Mitsubishi I-miev ท้าพิสูจน์ในฮังการี่ทุบสถิติไปไกลกว่า 220 ก.ม.

กระแสรถไฟฟ้าในช่วงที่ผ่านมานี้ดูเหมือนมันอาจจะจางๆลงไปบ้าง หลังโดนกลบด้วยหลากรถยนต์ใหม่ เช่นเดียวกระแสสึนามิที่ทำให้สื่อต่างๆ ทั่วโลกสนใจการฟื้นตัวของค่ายยานยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ที่เกมในครึ่งปีหลังนี้นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจจนต้องจับตาดูกันเป็นพิเศษ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ค่ายานยนต์ญี่ปุ่นที่ค่อนข้างจะมีหัวสมัยใหม่ Mitsubishi ได้มีความพยายามอย่างมากในการปลุกกระแสรถไฟฟ้า และหนึ่งในรถหลายๆรุ่นนั้นคือ Mitsubishi I-Miev ที่เข้ามาโชว์บ้านเราหลายรอบ แถมยังจอดแอบไว้ในโกดังหลังสำนักงานใหญ่ ย่านรังสิต ที่วันนี้ในต่างประเทศมีการท้าพิสูจน์ระยะทางบนถนนจริงที่ประเทศฮังการี่ และอาจจทำให้คู่แข่งทึ่งได้

Mitsubishi I-miev

คำถามที่สำคัญเกี่ยวรถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่พ้นว่า มันจะไปได้ไกลเท่าไรในการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียว แต่ตัวเลขปัจจุบันที่ยืนหยัดที่ 200 กิโลเมตรใน Volt และ Leaf นั้น ต่างเป็นข้อยืนยันที่ดีว่ารถรุ่นใหม่น่าจะไปได้ไกลและตอบสนองได้มากกว่า แต่กับ I Miev ที่ขายในฮังการี่ในราคาเดียวกับซิตี้คาร์ทั่วไป ทั้งยังเก่ากว่า ที่ตามสเป็คระบว่าไปได้ไกล 160 ก.ม. เท่านั้น แต่วันนี้มันก็ทุบสถิติลงด้วยตัวเลข 220 ก.ม.

Mitsubishi I-miev

การทดสอบครั้งนี้ทำโดย 2 ชาวฮังการี่ที่ต้องการหาคำตอบในระยะเดินทางของ I miev โดยทำการขับขี่ในสภาวะถนนจริงในเมืองในสภาพการจราจรปกติ ที่การตอบสนองของมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 49 กิโลวัตต์ ให้แรงบิด 180 นิวตันเมตร สามาารถทำตัวเลขดังกล่าวได้ไม่ยาก และมีการวัดสมรรถนะต่างๆ โดยเฉพาะอัตราเร่ง 0-100 สามารถทำได้ใน 13.8 วินาที ส่วนความเร็วปลายได้มากถึง 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ตัวเลขใหม่ของ Mitsubishi อาจทำให้ค่ายนี้ยิ้มปริที่แม้จะออกมาจำหน่ายพักใหญ่แล้ว แต่ก็ยังสามารถประมือกับคู่แข่งได้ โดยเฉพาะเมื่อ 220 .. อาจจะเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดของรถไฟฟ้าแท้ๆ ซึ่งอาจจะทำให้หลายคนสนใจมากขึ้น




กูเกิล ท้าชนเฟซบุ๊ค เปิดให้บริการเว็บสังคมอนไลน์ "กูเกิล พลัส"แล้ว


"กูเกิล" พี่ใหญ่แห่งวงการเสิร์ช เอ็นจิ้น เปิดให้บริการ"เว็บไซต์สังคมออนไลน์"แล้ว เพื่อขอท้าชนกับเฟซบุ๊ค ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้มากกว่า 500 ล้านรายแล้ว

บริการ"กูเกิล พลัส" (Google+) จะทำให้ผู้ใช้บริการสามารถแบ่งปันภาพถ่าย ข้อความ แสดงความคิดเห็นได้ ซึ่งรวมถึงบริการแผนที่ หรือกูเกิล แม็ป และภาพเข้าไว้ด้วยกัน แต่ก็ยังใช้บริการอื่นๆของกูเกิลได้เช่นเดิม เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับช่องทางการติดต่อต่างๆภายในกลุ่มได้อย่างง่ายดาย ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า กูเกิลได้นำเนื้อหาบางส่วนของเฟซบุ๊คมาออกแบบเสียใหม่ โดยเพิ่มบริการวีดิโอแชท หรือการพูดคุยผ่านวิดีโอเพิ่มเติมเท่านั้น

กูเกิลซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดเซิร์ช เอ็นจิ้น มากกว่า สองในสามของสหรัฐฯ พยายามหาทางแข่งขันกับเฟซบุ๊คในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ความพยายามก็ประสบความล้มเหลว หลังบริการกูเกิล เวฟ และ กูเกิล บุซ ไม่ไดด้รับความนิยมจากผุ้ใช้บริการมากนัก




โดยกูเกิล พลัส มีบริการหลักๆทั้งสิ้น 4 ประเภท ประกอบด้วย

"Circles" (แวดวง) หรือการแบ่งปันเรื่องราวต่างๆกับบุคคลใกล้ชิด
"Hangouts" (บริการพูดคุยผ่านระบบวีดิโอ คอนเฟอเรนซ์)
"Huddle" (การแชทเป็นกลุ่มในครั้งเดียว)
และ "Sparks" (บริการแบ่งปันวิดีโอและบทความ)

ทั้งนี้ ในปัจจุบันกูเกิลเปิดให้บริการกูเกิล พลัส ในวงจำกัดเท่านั้น และมีแผนที่จะเปิดให้ใช้ในวงกว้างแก่ผู้ใช้ในเร็วๆนี้

นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่า กูเกิลอาจไม่สามารถทำให้สาวกของเฟซบุ๊คเปลี่ยนใจมาใช้บริการใหม่นี้ได้ เนื่องจากผู้ใช้เฟซบุ๊คส่วนใหญ่ก็จะมีสังคมของตนเองอยู่แล้ว การที่กูเกิลจะชักจูงให้ผู้ใช้เหล่านั้นหันมาสนใจกูเกิล พลัส จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

19 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต


19 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์

1.เมื่อนำถุงลมของมนุษย์ออกมาวางต่อกันจะมีขนาดเท่าสนามฟุตบอล
2.สิ่งที่ทำให้หัวใจมนุษย์เต้นตลอดเวลาคือ pecmaker
3.เส้นเลือดในร่างกายมนุษย์มีความยาวรวม 62,000 ไมล์ ถ้านำมันมาเรียงต่อกันเป็นทางยาวจะได้ความยาว ถึง 2.5 เท่าของเส้นรอบวงโลก
4.หมีขั้วโลกสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 25 ไมล์ต่อชัวโมง และกระโดดได้สูงกว่า 6 ฟุต
5.มนุษย์และปลาโลมาสืบสายพันธ์เดียวกันมาตั้งแต่ 60 - 65 ล้านปีก่อน
6.นำมันดิบเกิดจากซากพืชซากสัตว์ที่ทับถมกันนานกว่าล้านปี
7.มนุษย์มีแบคทีเรีย E coli ในลำไส้ใหญ่
8.ปลาการ์ตูนสามารถอาศัยในดอกไม้ทะเลได้อย่างไปถูกพิษของดอกไม้ทะเล
9.แม่เหล็กชี้ไปทางทิศเหนือเสมอเพระแกนแม่เหล็กของโลก
10.เพศหญิงจะผลิตเซลล์ไข่ทุกๆ 28 วัน
11. รังไข่ของพืชจะเจริญไปเป็นผล
12.หินอัคนีเกิดจากการเย็นตัวของแม็กมา หรือ ลาวา
13.ปะการังเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
14.ในอวกาศพูดกันแล้วไม้ได้ยิน
15.รุ้งเกิดจากแสงเดินทางผ่านตัวกลางโปร่งใส่ 2 ชนิดขึ้นไปฃ
16.พืชมีคลอโรฟิลล์ที่ช่วยในการสังเคราะห์ด้วยแสง
17.E 100 หมายถึงเอทานอล 100%
18.ผีเสื้อรับรู้รสจากขาหลัง
19.หูของคนเรามี 3 ชั้น




ขอบคุณ : windzard@ vcharkarn.com

บัญญัติ 6 ประการของการแชร์รูปภาพออนไลน์




ในสมัยก่อนที่ยังใช้ฟิล์ม ภาพถ่ายถือเป็นอะไรที่เก็บเอาไว้ เป็นส่วนที่เหลือจากความทรงจำของช่วงเวลาที่สำคัญหรือช่วงที่น่าจดจำในชีวิต เช่น ช่วงวัยรุ่นที่ทรงผมแย่ๆ ช่วงที่สิวขึ้นหน้ามันยืนยิ้มฟันขาว หรือช่วงอื่นๆ ในชีวิต

สมัยก่อน กล้องถ่ายรูปเป็นเหมือนอุปกรณ์ฟุ่มเฟือย จะถ่ายแต่ละภาพก็ต้องสงวนฟิล์มไว้เพราะค่าฟิล์ม ค่าล้างต่างๆ ก็ไม่ใช่ราคาถูก แถมล้างออกมาก็ต้องมีที่เก็บภาพให้เป็นสัดส่วน ไม่เช่นนั้นก็จะรกบ้านอีก ดังนั้นเมื่อก่อนผู้คนจึงมักไม่ค่อยถ่ายภาพไร้สาระเท่าไร

แต่ปัจจุบัน ยุคสมัยเปลี่ยนไป คนเรามักถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เพื่อเก็บไว้ดูเป็นที่ระลึกหรือไม่ก็แชร์ให้คนอื่นดูด้วยเพราะเพียงคิดว่าสนุกโดยไม่ได้คิดถึงผลเสียที่อาจจะตามมา วิวัฒนาการของการถ่ายภาพในยุคปัจจุบันทำให้เรามีความสามารถในการควบคุมชีวิตของคนอื่นในที่สาธารณะไม่ใช่น้อย เพราะเพียงแค่เรากดคลิ๊กเพียงหนึ่งครั้ง ภาพของคนอื่นที่อยู่ในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหรือในกล้องดิจิตอลของเรานั้นอาจทำให้พวกเขาเหล่านั้นต้องตกงาน เลิกรากับแฟนหรือภรรยา หรือ เสียเกียรติได้

ดังนั้น เพื่อถือเป็นมารยาทในแชร์รูป เราควรคำนึงถึงข้อต่างๆ ดังนี้

1) ภาพของใครก็ตามที่กำลังทำกิจกรรมผิดกฎหมายอยู่

ภาพในลักษณะดังกล่าว เช่น ภาพการสูบกัญชากับเพื่อน ภาพขณะที่กำลังเล่นอยู่กับเพื่อนในบริเวณที่กฎจราจรห้าม หรือแม้กระทั่งภาพที่คุณกำลังชนแก้วกับหลานที่เป็นวัยรุ่น

2) ภาพของใครก็ตามที่เมาสุดๆ

จริงอยู่ภาพเหล่านี้อาจทำให้คุณหัวเราะ เพราะคนเมาคือเพื่อนของคุณ แต่ถ้าเมามากๆ แล้วเอาไปโพสต์ให้คนอื่นๆ เห็นบนโลกอินเตอร์เน็ท ก็จะกลายเป็นเรื่องไม่งาม เพื่อนคุณอาจจะภาพลักษณ์เสียได้

3) ภาพของใครก็ตามที่กำลังพลอดรักกัน

ถ้าเป็นภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังจูบกันนั้นพอรับได้ แต่ถ้าเป็นรูปของเพื่อนคุณที่กำลังอารมณ์ร้อนแรงกันแบบเนื้อตัวใกล้ชิดกันคุณควรจะคิดให้มันดีๆ เจ้าตัวเขาคงไม่ชอบใจนักหากคุณเอารูปเขาไปใส่ในอืนเตอร์เน็ทแบบนี้ แถมคนอื่นที่ดูภาพอาจรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ พูดไม่ถูก และที่แย่ไปกว่านั้นคือคนที่โดนคุณถ่ายอาจโดนนินทาลับหลังแบบเสียหายจนถึงท่าสุดก็ได้

4) ภาพของใครก็ตามที่ถ้าบริษัทประกันสุขภาพมาเห็นแล้วจะไม่ชอบใจ

ในต่างประเทศ บริษัทประกันสามารถเข้าถึงภาพของคุณในอิริยาบทต่างๆ ผ่านทางอินเตอร์เน็ทได้ เคยมีคนโดนยกเลิกค่าเลี้ยงดูจากประกันมาแล้วเพียงเพราะเธอถ่ายภาพยิ้มหรากับเพื่อนๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น บริษัทประกันจ่ายเงินให้เธอเพราะเธอเป็นโรคซึม
เศร้า

5) ภาพของใครก็ตามที่กำลังใส่ชุดว่ายน้ำ


มีคนจำนวนที่ไม่แชร์รูปของตัวเองที่กำลังใส่บิกินี หรือชุดว่ายน้ำประเภทอื่นลงบนอินเตอร์เน็ท เพียงเพราะกลัวว่ารูปร่างตัวเองไม่สวยหรือเพราะความกังวลต่ออาชีพการงาน หากไม่อยากพลาด แต่อยากโพสต์จริงๆ ควรตั้งค่าส่วนตัวให้แน่นหนา

6) ภาพที่แย่ๆ ของเพื่อนในสมัยก่อน

งานนี้ไม่โทษใคร โทษเครื่องสแกนเนอร์เป็นอันดับแรกที่ทำให้เราสามารถไปขุดรูปภาพสมัยก่อนมาเพื่อแกล้งเพื่อนตัวเองได้ ทางที่ดีควรถามเพื่อนก่อนว่าอยากเห็นภาพเหล่านั้น ถ้าเขาไม่อยากให้ภาพปรากฏสู่สาธารณะชนจริงๆ ควรส่งอีเมลให้เขาดูต่างหาก แต่ไม่ใช่เอามาประจานในโลกของสังคมออนไลน์ นอกจากจะทำให้เพื่อนอายแล้ว เพื่อนยังแก้ตัวกับคนที่มาเห็นภาพนั้นไม่ได้อีกด้วย

อย่างที่เขาว่ากันว่า ภาพถ่ายหนึ่งภาพสามารถบรรยายคำพูดได้หนึ่งพันคำ

ที่มา: CNN
แปลและเรียบเรียง: ทิพากร ศุภลักษณ์


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"

ช่วงเวลานาทีทอง!!เหมาะทบทวนหนังสือ



ไขข้อข้องใจอ่านหนังสืออย่างไร “จำแม่นที่สุด” พร้อมบอกลาความงัวเงีย ตื่นเต็มตาด้วย “เทคนิคพิชิตง่วง”

เป็นข้อสงสัยที่วัยเรียนส่วนใหญ่อยากไขคำตอบ กับคำถาม เวลาไหนเหมาะสำหรับการทบทวนหนังสือ? จะสังเกตว่าเมื่อความคิดของน้อง ๆ นิ่ง และไม่ฟุ้งซ่านกับเรื่องใด นั่นคือช่วงที่ควรหยิบหนังสืออ่าน และจดจำเนื้อหาที่สุด ดังนั้น ยามเช้าหลังตื่นนอนก็ดี หรือแม้กระทั่งก่อนนอน ซึ่งพักผ่อนมาแล้วพอสมควร ก็เหมาะเช่นกัน ขณะที่ สภาพแวดล้อมในห้องยังสำคัญต่อการเรียนรู้ด้วย โดยการอ่านกับไฟสลัว ๆ ดวงตาจะทำงานหนัก เมื่อยล้าเร็ว จึงควรจัดแสงสว่างให้เพียงพอ นอกจากนั้น บรรยากาศที่สงบเงียบ ยังช่วยให้คิดได้เร็ว และมีสมาธิสูง

นอกจากนี้ ยังมีตัวช่วยคลายความงัวเงียอย่างถาวร ด้วยการตั้งเวลาตื่นที่แน่นอนเป็นประจำ เมื่อร่างกายคุ้นเคยจะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ

ไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุกอีกต่อไป ทั้งยังตื่นด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มด้วย ซึ่งวิธีนี้ช่วยให้ง่ายต่อการจัดเวลาอ่านหนังสือ จากนั้น ดื่มน้ำเปล่า ทำสมองปลอดโปร่ง พร้อมเปิดรับข้อมูล แต่สำหรับใครที่ชอบน้ำสมุนไพร แนะนำน้ำขิงอุ่น จิบปลุกความสดชื่น เรียกความกระปรี้กระเปร่าได้ หรือกระตุ้นร่างกายให้ตื่น โดยยืดเส้นยืดสายกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ ไหล่ แขน และฝ่ามือ ประมาณ 5-10 นาที เท่านี้ก็นั่งหลังตรงทบทวนหนังสือกันได้เลย

ทั้งนี้ เพื่อให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ น้อง ๆ ควรหมั่นปฏิบัติสม่ำเสมอ เพราะการค่อย ๆ สะสมความเข้าใจ จะช่วยให้สมองจดจำเนื้อหาเป็นระบบ เมื่อถึงเวลาสอบ จะสามารถดึงความรู้นั้นออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

All New Nissan Teana 2013

All New Nissan Teana ได้เผยภาพการออกแบบดีไซน์ใหม่ โดยที่ทิ้งสไตล์แบบญี่ปุ่นลง ผสมการออกแบบสไตล์ยุโรปเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้เจ้า Teana ตัวใหม่นี้ดูสปอร์ต โฉบเฉี่ยวมากขึ้นกว่าเดิมเยอะขึ้นมาก

All New Nissan Teana 2013 รูปที่ 1

All New Nissan Teana 2013 รูปที่ 2

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม