น้ำท่วม...เครียด ต้องกินผัก-ผลไม้




ข่าวใหญ่วันนี้...ยังคงเป็นข่าวน้ำท่วม...ภัยพิบัติที่ยาวนานต่อเนื่องนับเดือน แน่นอนว่าผู้คนต้องเครียด พูดไปแล้วเรื่องเครียดเมื่อสัปดาห์ก่อน

โดยแนะนำให้กินแกงขี้เหล็ก สำหรับผู้ที่มีความเครียดสะสม เช่นผู้บริโภคข่าวสารเรื่องน้ำท่วม ยังไม่เดือดร้อนถึงขั้นอดอยากต้องกินแต่บะหมี่สำเร็จรูป เช่น คนกรุงเทพฯ ที่ยังพึ่งตนเองได้


สำหรับผู้ประสบภัยพิบัติ ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาน้ำท่วม คงทำแกง ขี้เหล็กกินไม่ได้ ต้นขี้เหล็กคงจมน้ำหมด และคงไม่มีแม่ค้าแม่ขายทำแกง ขี้เหล็กขายในช่วงนี้ หรือบางทีต้องการกินก็หาไม่ได้


ง่ายที่สุด...ขอให้พยายามหาผัก-ผลไม้กินไว้ แม้อาจเป็นเรื่องยากหน่อย แต่ควรหามากินบ้าง


ทำไมจึงต้องกินผัก-ผลไม้...? ใครที่ดูข่าว สังเกตบ้างไหมว่าผู้คนนั้นไม่ใช่เริ่มเครียด แต่พวกเขามีความเครียดสะสมจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หลายรายพยายามวิ่งฝ่าหน่วยรักษาความปลอดภัยเพื่อต้องการไปเข้ากล้องทีวีที่กำลังถ่ายทอดสด ปากก็ตะโกนก้องต้องการความช่วยเหลือ ถึงขั้นว่าอยากให้นายกรัฐมนตรีไปดูบ้านของตัวเองที่จมน้ำอยู่ บ้างก็ต่อว่าหน่วยราชการ หลายแห่งมีปัญหากับท้องถิ่นทะเลาะกับ อบต. เพราะความช่วยเหลือไม่เป็นไปอย่างทั่วถึง


เป็นอะไรที่ดูไร้เหตุผลสำหรับผู้ที่ดูข่าวตอนนั้น ท่านอาจมองว่ายายคนนี้บ้า ตาคนนี้เสียสติ จะให้นายกรัฐมนตรีไปช่วยบ้านตัวเองก่อน...ขอให้มองอีกมุม


คนกลุ่มนี้กำลังป่วย...ป่วยหนักด้วยอาการกำเริบไม่หยุด เป็นอาการป่วยทางจิต ทางอารมณ์ที่ควบคุมตัวเองไม่อยู่...ผมไม่อยากให้เรามองเขาอย่างน่ารังเกียจ ควรมองด้วยความเมตตาน่าสงสาร และควรเร่งให้ความช่วยเหลือด่วนที่สุด ก่อนที่เขาจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้


เขาไม่เข้าใจหรอกว่า ปัญหาน้ำท่วม หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีหรือภาคราชการต้องทำในเรื่องนโยบายที่เป็นภาพรวม มีคนพยายามอธิบายให้ฟัง แกคงฟังอะไรไม่เข้าใจหรอกเวลานั้น เพราะแกไม่ได้กินข้าวตลอดทั้งวัน หลานคนหนึ่งติดอยู่ในบ้านไม่มีใครเข้าไปช่วย เหตุใดผู้คนจึงเครียดจัดกันแล้ว ถึงขั้นควบคุมตัวเองไม่ได้ มีเหตุผลพออธิบายได้


เพราะ...เราไม่ได้เตรียมตัว เพื่อรับมือกับภัยพิบัติ เราไม่เคยเรียนรู้ว่าหากเกิดภัยพิบัติ หรือเกิดอะไรที่ไม่คาดคิด เราจะอยู่อย่างไร จะช่วยเหลือตัวเองยังไง


ไปดูที่ภาครัฐ ก็ยังไม่มีประสบการณ์ในการรับมือกับภัยพิบัติหนักๆ อย่างนี้ เปรียบเทียบกับสึนามิ มันคนละเรื่องคนละเงื่อนไข คลื่นยักษ์โจมตีวูบเดียวแล้วจบ แต่น้ำท่วมมันยืดเยื้อ ผู้คนต้องอยู่กับน้ำ ด้านความช่วยเหลือก็ต้องใช้เรือ มันยากกว่ากันมาก ที่สำคัญตัวเราเองต้องเตรียมทั้งกายทั้งใจให้พร้อมตลอดเวลา เพื่อรับมือกับมัน เพราะวันข้างหน้าดูจะรุนแรงขึ้นและต่อเนื่อง


การใช้ชีวิตจะเป็นตัววัดความสามารถของคน ใครมีรายละเอียดในการใช้ชีวิตที่ถูกต้องกว่า มากกว่า คนนั้นได้เปรียบ ไม่ใช่เรื่องของการทำงานอย่างเดียว ที่เรียกอย่างโก้ว่าไลฟ์สไตล์เป็นอย่างไร มันจะบอกว่ามีโอกาสรอดแค่ไหน หากแผ่นดินไหว น้ำท่วม พายุใหญ่มา...หากเรายังดูหนังฟังเพลง เสพอะไรไร้สาระ บ้าเกมคอมพิวเตอร์ ขอบอกว่าไม่รอดแน่


ดูแค่เรื่องกินนี่ก็เรื่องใหญ่ ทำไมผู้คนถึงเครียด เพราะเขาไม่ได้เตรียมใจเพื่อรับสถานการณ์...การกินนี่แหละมีผลอย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง อย่างที่ได้เปิดประเด็นไว้...น้ำท่วม เครียด ให้กินผัก-ผลไม้ ต้องพยายามหามากินไม่มากก็น้อย เพื่อคลายความเครียด คนที่ไม่เป็นอะไร ไม่ได้รับผลกระทบก็กินได้ ควรกินเสียแต่วันนี้ด้วยซ้ำ


ผัก-ผลไม้ช่วยได้อย่างไรไม่ให้เราเครียด...? ใครต่างทราบกันดีว่า ทั้งผัก-ผลไม้มีสารอาหารมากมายหลายหลากที่ร่างกายต้องการ จนกล่าวได้ว่าผัก-ผลไม้คือตัวกำหนดชะตากรรมของมนุษย์ ใครจะสุขจะทุกข์ จะป่วย จะตายด้วยโรคอะไร ผัก-ผลไม้เป็นปัจจัยให้สุขทุกข์อย่างปฏิเสธไม่ได้


ในผัก-ผลไม้ประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ สำคัญที่สุดคือ วิตามินซี ซึ่งเป็นสารอาหารพื้นฐาน ที่อยากบอกว่าเป็นฐานใหญ่มากที่ร่างกายต้องใช้ทุกวัน


วิตามินซีทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันทั้งระบบ...จำได้เคยเขียนไปเรื่องวิตามินซีในน้อยหน่าสร้างคอลลาเจนอย่างไร วันนี้เรามาเรื่องของวิตามินซีอีกด้าน ว่าทำไมเราต้องกินผัก-ผลไม้เพื่อให้ได้วิตามินซีช่วยคลายเครียด มันทำได้อย่างไร


การได้รับวิตามินซีจะทำให้รู้สึกสดชื่น ความสดชื่นเป็นเรื่องของอารมณ์ ใครที่รู้สึกหงอยๆ วันนี้ซึมๆ ลองหาอะไรเปรี้ยวๆ ใส่ปาก หูตาสว่างทันที อาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจะเปลี่ยนเป็นกระปรี้กระเปร่า เราอาจรู้สึกว่าเป็นเพราะความเปรี้ยวของผลไม้ ความหวานความหอม ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น ก็ใช่ส่วนหนึ่ง แต่โดยรายละเอียด ในผัก-ผลไม้ หรือพูดในภาพรวมของวิตามินซี มันมีกรดอะมิโนทริปโตเฟน


เมื่อร่างกายได้รับวิตามินซีเข้าไป กรดอะมิโนทริปโตเฟน จะเริ่มเปลี่ยนสถานะตั้งแต่เราเริ่มเคี้ยวไปเป็น "เซโรโปนิน"


ไอ้เจ้าเซโรโปนินตัวนี้ มันทำให้เราสดชื่น อารมณ์ดี รวมไปถึงเมื่อได้เวลานอน เราจะหลับได้อิ่ม...วันนี้ลองถามตัวเองดูสิว่า เรากินผักกินผลไม้ เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินซีหรือยัง และเพียงพอหรือไม่


คงไม่ต้องบอกหรอกว่า เราควรกินผัก-ผลไม้ประเภทไหนเพื่อให้ร่างกายมีวิตามินซี สำหรับผู้ประสบเคราะห์กรรมคงมีทางเลือกน้อย ผมขอให้เป็นผัก-ผลไม้อะไรก็ได้ขอให้กินเถอะ หากท่านยังไม่ใส่ใจเรื่องนี้ น้ำยังไม่ลดท่านก็คงเครียดไม่จบ หรือน้ำลดแล้วปัญหาการฟื้นฟูชีวิตก็ต้องตามมาอีก


รู้หรือยังว่าทำไมน้ำท่วมใหญ่รอบนี้จึงพบคนเครียดมากมาย จนกรมสุขภาพจิตเป็นห่วง หลังน้ำลดกรมสุขภาพจิตต้องทำงานหนักแน่


เราอาจยังไม่เข้าใจ ว่าการกินไปเกี่ยวข้องอะไรกับการเตรียมกายเตรียมใจเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ...ขอบอกว่าเป็นเรื่องเดียวกันแน่นอน น้ำท่วมใหญ่แม้ท่านจะมีเรี่ยวแรงขนย้ายสิ่งของ หรือยังยืนอยู่ได้ เดินไปขอความช่วยเหลือได้ แต่การป่วยทางทางใจ ทางอารมณ์ ส่วนใหญ่ท่านจะไม่ทราบ คือไม่รู้ว่าตัวเองกำลังป่วย


หลายคนอาจมองว่าแปลก หรือว่าหมอใบไม้บ้าไปหรือเปล่า มาบอกให้ผู้คนกินผัก-ผลไม้ เพื่อไม่ให้เครียด แล้วบรรยายเรื่องความเครียดจนดูเป็นเรื่องเลวร้ายน่ากลัว


อดข้าวโมโหหิวก็ฆ่ากันได้เหมือนกล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ แต่มีข้าวกิน หรือมีอะไรกินแต่กินอย่างขาดหลักโภชนาการ ก็ใช่ว่าเราจะดีได้ น้ำท่วมแล้วขาดอาหาร ให้ดูเถอะจะเริ่มควบคุมอะไรไม่ได้ ผู้คนจะเริ่มพูดกันไม่รู้เรื่อง คันกั้นน้ำจะถูกพังหมด


ผมสังเกต คนมีปัญหาส่วนใหญ่ มักอยู่ในวัยกลางคน คนรุ่นนี้แหละที่ชีวิตเริ่มเปลี่ยน กินผักน้อย จึงคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แต่กับผู้เฒ่าผู้แก่ คนสูงวัยไปเลย กลับไม่ค่อยมีปัญหา คุณตาคุณยาย หรือรุ่นคุณทวด กลับนิ่งเฉยได้หลายรายไม่ยอมทิ้งบ้าน สามารถสู้ปัญหาได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่กลัวแม้ความตาย ใครอ้อนวอนให้ออกจากพื้นที่ก็ไม่ไป พูดรู้เรื่องด้วย มีเหตุผลของตัวเองที่ต้องรับฟัง


คนวัยนี้แหละกินผักเยอะ วันไหนไม่ได้กินผักน้ำพริกจะรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไป ในร่างกายจึงมีภูมิต้านทานสูง มีวิตามินซีสะสมอยู่มาก ก้อนสมองจึงแข็งแรงจนแข็งแกร่ง และไม่มีสภาพเป็นคนป่วย


คนไทยไม่ทิ้งกัน วันนี้เราเห็นแล้ว วันนี้กินผักซะเพราะยังไม่สาย ใครป่วยแล้วก็ต้องช่วยกัน มีอะไรก็โทร.มาคุยเช่นเคย โรคอะไรก็ช่วยได้มีทางออกทั้งนั้น หมายเลข 08-5151-8844 ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ


บทความจาก : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง / สสส.



0 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม