ปรับใหม่ “ฟอร์จูนเนอร์”...เชื่องมือ นุ่มเนียน


คล้อยหลังการทดสอบปิกอัพ “ไฮลักซ์ วีโก้” บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดแจงทำทริปให้ผู้สื่อข่าวได้ลองขับพีพีวีคู่บุญ “ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่” ซึ่งคราวนี้ขนขบวนล่องใต้ใช้เส้นทางเซาเทิร์นซีบอร์ด ระหว่างจังหวัดกระบี่ สุราษฎร์ธานี ก่อนข้ามอ่าวไทยไปจบที่เกาะสมุย

รุ่น 3.0V ขับเคลื่อน 4 ล้อ


...บิ๊กไมเนอร์เชนจ์ของ วีโก้-ฟอร์จูนเนอร์ เปิดตัวเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมกับอัดเครื่องมือทางการตลาดเต็มสูบ หวังบูมกระแสในช่วงแรกให้กระหึ่ม และแม้ตอนนี้ประเทศไทยกำลังโดนวิกฤตน้ำท่วมหลายจังหวัด อาจทำให้ยอดขายสะดุดไปบ้าง ทั้งพืชผลการเกษตรเสียหาย ผู้คนไม่มีอารมณ์และกำลังทรัพย์ซื้อรถใหม่ ตลอดจนปัญหาเรื่องการส่งมอบ

แต่กระนั้นเชื่อว่าหลังผ่านอุทกภัยครั้งใหญ่ไปแล้ว ตลาดจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ด้วยนโยบายคืนภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาล (วีโก้ได้ทุกรุ่นแต่ฟอร์จูนเนอร์ไม่เข้าเงื่อนไข) รวมถึงการเตรียมเปิดตัวปิกอัพโมเดลใหม่จากหลายค่าย ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ตระหนักชัดเจนยิ่งขึ้นว่า สภาพถนน ฟ้า-ฝน ภูมิประเทศเมืองไทย ปิกอัพยังเป็นเพื่อนคู่ใจพร้อมลุยได้มากที่สุด (เก๋งลุยน้ำไม่ไหว)

ภายในรุ่น 3.0V ขับเคลื่อน 2 ล้อ
สำหรับ “ฟอร์จูนเนอร์” ถือเป็นเจ้าตลาดในกลุ่มปิกอัพดัดแปลง แม้บางเดือน (ก่อนการไมเนอร์เชนจ์) อาจโดน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ทำยอดขายแซงไปบ้าง แต่ระยะยาวๆ หลังจากนี้ไป เชื่อว่าใครก็กินฟอร์จูนเนอร์ลำบาก

ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ถูกปรับรูปลักษณ์ไปพอสมควร ด้านหน้าเปลี่ยนยกแผง ตั้งแต่เส้นสันฝากระโปรง สกูปดักลมใหญ่ขึ้น โคมไฟ กระจังหน้า โป่งล้อ กันชน ล้ออัลลอย 17 นิ้วลายใหม่ ด้านท้ายเปลี่ยนลวดลายโคมไฟ และชายกันชนล่างออกแบบใหม่ ส่วนรุ่นท็อป 3.0V 4WD จะเพิ่มที่ฉีดล้างไฟหน้ามาให้ด้วย

ภายในปรับให้สะดุดตา ทั้งพวงมาลัยวงใหม่ (แบบอัลติส คัมรี่) หัวเกียร์ แผงลายไม้สีดำเข้มบริเวณคอนโซลหน้า-แผงประตู เสริมช่องต่อ USB/AUX ตามสมัยนิยม และคงเครื่องเล่นวิทยุ ซีดี ดีวีดี รับไฟล์ MP3/WMA ระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ รวมถึงระบบเชื่อมต่อไร้สายบลูทูธ

...ทริปนี้ผู้เขียนได้ ฟอร์จูนเนอร์รุ่น 3.0V ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1.319 ล้านบาท มาเป็นพาหนะ ซึ่งถือเป็นรุ่นที่ขายดีของโตโยต้า โดยส่วนตัวคิดว่าหน้าตารวมๆ คมเข้ม แต่ไม่ชอบกรอบไฟท้ายแบบใหม่เพราะดูประดักประเดิดไปนิด

ภายในห้องโดยสารกรุ่นกลิ่นเดิม แต่ดูทันสมัยมากขึ้น พวงมาลัยอารมณ์เก๋ง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง-โทรศัพท์ เบาะหนังนั่งสบายไม่นุ่มไม่แข็งเกินไป โดยด้านคนขับปรับระดับไฟฟ้า ทัศนวิสัยชัดเจนมองไกลจากตัวรถสูงใหญ่ พร้อมกล้องมองหลังสะท้อนภาพออกจอด้านหน้าช่วยให้การถอยจอดสะดวกปลอดภัย ขณะที่ช่องต่อ USB กลายเป็นออปชันมาตรฐานที่รถรุ่นใหม่ต้องมี ผู้เขียนก็ลองเชื่อมต่อกับ“ไอพอด ทัช” พร้อมกดสั่งงานผ่านหน้าจอทัชกรีนใช้งานง่าย ส่วนคุณภาพเสียงอยู่ในระดับพอใช้

การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารค่อนข้างดี หรืออาจจะมีลมวูบวาบตั้งแต่ความเร็ว 120 กม./ชม.ขึ้นไป ด้านเสียงเครื่องยนต์ออกแนวไพเราะลื่นหู สอดคล้องกับการกดคันเร่ง

ขุมพลังพิมพ์นิยม 1 KD-FTV ขนาด 3.0 ลิตร ดีเซลคอมมอนเรล ไดเรกอินเจ็กชัน เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

พละกำลังยังเป็นจุดเด่นคุยได้ แรงบิดรีดลงล้อคู่หลังส่งให้อัตราเร่ง รวมถึงจังหวะออกตัวรถพลุ่งพล่านตามสไตล์ การขับขี่ปกติ เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังให้ประสิทธิผลยอดเยี่ยม ขับนอกเมืองใช้ความเร็วพลังเหลือเฟือ ไหลได้ยาวๆ

จุดที่ผู้เขียนมองว่า ฟอร์จูนเนอร์ ปรับให้สอดรับกับการใช้งาน นั่นคือ การบังคับควบคุมโดยพวงมาลัยแร็กแอนด์พิเนียน เซตมาให้ขับง่ายขึ้น หรืออาจจะกล่าวได้ว่าความแม่นยำน้อยลงซึ่งไม่ใช่ข้อติสำหรับรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่

น้ำหนักพวงมาลัยกำลังดี สั่งงานซ้าย-ขวาอาจจะมีระยะฟรีนิดๆ ต่างจาก “ฟอร์จูนเนอร์ เก่า” เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว คนทั่วไปหรือใครมาขับครั้งแรกทำความคุ้นเคยได้ง่ายขึ้น

ตลอดจนช่วงล่างแม้ใช้โครงสร้างเดิม คือ ด้านหน้าปีกนกสองชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง หลังแบบ 4 จุดยึด พร้อมคอยล์สปริง แต่วิศวกรโตโยต้า พยายามพัฒนาหาจุดลงตัวเรื่อยมา ซึ่งในรุ่นนี้ก็ปรับการรองรับให้นุ่มนวลขึ้น

ขับเรื่อยๆ ใช้ความเร็วต่ำ (ช่วงออกจากสนามบินกระบี่ ผ่านแหล่งชุมชน) ในตำแหน่งผู้ขับยอมรับว่า นั่งนิ่มขับสบายมากขึ้น ความเร็ว 80-100 กม./ชม. ช่วงล่างรองรับแรงเด้งอาการสะเทือนดีกว่าเดิม ช่วงผ่านรอยต่อคอสะพานฉลุยนุ่ม

อย่างไรก็ตามหลังจากวิ่งเข้าเซาท์เทิร์น ซีบอร์ด ทางตรงใช้ความเร็วสูง 120-140 กม./ชม. รถยังทรงตัวดี ควบคุมได้มั่นใจ แต่มีช่วงเข้าโค้งยาว หรือลองเปลี่ยนเลนกะทันหัน ตัวถังก็โยกคลอนพอสมควร

เรื่องความปลอดภัย มีระบบควบคุมการทรงตัว VSC ที่ทำงานร่วมกับเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BAและระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control ซึ่งถือเป็นระบบมาตรฐานมาแต่ไหนแต่ไร เหนืออื่นใดโตโยต้ายังปรับหม้อลมเบรก แรงดันเบรก ให้มีประสิทธิภาพดียึ่งขึ้น ซึ่งผู้เขียนพบว่าการตอบสนองและระยะเบรกดีขึ้นจริงดั่งว่า

ด้านอัตราบริโภคน้ำมันจากทริปนี้ ที่ขับสภาพการณ์หลากหลาย (ใช้ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.) ระยะทางเกือบ 300 กิโลเมตร เห็นตัวเลข ฟอร์จูนเนอร์ 3.0V ขับเคลื่อน 2 ล้อ ทำได้ 11-12 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ... พัฒนาให้เหมาะสมกับการใช้งาน และพยายามปิดปากเสียงบ่นที่ผ่านมา “ฟอร์จูนเนอร์” อาจไม่ใช่รถดีที่สุด แต่ก็ไม่ใช่รถอเนกประสงค์ที่แย่ที่สุดเช่นกัน








0 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม