กรุงเทพ...วันฟ้า (ยังไม่) หม่น เมื่อผู้คนต้องผจญน้ำท่วม




พ่อเคยสอน พ่อเคยบอก หากลูกไม่เชื่อพ่อ ก็จะกลายเป็นเด็กดื้อ ย่อมถูกลงโทษ โครงการหญ้าแฝก โครงการ Floodway โครงการอยู่อย่างพอเพียง พ่อสอนเสมอ

ทรงพระเจริญ



เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ 13maysa

หลายคนบอกว่า "น้ำ" ได้พลัดพรากหลายสิ่งหลายอย่างไปจากคนไทย... ความสุข...ความหวัง...รอยยิ้ม รวมทั้งความสะดวกสบาย ล้วนถูก "น้ำ" พัดให้หายปลิวไปพร้อม ๆ กับความแรงของมันทั้งสิ้น ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นผู้ประสบภัยแล้ว หรือยังไม่เป็นผู้ประสบภัยก็ตามที

แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง การมาของ "น้ำ" ครั้งนี้ ก็ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง บางคนได้รู้จักคำว่า "รักสามัคคี" บางคนได้เข้าใจกับคำว่า "ความเสียสละ" ขณะที่หลาย ๆ คนก็ได้เรียนรู้กับคำว่า "น้ำใจ" ไม่ว่าคุณจะอยู่ในฐานะ "ผู้ให้" หรือ "ผู้รับ" ก็ตาม

ภาพสวย ๆ แต่แฝงไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมาย พร้อมคำบรรยายภาพจาก คุณ 13maysaเหล่านี้ คงจะสามารถบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับกรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ.2554 นี้ได้เป็นอย่างดี และพึงระลึกไว้เถิดว่า การมองโลกในแง่ดีจะช่วยให้คุณสามารถนำ "ความสุข" , "ความหวัง" และ "รอยยิ้ม" ที่หายไปกับสายน้ำกลับมาได้ในเร็ววัน



ภาพแรก การสู้น้ำแบบสู้ยิบตา เป็นนาทีต่อนาที ชั่วโมงต่อชั่วโมง วันต่อวัน เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน เครื่องสูบน้ำทำงานหนัก 24 ชม สายตาจับจ้องแต่ระดับน้ำว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาว...



บรรยากาศพื้นถนนที่ดูเป็นคลองในพริบตา หน้าพาต้าปิ่นเกล้า 30 oct 2011 บ่ายแก่ ๆ น้ำสูงถึงหน้าอก ตกเย็นน้ำหนุนสูงจะลึกกว่านี้ ไม่ว่าจะสูงแค่ไหน ข่าวว่ามีคนจับจระเข้ได้หลังพาต้าทำให้คนตื่นกลัว แต่ประชาชนก็ยังคงเดินลุยน้ำเพื่อภารกิจจำเป็น



แม้จะเป็นปลาเทวดาที่อยู่กับน้ำเองก็ไม่รอด จำต้องถูกย้ายไปอยู่อีกที่



เมื่อวานนี้วิ่งข้ามถนนมีรถวิ่งมากมาย แต่ตอนนี้กลายเป็นทะเลสาบในพริบตา เรียกได้ว่า บางอย่างมีเงินก็ซื้อไม่ได้ ณ เวลานี้


ถนนแปดช่องทางเหลือทางเดินที่พอจะมองเห็นอยู่แค่ฝ่าเท้าเหยียบ มีคนลื่นตกลงไปน้ำสูงถึงหน้าอกทันที ผู้คนทยอยใช้เส้นทางบนที่คันกั้นถนนตรงกลางเดินสัญจรไปมาตลอดเวลา สันทางเดินนี้ยาวกว่า 500 เมตร หนทางสู้เริ่มเหลือน้อยลง


เรือไม่มีเครื่อง ใช้คนลาก สี่คนอาสา สี่คนเหน็ดเหนื่อย ให้คน 20-30 คนถึงจุดหมาย เพื่อลูก เพื่ออาหารครอบครัว เพื่อบริษัทที่หาเงินมาให้เราใช้ สี่คนเดินจากสะพานปิ่นเกล้าถึงเซ็นทรัลปิ่นเกล้า จัดส่งทุกป้ายที่บอก สิบเที่ยวช่วยคนได้สามร้อย ร้อยเที่ยวช่วยได้สามพันคน


ห้างปิด ซูเปอร์มาเก็ตจม 7-11 ของไม่มีขาย น้ำหยุดได้ทุกอย่าง หยุดความสุขอย่างที่เคยเป็น มองโลกในแง่บวกกันให้มาก เราต้องผ่านการทดสอบนี้ไปให้ได้อย่างเข้มแข็ง และปรองดอง



พื้นที่คนขอนั่งแค่นี้พอ ไม่มีพื้นที่แห้งให้กับสุนัขมากนัก คุณน้ารักษาความปลอดภัยบอกว่า สุนัขพวกนี้ช่วยเฝ้ายามในตอนน้ำไม่ท่วมมาตลอด



เมื่อน้ำมา ไม่ว่ารถจะแพงหรือถูก รถใหม่หรือเก่าก็ไม่รอด ภัยพิบัติไม่แยกคนจนคนรวย รวยมากก็ซ่อมมาก เกิดมาแต่ตัว น้ำมาก็ไปได้แต่ตัวเช่นกัน ทรัพย์สมบัติมีมากเอาไปไม่ได้



หกนายทหารพาย ช่วยได้สิบคน ร้อยเที่ยวช่วยได้พันคน เฉพาะภารกิจเข้าซอยเล็กถึงประตูบ้าน พายกันทั้งวัน ตะโกนเสียงแทบไม่มี ยิ้มทุกสภาวะ รายได้แค่เงินเดือนน้อยนิดกับน้ำไม่กี่ขวดและข้าวกล่องที่ไม่มีอะไรพิเศษในนั้น เขามาช่วยเราอย่างเต็มใจ พูดจาไพเราะ


ขอบคุณคุณลุงที่เป็นเพื่อนร่วมทางเดิน แม้จะเป็นทางเดินสั้น ๆ การได้คุยกันก็ทำให้รับรู้ถึงความเดือดร้อนในใจ คุณลุงขาไม่ค่อยดี ต้องทิ้งบ้านตนเองเพราะอยู่ไม่ได้ พยายามเดินไปสะพานปิ่นเกล้า ผมได้ช่วยพยุงข้ามเกาะถนน พยุงขึ้นฐานเสาสะพาน และพยุงลงน้ำเพื่อเดินต่อ แกจะเดินได้ยี่สิบก้าวก็จะหาที่วางของยืนหอบเหนื่อยเป็นระยะ ๆ ผมไม่กล้าช่วยถือของเพราะลุงดูหวงมาก มองเห็นในถุงมีแบงก์ยี่สิบสองสามใบกับเหรียญเล็กน้อย ทรัพย์สินจะมากจะน้อยก็มีค่าเสมอ

น้ำท่วม

ทุกข์มากก็ต้องบรรทุกมาก



อยากเขียนให้อ่านกัน คุยกับป้านานมาก คุณป้าคนนี้ได้รู้จักน้องหมาที่ให้อาหารเป็นประจำ แต่ไม่ได้เลี้ยงไว้เป็นหมาจรจัด พอน้ำท่วม พื้นที่บ้านมีแต่ที่นอน เลยนำน้องหมามาไว้บนสะพานเสมือนเกาะกลางน้ำ และลุยน้ำมาให้อาหารสม่ำเสมอ ผมเดินลุยน้ำ เห็นคุณยายตะโกนลั่นใกล้สะพาน "อย่าลงมานะลูกกกกกกกกก!!!" ทหารทุกคนบอกว่าน้องหมาตัวนี้ไม่ยอมทานอาหารที่ให้เลยตลอดวัน ชะเง้อมองหาเจ้านายตลอด เมื่อคุณป้ามาถึง มันดีใจเหมือนจะกระโดดลงน้ำไปหา และได้อาหารจากมือคุณป้าจนหมดในไม่กี่นาที จนทหารต้องงง คุณป้ากำลังอธิบายว่า เอามันไปด้วยไม่ได้เพราะมันต้องนอนแช่น้ำแน่ ๆ เลยต้องเอามาไว้ที่นี่ แต่ต้องรีบกลับเพราะมืด เดินมาไกล ลับตาไปไม่ไกล น้องหมาตัดสินใจกระโดดตามคุณป้าไป เพราะไม่อยากรออาหารหรือไม่อยากให้คุณป้าลำบากลุยน้ำมาให้อาหารก็ไม่รู้.... ชะตากรรมหนึ่งคนกับผู้ซื่อสัตย์หนึ่งตัวจะเป็นอย่างไรต่อไป


เคยเห็นรถตู้ตะโกนที่อนุสาวรีย์ชัย ดอนเมืองคร๊าบบบ รังสิตคร๊าบบบ บางนาคร๊าบบบบบบบบ มาพบทหารตะโกนงานนี้เสียงแหบกันไปข้าง หลังพาต้าคันนี้คร๊าบบบบบบบบบบ ไปเซ็นทรัลปิ่นเกล้าทางนี้คร๊าบบบบบบบบบบบบ เต็มแล้วออกเลย บางทีก็มีมุขให้คนหัวเราะกันอีก อัมพวาหลังพาต้าทางนี้ครับ!! ให้คนได้ยิ้ม แต่ไม่ได้ค่ารถตู้เป็นกอบเป็นกำ ส่วนใหญ่เพื่อคำว่า ขอบคุณ เท่านั้น


น้ำลดตอผุด ผมเห็นคนทำเพื่อส่วนรวมโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย เขาทำเพื่อชุมชน ร่วมกันกั้น ผมเห็นคนเดือดร้อนและอยากให้ช่วยเหลือ แต่ไม่ได้อะไรจากการเสียสละ ร่วมกันทำลาย ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก ณ สถานการณ์นี้

อย่าโทษกัน ร่วมมือกันเถอะครับ อย่างไรประชาชนก็มีมากกว่าหน่วยงานใด ๆ ทั้งหมด เริ่มที่ตัวเราก่อน คิดดีทำดีกันเถอะครับ


ผมชอบเนื้อเพลง ดอกทานตะวัน ที่ญี่ปุ่นมอบให้ไทยในช่วงน้ำท่วมนี้มาก คำว่า ทรัพย์สินสูญเสียได้ แต่ทรัพย์สมบัติทางจิตใจ ห้ามสูญเสีย


มองโลกในแง่ดี ลองแหงนขึ้นมองฟ้าสิครับ มีสักกี่วันที่กรุงเทพฯ ฟ้าสวยทุกวันแบบนี้ ฟ้าหลังฝนมักสวยงาม หลังน้ำลดเราสร้างกันใหม่ได้ครับ เครียดไปก็ทำอะไรไม่ได้ ออกไปตกปลา แม้น้ำจะเสีย อากาศก็ยังคงบริสุทธิ์ ควันรถน้อยลง แถมได้มื้อเย็นกลับมาสบายท้อง และช่วยให้หายหิวไปได้หลายมื้อ ลดการใช้เงินลงบ้าง ศึกษาการหากินด้วยตนเอง เพื่อชีวิตจะได้มีอะไรทำ


ปากคลองตลาด ชุมชนเข้มแข็ง สู้ยิบตา ตลอดวันตลอดคืน พ่อค้าเข็นผักเปลี่ยนมาเข็นกระสอบทราย พึ่งพารายได้จิตใจชุมชน


อย่าเซ็งเหมือนน้องหมา ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง เพราะอยู่คนเดียว ระวังความคิด อันนี้ใช้ได้เสมอ


คิดซะว่า มีบ้านพักริมทะเลสาบ อยากมีสระว่ายน้ำในบ้าน อยากนอนเตียงน้ำ ได้สมใจคราวนี้ มองโลกบวก จิตใจก็สบาย


ทหารพากันทยอยขนถุงยังชีพลงเรือลำแล้วลำเล่าไม่หยุดตลอดวัน


เมื่อผมเดินขึ้นจากน้ำ เดินสี่แยกปิ่นเกล้า มาเดินข้ามสะพานปิ่นเกล้ารู้สึกได้เลยว่า พื้นที่แห้งนั้น นอกจากมันรู้สึกสบายตัวและโล่งใจเป็นอย่างไร เดินข้ามสะพานปิ่นเกล้าที่เงียบสงัด ผมไปเดินกับน้ำแค่สองชั่วโมงเศษ ก็เกิดอาการคัน ๆ นิดหน่อย ไม่สบายตัว ใจคิดแต่ประมวลภาพความเดือดร้อนของประชาชนที่ไปพบมา มันมากมายจนจะพูดได้หมดได้ และก็อยากอาบน้ำมาก หากเทียบกับคนที่เผชิญกลางน้ำ ทุกวัน เป็นเดือน ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำอาบ เขาคงอยากจะหาพื้นที่แห้งกันเพียงไรหนอ



ภาพสุดท้าย

อยากให้หวนคิดถึงตัวเราเองกันดู หากเราลำบากเพราะน้ำท่วม ก็ช่วยเหลือกัน ถึงเวลาที่โลกจะทดสอบจิตใจพวกเรา ต้องผ่านมันไปให้ได้

หากเราสุขสบาย เพราะน้ำไม่ท่วม ก็อย่ากักตุน อย่าไปจอดรถกีดขวาง อย่าไปพิมพ์ใส่ร้ายใคร อย่าสร้างความแตกแยก คนที่ทุกข์เขาทุกข์พอแล้ว คนทำงานเขาล้ามากแล้ว หากเราไม่พายก็อย่าเอาเท้าราน้ำ แค่นั้นพอ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงานและอุตส่าห์อ่านมาจนจบ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้เมืองไทยพ้นวิกฤตนี้โดยเร็ววัน อ่านบทความนี้แล้ว ใครอยากจะให้กำลังใจ ใครอยากจะร่วมแชร์ความช่วยเหลือ ก็เขียนลงไปได้เลยครับผม (ติดตามชมภาพสวย ๆ ต่อได้ที่ pixpros.net)


0 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม