับส่งลูก ทำงานไป จนถึงเที่ยวเล่นกับผองเพื่อน

Chevrolet Orlando

แน่นอนความคิดนี้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว และมันเป็นต้นไอเดียของรถยนต์อเนกประสงค์ ที่ก่อกำเนิดมาจากรถตระกูลแวน และมันยังคงอยู่จวบจนปัจจุบันในคราบ Multi-Purpose Vehicle หรือ MPV หรือที่ฝรั่งมังค่าชอบเรียกรถสไตล์นี้ว่ารถ mini Van

รถ MPV เป็นรถยนต์ที่เกิดขึ้นภายใต้ไอเดียที่ต้องการตอบสนองทุกกิจกรรมไปได้ในทุกไลฟ์สไตล์ แต่โดยมากจะเน้นหนักกลุ่มคนมีครอบครัว ที่มองเรื่องชีวิตของเจ้าตัวเล็กที่ลืมตาดูโลกเป็นพื้นฐานสำคัญเช่นเดียวกับความคุ้มค่าในการใช้ที่ต้องตอบโจทย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ถ้ามองดีเราจะพบว่ารถยนต์ประเภท MPV นั้นสามารถทำได้เช่นนั้นจริงๆ และมีราคาค่าตัวที่จะค่อนข้างสมเหตุสมผลสำหรับรถยนต์เพื่อครอบครัว ที่ปัจจุบันมันถูกแต่งแต้มความหรูหราเข้ามาคู่กับความทันสมัย หลายรุ่นมาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงาม แต่เมื่อมองดูเทียบกับการเติบโตในตลาดยานยนต์กลับพบว่า รถอเนกประสงค์ มีอัตราเติบโตที่ต่ำมาก ทั้งๆที่คนไทยซื้อรถกันบ่อยและมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อ แต่กลับลายเป็นว่า ละเลยรถยนต์กลุ่มที่อาจจะคุ้มค่าที่สุด แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าราคาค่าตัวอาจจะสูงอยู่พอตัว

New! Toyota Wish (ไม่มาไทย)

คำถามที่สำคัญคือ ทำไมคนไทยไม่สนใจหรือ ... ปัญหานี้คงยากที่เราจะหาคำตอบแต่ถ้าคุณต่อข้อคำถามว่าทำไมจะต้องซื้อในเมื่อเรามีสิทธิ์เลือกที่จะใช้รถตามต้องการ เรามีเหตุผลดีๆมาฝากว่า ทำไมรถตระกูล MPV ถึง น่าใช้

1.นั่งได้หลายคน..ทำได้หลายอย่าง ปฏิเสธไม่ได้ครับว่ารถยนต์ประเภท MPV นั้นเป็นรถที่น่าสนใจ โดยเฉพาะจำนวนที่นั่งที่มักประมาณ 7 ที่นั่งเป็นมาตรฐาน และบางรุ่นอาจจะมากกว่านั้น จำนวนที่นั่งที่เยอะนั้นอาจจะไม่ได้หมายความถึงความสะดวกสบายไปทั้งหมด แต่มันก็ย่อมต้องตอบสนองได้ ยิ่งเมื่อ 7 คนยังไปอย่างสบาย และ ถ้าน้อยกว่านั้นล่ะ ลองคิดดู แถมมันยังสามารถจุของได้นับไม่ถ้วนด้วยล่ะ

2.ลดค่าบำรุงรักษาและค่าน้ำมัน ถ้าคุณเป็นครอบครัวที่คุณและภรรยาหรือสามี มีรถคนละคันขับไปทำงานทั้งๆที่อยู่ใกล้กัน หรือสามารถไปรับไปส่งกันได้โดยไม่ยากเย็นนั้น การใช้รถ 2 คัน นอกจากจะเปลืองที่จอดในบ้านแล้ว มันยังสิ้นเปลืองในเรื่องของค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะค่าน้ำมันหรือค่าดูแลรักษาและไหนจะอีกจิปาถะ สู้ขาย 2 คันใช้รถอเนกประสงค์คันเดียวจะเข้าท่ากว่า

3.เพิ่มความอบอุ่นในครอบครัว ข้อเสียของการมีรถส่วนตัวคนละคันนั้นอยู่ที่การไม่ได้พูดคุยระหว่างการในครอบครัวทำให้เกิดความห่างเหิน และแน่นอนมันเป็นปัญหารากลึกที่ทำให้ครอบครัวไม่อบอุ่น การมีรถอเนกประสงค์ที่สามารถตอบสนองได้นั้น น่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสม โดยเฉพาะถ้าคุณกำลังมองการใช้ชีวิตแบบครอบครัวสุขสันต์ ลองขับ MPV ไปพร้อมภรรยาและลูกๆ จะรู้ว่าความสุขของการได้ทำเพื่อใครสักคนนั้นมีอยู่จริง

4.ลดปริมาณการจราจรบนถนน รถ 2 คัน เทียบเท่ากับพื้นที่ 8 เมตร ถ้าคำนวนจากรถยนต์ขนาดคอมแพ็คคาร์ที่ยาวประมาณ 4.3 เมตร แต่ MPV มีขนาดใหญ่สุดๆ ประมาณเพียง 6 เมตรเท่านั้น และมันยังตอบสนองการใช้งานได้หลากรูปแบบ แถมมันมีพื้นที่พอสำหรับความต้องการ อย่างงี้จะขับรถ 2 คันทำไม

5.ปลอดภัยกว่า ถ้าพูดถึง MPV เราเชื่อว่าคุณคงจะพอจินตนาการยานยนต์แบบ Van ที่มีน้ำหนักมาก และมันหมายถึงมันปลอดภัยกว่าด้วยขนาดเดียวกับรถซีดานขนาดกลาง แน่นอนช่วงล่างมันอาจจะไม่ใช่รถสปอร์ต แต่มันก็พอทำใคุณไม่ตัดสินใจเทโค้ง หรือขับขี่ด้วยความเร็วสูงเมื่อขับรถแบบนี้ แถมไปหลายคนยังช่วยกันระวังอีกต่างหากรับรองไม่เหงาแน่

อย่างไรก็ดีมีข้อถกเถียงในเรื่องการใช้รถยนต์ MPV อยู่ที่อัตราประหยัดน้ำมันของรถประเภทนี้ที่จะตกอยู่ที่ประมาณ 9- 10 กิโลเมตร/ลิตร ในเขตเมือง และนอกเมืองทำได้ดีสุดที่ราวๆ 12-13กิโลเมตร (ในอัตรารถเปล่า+คนขับ) แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อว่ามันไม่คุ้มค่า แต่คุณจำเป็นต้องคิดกลับกันว่า คุณเดินทางด้วยผู้โดยสารเฉลี่ยแต่ละครั้งกี่คน ถ้าทุกวันนี้คุณเดินทางเป็นประจำประมาณ 3-4 คน เป็นอย่างน้อย บางทีการมองรถอเนกประสงค์สักคันน่าจะดีกว่าการใช้รถ 2คันในบ้าน

Thairung TR Transformer


Thairung TR Transformer
เรื่อง - ภาพ : นาธัส แสงสุริยะSunday, 28 August, 2011 0:12 AM
800x
Thairung TR Transformer
แปลงร่างเติมความสุภาพ
baTR Transformer อีกหนึ่งผลงานจาก บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) เตรียมทำตลาดจริงช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ ทีมงาน มอเตอร์ทริเวีย มีโอกาสได้ทดลองขับเวอร์ชั่นต้นแบบ ในลักษณะการใช้งานทั่วไป และสมรรถนะในด้านอัตราเร่ง

ภายนอกเพิ่มความสุภาพ
baในรุ่น MUV4 Model 2 ที่ทีมงาน มอเตอร์ทริเวีย เคยทดสอบไปก่อนหน้านี้ เน้นการใช้งานในแบบออฟโรดแท้ๆ การตกแต่งจึงค่อนไปทางโหดดิบดุดัน รวมไปถึงความรู้สึกในการขับด้วย แต่สำหรับ TR Transformer มีการแปลงร่างเพิ่มความสุภาพยิ่งขึ้น แม้จะใช้พื้นฐานและบางชิ้นส่วนร่วมกันก็ตาม

baด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังซี่ตั้ง ประกบข้างด้วยไฟหน้าและไฟเลี้ยวทรงกลม กันชนหน้าได้รับการออกแบบให้เป็นทรงออฟโรดนิยม พร้อมสปอตไลต์ทรงกลม กลางกันชนมีการ์ดกันกระแทกที่ใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงามเป็นหลัก ฝากระโปรงหน้าลาดต่ำ พร้อมช่องดักอากาศระบายความร้อนอินเตอร์คูลเลอร์

baด้านข้างคงความดุดันด้วยโป่งล้อพลาสติกขนาดใหญ่ ที่ถูกติดตั้งเสริมเข้าไปกับตัวถัง เด่นสะดุดตาด้วยล้อแม็กขนาดใหญ่ 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 กระจกมองข้างเป็นแบบปรับด้วยมือจากภายนอก บันไดข้างแยกหน้า-หลังพับเก็บได้ ด้านท้ายดูสวยเรียบร้อยขึ้น ด้วยไฟท้ายทรงกลม ประตูบานท้ายแยกเป็น 2 ส่วน กระจกเปิดขึ้นบน ส่วนบานประตูสวิงออกด้านขวา โดยต้องสวิงแขนยึดพร้อมยางอะไหล่ออกไปทางขวาก่อน

baมิติตัวถังมีความยาว 4,949 มิลลิเมตร กว้าง 1,837 มิลลิเมตร สูง 1,916 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,085 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า/หลัง 1,540 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดถึงพื้น 278 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2,140 กิโลกรัม
Thairung TR Transformer
ข้อมูลจากไทยรุ่ง
baคุณสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) เผยว่าTR Transformer เป็นรถต้นแบบที่ออกแบบโดยระบบคอมพิวเตอร์ CAD, CAE และ CAM ที่ทันสมัยมาตรฐานสากล และมีการวิเคราะห์ความแข็งแรงของโครงสร้างด้วยระบบคอมพิวเตอร์

baการผลิตชิ้นส่วนเข้ารูป ตัวถังทั้งคันผ่านระบบชุบสีกันสนิมด้วยประจุไฟฟ้า โครงสร้างใช้ของปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ดีเซล 3,000 ซีซี ที่มีการผลิตขายในประเทศ มาพัฒนาออกแบบผลิตตัวถังใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เป็นรถยนต์ที่มีความสมบูรณ์แบบได้มาตรฐานสากล ง่ายต่อการซ่อมแซมและบำรุงรักษา อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมต่ำ เพราะใช้ชิ้นส่วนหลักเช่นเดียวกันกับรถทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการผลิตที่เป็นมาตรฐานสากลในประเทศ

คุณลักษณะของรถ TR TRANSFORMER
- ออกแบบโดยระบบ CAD, CAE และ CAM มาตรฐานสากล วิเคราะห์ความแข็งแรงของโครงสร้าง (Simulates) ด้วยคอมพิวเตอร์
- ผลิตชิ้นส่วนด้วยโลหะขึ้นรูป ตัวถังทั้งคันชุบสีกันสนิมโดยประจุไฟฟ้า (EDP) และพ่นสีมาตรฐานเดียวกับกับผู้ผลิตรถยนต์
- ลุยน้ำได้ 500 มม. มุมปะทะ-มุมจาก 40 องศา มุมคร่อม 148 องศา ไต่ทางลาดชันได้ 40 องศา และทางลาดเอียงได้ 30 องศา
- ออกแบบที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ทันสมัย และมีความเป็นสากลและมีความคิดสร้างสรรค์
Thairung TR Transformer
ภายในยังไม่กลมกลืน
baTR Transformer ใช้แผงคอนโซลของ Toyota Vigo สวิตช์แอร์แบบหมุน กรอบมาตรวัดความเร็วไม่มีคิ้วโครเมียม แต่ชุดมาตรวัดเป็นแบบเรืองแสงเหมือน Toyota Fortuner เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ พร้อมเกียร์ 4x4 ฝาปิดพวงมาลัยหุ้มใหม่มีโลโก้ TR

baความจริงแล้วจะใช้แผงหน้าปัดของรถรุ่นไหนไม่ใช่ประเด็น เพราะถ้าจะให้กลมกลืนกับรูปลักษณ์ของรถแล้ว ควรจะออกแบบแผงคอนโซลใหม่ทั้งหมด น่าจะได้ใจคนชอบของแปลกมากกว่านี้

baเมื่อนั่งบนเบาะคนขับ จะรู้สึกแตกต่างจากรถทั่วไปด้วยมุมของเสาหน้าซึ่งค่อนข้างตั้งชัน และแนวขอบหน้าต่างที่สูง ทำให้เสมือนนั่งจมลงไปในรถ แผงประตูทำสีทูโทนเข้าชุดกับพวงมาลัย เบาะนั่งหุ้มใหม่ลายเข้ากัน บางออฟชั่นที่จำเป็น ยังไม่มีในคันต้นแบบเช่น กระจกไฟฟ้า และกระจกมองข้างปรับไฟฟ้า เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าปรับระดับได้ ซึ่งถ้าในคันขายจริงไม่มีมาให้ ก็น่าจะทำให้ขายยากขึ้น เพราะไทยรุ่งจะตั้งราคาไว้ไม่ถูกนัก ประมาณ 1.4 - 1.5 ล้านบาท

baถ้าไม่นับเรื่องการเป็นจุดเด่นบนท้องถนนแล้ว การขับ TR Transformer ก็ไม่ต่างจากเอสยูวีทั่วไป แม้ทัศนวิสัยจะแปลกไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับเงอะงะเมื่อต้องขับออกถนนใหญ่ สามารถลัดเลาะไปตามสภาพการจราจรได้เหมือนรถปกติ อัตราเร่งดีกว่า MUV Model 2 พอสมควร ส่วนความเร็วสูงสุดเริ่มนิ่งแถวๆ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองไม่ได้ทดสอบเนื่องจากเวลาจำกัด
Thairung TR Transformer
อัตราเร่งของ Thairung TR Transformer เปรียบเทียบกับ Thairung MUV4 Model 2
ความเร็ว (กม./ชม.)เวลา (วินาที)ระยะทาง (เมตร)
100.77 / 0.661.12 / 0.92
201.31 / 1.263.35 / 3.41
302.17 / 2.309.43 / 10.60
403.25 / 3.5620.11 / 23.07
505.15 / 5.7243.34 / 49.52
606.63 / 7.3265.99 / 74.07
708.48 / 9.3499.41 / 110.72
8011.90 / 12.76170.71 / 182.24
9014.39 / 15.43229.54 / 245.32
10017.27 / 18.48305.74 / 325.86
11021.13 / 22.63418.86 / 447.18
12027.48 / 30.61620.49 / 704.09
13034.70 / 37.70872.26 / 949.84
ระยะทาง (เมตร)เวลา (วินาที)ความเร็ว (กม./ชม.)
0-10008.5 / 08.870.2 / 67.8
0-20013.2 / 13.585.3 / 83.0
0-40220.6 / 21.1108.9 / 106.9
0-100038.2 / 39.1133.1 / 131.7
ความเร็วสูงสุด139.2 / - กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Thairung TR Transformer
ช่วงล่างได้ทั้งเรียบทั้งลุย
baจากการใช้ยางรถปกติ ไม่ใช่ยางออฟโรดพันธุ์แท้ ทำให้การขับ TR Transformer มีความนุ่มนวลไม่ต่างจากเอสยูวีทั่วไป การเกาะถนนก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ และรู้สึกว่าจะดีกว่าปิกอัพที่ใช้เป็นพื้นฐานอยู่พอสมควร รวมทั้งระบบเบรกที่ให้ความมั่นใจได้ดี

baส่วนหนึ่งอาจเพราะความเร็วปลายที่หดหายไปเยอะ ช่วงล่างจึงยังไม่ออกอาการมากนัก การลุยก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งด้วยมุมต่างๆ ของตัวรถที่รองรับ แต่ไม่ควรลุยโหดๆ ด้วยยางชุดนี้ เพราะเป็นยางถนน ไม่ได้มีความทนทานต่อการฉีกขาดเหมือนกับยางออฟโรดแท้ๆ •

ขอบคุณ: บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) เอื้อเฟื้อรถยนต์ในการทดสอบ
Thairung TR Transformer


800x
Specification: Thairung TR Transformer
แบบตัวถังเอสยูวี 5 ประตู
ยาว x กว้าง x สูง4,949 x 1,837 x 1,916 มิลลิเมตร
ฐานล้อ3,085 มิลลิเมตร
น้ำหนัก2,140 กิโลกรัม
แบบเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว อินเตอร์คูลเลอร์
ความจุ2,982 ซีซี
กระบอกสูบ x ช่วงชัก96.0 x 103.0 มิลลิเมตร
อัตราส่วนการอัด17.9:1
กำลังสูงสุด163 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด34.9 กก.-ม. ที่ 1,400-3,200 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลังธรรมดา 5 จังหวะ พร้อมเกียร์ 4x4
ระบบขับเคลื่อน4 ล้อ Part-Time
ระบบบังคับเลี้ยวแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์
ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระ ปีกนก 2 ชั้นพร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลังคานแข็ง แหนบซ้อน
ระบบเบรกหน้า/หลังดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน/ดรัม
ผู้จำหน่ายบริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์02-431-0071
เวบไซต์www.thairung.co.th

สวย หรู ไปกับ… Honda Civic HF 2012

กลับมาอีกครั้งกับข่าวฮอนด้า ซีวิค หลังจากทาง Thaicarlover.com ได้นำเสนอเรื่อง เปิดตัวคูเป้ 2 ประตู… Honda Civic Coupe 2012 ไปในสัปดาห์ที่แล้ว
ล่าสุด…

Honda ได้เปิดตัวรถยนต์ Honda Civic HF 2012 ที่มาในรูปลักษณ์เท่ห์ถูกใจ ดีไซน์ล้ำำนำสมัย โฉบเฉี่ยว พร้อมการออกแบบใหม่ ที่ทันสมัย แรงสมใจมากขึ้น พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พลังแรง 140 แรงม้า กับเครื่องยนต์ SOHC i-VTEC 16 วาล์ว ขนาด 1.8 ลิตร และล้อดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว

Honda Civic HF 2012

Honda Civic HF 2012

ส่วนภายใน Honda Civic HF 2012 จะมาในรูปแบบทันสมัย และไฮเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น กับระบบควบคุมการสั่งการเครื่องเสียงผ่านพวงมาลัย ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

Honda Civic HF 2012 - ด้านหลัง

Honda Civic HF 2012 - ด้านหลัง

ด้านระบบความปลอดภัย ฮอนด้า ซีวิค เอชเอฟ 2012 ใหม่ จะมาพร้อมระบบถุงลมนิรภัยรอบคัน ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ให้ทุกการเดินทางของคุณปลอดภัย มั่นใจทุกเส้นการเดินทาง

ภายใน Honda Civic HF 2012

ภายใน Honda Civic HF 2012

สำหรับ ราคา ฮอนด้า ซีวิค เอชเอฟ 2012 ใหม่นี้ จะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ $19,455 หรือราวๆ เกือบ 600,000 บาทครับ สำหรับคนที่รักซีวิคก็สามารถติดตามรายละเอียดได้เรื่อยๆ ซึ่งถ้ามีข่าวคราวเพิ่มเติม เราจะรีบนำมาอัพเดททันทีครับ

แฟนๆ Honda ในบ้านเราคงจะต้องอดใจไปก่อน แต่ก็ไม่แน่ที่ Honda Civic HF 2012 จะมาอวดโฉมให้ชมกันในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปร 2554 (Motor Expo 2012) ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งอันนี้แฟนๆ ฮอนด้าคงต้องติดตามกันต่อไปครับ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม