Renault Frendzy : รถไฟฟ้าต้นแบบสุดแนว


ตามปกติแล้วถ้าเป็นต้นแบบสำหรับเตรียมเปิดตัวตามมอเตอร์โชว์ หน้าตาและรูปทรงน่าจะเน้นความล้ำสมัย ฉีกสไตล์และไฮเทคแบบสุดๆ แต่สำหรับ เฟรนด์ซี่ ต้นแบบรุ่นล่าแบบแกะกล่องของเรโนลต์ที่กำลังจะเปิดตัวในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2011 เดือนกันยายนนี้กลับไปเป็นอย่างนั้น

ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าหน้าตาหรือรูปลักษณ์ภายนอกของเฟรนด์ซี่ดูแล้วเรียบๆ ไม่ได้หวือหวาอะไร และออกแนวเหมือนกับรถยนต์ที่เตรียมพร้อมขึ้นไลน์ผลิตได้ทุกเมื่อ แตกต่างจากภายในที่ล้ำสมัยแบบสุดๆ

โดยมากับตัวถังทรงกล่องแบบ 5 ประตูในสไตล์เดียวกับเกีย โซล โดยงานออกแบบเป็นผลผลิตที่เกิดจากแนวคิดซึ่งเรียกว่า Love at First Sightเหมือนกับต้นแบบ 2 รุ่นก่อนหน้านั้น อย่าง DeZir และ Captur

ตัวรถมีความยาว 4,091 มิลลิเมตร กว้าง 1,872 มิลลิเมตร สูง 1,743 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,691 มิลลิเมตร ด้านท้ายเน้นความอเนกประสงค์ เพราะเมื่อพับเบาะหลังลงมาจะได้พื้นที่ในการบรรทุกมากถึง 2,250 ลิตร และเห็นเล็กๆ อย่างนี้ แต่น้ำหนักตัวซัดไปถึง 1,420 กิโลกรัมเลยทีเดียว



โปรเจ็กต์นี้ทางเรโนลต์ยังทำงานร่วมกับ RIM หรือ Research In Motion ผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือ Blackberry ในการวางระบบตัวรถและพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับเชื่อมต่อการทำงาน โดยมีการนำแท็บเล็ตรุ่นใหม่อย่าง Playbook ของค่ายนี้มาติดตั้งเข้ากับระบบภายในตัวรถ และใช้ตัว Playbook เป็นหน้าจอมัลติมีเดียสำหรับเชื่อมต่อ และควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ผ่านทางหน้าจอนี้ได้เลย

เหมือนกับรถยนต์ต้นแบบรุ่นอื่นๆ ของเรโนลต์ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้อย่าง ZOE และ Kangkoo Z.E. ซึ่งหน้าที่ในการขับเคลื่อนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 44 กิโลวัตต์ หรือ 60 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 23.0 กก.-ม. ซึ่งอาศัยกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่งกำลังด้วยเกียร์แบบจังหวะเดียว พร้อมเกียร์ถอยหลัง

นอกจากนั้นในเรื่องของเสียงที่เงียบของรถยนต์พลังไฟฟ้าที่อาจจะกลายเป็นปัญหาเวลาใช้งานจริง เพราะคนเดินถนน หรือคนขี่จักรยานไม่อาจจะทราบได้นั้น ทางเรโนลต์ได้ร่วมมือกับ IRCAM (Institut de Recherche et Coordination Acoustique / Musique) ในการสร้างเสียงการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าในขณะแล่นด้วยความเร็วต่ำ เพื่อความปลอดภัย

โปรเจ็กต์นี้จะถูกดันให้ขึ้นไลน์ผลิตหรือไม่นั้น เรโนลต์ไม่ได้บอก แต่จาก Mid-Term Plan ที่นิสสันประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หนึ่งในนั้นคือ การร่วมมือกับเรโนลต์ในการเพิ่มประชากรรถยนต์พลังไฟฟ้าบนท้องถนน ซึ่งภายในปี 2016 รถยนต์ของทั้ง 2 ค่ายจะต้องมีแล่นบนท้องถนนรวมกันแล้ว 1.5 ล้านคัน

และถ้าจะไปให้ถึงตรงนั้นได้ ทางเลือกของรถยนต์พลังไฟฟ้าจากทั้งแบรนด์เรโนลต์ และนิสสันจะต้องมีความหลากหลายของรุ่นมากกว่านี้



0 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม