Ferrari 458 Spider : ตัวแรงคูเป้หลังคาแข็ง

หลังลุยตลาดพร้อมกับเรื่องอื้อฉาวเพราะกลายเป็นสปอร์ตรุ่นแรกของเฟอร์รารี่ที่ถูก Recall เนื่องจากเกิดไฟไหม้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันถึง 5 คันตามจุดต่างๆ ของโลก ตอนนี้ค่ายม้าป่าลำพองเผยโฉมเวอร์ชันไร้หลังคาของสปอร์ตรุ่นเล็ก 458Italia โดยใช้ชื่อว่า “458 สไปเดอร์” ออกมาแล้ว และพร้อมเปิดตัวครั้งแรกงาน “แฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2011 หรือ IAA “ ซึ่งจะเริ่มรอบสื่อมวลชนในวันที่ 13 กันยายนนี้ ก่อนเริ่มขายจริงปีหน้า 458 เป็นสปอร์ตรุ่นเล็กของเฟอร์รารี่ ซึ่งถูกส่งเข้ามาทำตลาดแทนที่รุ่น 430 และเปิดตัวรุ่นคูเป้ หรือ Berlinetta เมื่อ 2 ปีที่แล้ว “งานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์” ก่อนที่จะทิ้งระยะอีก 2 ปีเพิ่มตัวถังใหม่ในการสร้างยอดขายตลาดทั่วโลก

ใครที่คิดว่าเฟอร์รารี่จะเดินตามรอยของรุ่นปกติด้วยหลังคาอ่อนแบบพับเก็บได้ เห็นทีจะคิดผิด เพราะว่า 458 สไปเดอร์มากับชุดหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้า หรือ Retractable hard top ใช้เวลาในการทำงานรวดเร็ว โดยกางออกหรือพับเก็บด้วยเวลาเพียง 14 วินาทีเท่านั้น ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับชุดหลังคาผ้าใบแบบเดิมที่ติดตั้งอยู่ใน 430 สไปเดอร์แล้ว หลังคาแข็งรุ่นนี้มีน้ำหนักเบากว่า เพราะผลิตจากอะลูมิเนียม ซึ่งทั้งชุดแผ่นหลังคามีน้ำหนักเพียง 25 กิโลกรัมเท่านั้นเอง และถูกพับเก็บโดยแทรกอยู่ตรงช่องว่างระหว่างด้านหน้าของห้องเครื่องยนต์กับด้านหลังเบาะได้อย่างกลมกลืนและลงตัว ที่สำคัญแม้จะเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุน แต่เฟอร์รารี่ก็การันตีว่า คนขับและคนนั่งข้างก็ยังสามารถคุยกันได้แม้จะแล่นฝ่าสายลมด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบรูปทรงของตัวรถให้มีความเพรียวลม และลดกระแสลมพุ่งเข้ามาในห้องโดยสาร

สำหรับการขับเคลื่อนยังเป็นงานของขุมพลังแบบวี8 ทวินแคม 32 วาล์ว 4500 ซีซี แบบ Di จ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง บล็อกเดียวกับที่วางในรุ่นคูเป้ โดยเป็นแบบเครื่องยนต์วางกลาง รีดกำลังออกมาได้ 570 แรงม้า ที่ 9,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 55 กก.-ม. ที่ 6,000 รอบ/นาที โดย 80% ของแรงบิดถูกถ่ายทอดออกมาที่ช่องรอบเครื่องยนต์ 3,250 รอบ/นาที เพื่อความสะดวกในการใช้รอบปานกลางเพื่อวิ่งความเร็วไม่สูงมากในเมือง หน้าที่ในการถ่ายทอดกำลังสู่ล้อหลังเป็นงานของเกียร์ F1-Shift แบบคลัตช์คู่ และติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานครบครันทั้งระบบ Traction Control แบบ F-1 ที่ปรับเซตการทำงานเน้นการตอบสนองในด้านความสปอร์ต เช่นเดียวกับระบบป้องกันล้อล็อกหรือ ABS และเฟืองท้ายแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Diff ราคายังไม่เปิดเผยออกมาตอนนี้ ใครที่สนใจก็เตรียมเงินเอาไว้เยอะหน่อย เพราะดูแล้วน่าจะแพงกว่า 458Italia อย่างแน่นอน

New! BMW Series 3 ..เรนเดอร์นี้..ใช่เลย

แม้จะเงียบหายไปกับกระแสข่าวแต่คอมแพ็คคาร์จากค่ายตราพัดฟ้านี้ก็ยังเป็นที่เฝ้าติดตามของสาวกBMW ที่ล่าสุดก็มีสาวก BMW ทำการเผยภาพคอมพิวเตอร์กราฟฟิก โดยนำเอาความเป็นไปได้จากภาพแอบถ่ายที่โดนส่องไปก่อนหน้านี้มาเป็นต้นขั้วทางการออกแบบ

ภาพที่เห็นนี้ถูกโพสขึ้นในเว็บไซต์ F30post.com เมื่อไม่นานมานี้ โดยในภาพนี้เป็นการแสดงถึงใบหน้าของว่าที่ BMW Series 3 ใหม่ที่มีความเป็นไปได้ หลังจากเมื่อไม่นานมานี้มีภาพสปายช็อตที่จับรถรุ่นใหม่แบบไร้ผ้าคลุ่มเอาไว้ได้อย่างเป็นทางการ

จากภาพดังกล่าวทางทีมออกแบบของเว็บได้นำเอามาประยุกต์เป็นใบหน้าใหม่ของ BMW Series 3 ใหม่ ซึ่งยังคงเน้นในความเป็นคอมแพ็คคาร์สปอร์ตหรูดังภาพ มาพร้อมเอกลักษณ์จมูก Kidney Grill ยุคใหม่ตามสมัยนิยม ในขณะที่ไฟหน้าดูคมเข้มมากยิ่งขึ้น ฝากกระโปรงคล้าย BMW Series 5 และกันชนสปอร์ตที่ดูลงตัว

ทั้งนี้แม้ก่อนหน้านี้จะมีกระแสข่าวว่า BMW จะเปิดผ้าคลุมรถรุ่นนี้อย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมีนาคมปีหน้า แต่เว็บ F30post.com ก็เชื่อว่าอาจจะมีการเปิดก่อนในช่วงเดือนตุลาคมหรือไม่ก็ช่วงพฤศจิกายนที่จะถึงนี้

ภาพประกอบจาก F30 post.com

คลังจ่อปรับมาตรการคืนเงินภาษีรถคันแรก

หลังจากรัฐบาลใหม่ของไทยได้ประกาศนโยบาลที่จะลดภาษีรถยนต์คันแรกให้กับประชาชน
ล่าสุด..

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เรียกกรมสรรพากรและกรมสรรพสามิตมาประชุม เพื่อกำหนดเงื่อนไขในการคืนเงินภาษีให้กับผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์คันแรก เนื่องจากต้องพิจารณาประเด็น เกี่ยวกับของการคืนเงินภาษี ว่า ควรจะใช้กรมสรรพากร หรือกรมสรรพสามิตเป็นกลไกในการคืนเงินภาษี ล่าสุดทางกรมสรรพสามิตเสนอให้คืนเงินในรูปแบบของคูปอง และทยอยคืนภาษีให้จนครบ 1 แสนบาทภายใน 3 ปี เร็วกว่าเดิมที่กำหนดไว้ 5 ปี

nissan-march

นอกจากนี้กรมสรรพสามิตจะต้องไปเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อป้องกันไม่ให้นำรถยนต์ไปโอน หรือขายเปลี่ยนมือก่อนกำหนด ซึ่งกระทรวงการคลังจะนำเสนอต่อที่ประชุมครม.อนุมัติภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ส่วนประเด็นเรื่องสเปครถที่เดิมกำหนดว่าจะต้องเป็นอีโค คาร์ (Eco Car) หรือรถกระบะเท่านั้น ล่าสุดปรับใหม่ไม่จำกัดประเภทรถ เพียงแต่ต้องมีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งจะให้มีผลบังคับใช้ 1 ปีนับจากวันที่ ครม.อนุมัติ

กรมสรรพากร

ข้อมูลของกรมสรรพสามิต ระบุว่า รถยนต์ที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท มียอดการผลิตประมาณ 560,000-570,000 คันต่อปี หากมีผู้มาใช้สิทธิซื้อรถยนต์คันแรกตามสมมติฐานของกรมสรรพสามิต 300,000 คัน คาดว่าจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละ 10,000 ล้านบาท

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง

สำหรับข้อสรุปของโครงการนี้คาดว่า จะเสนอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาและบรรจุเข้าวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 13 กันยายน 2554 นี้

สำหรับผู้ที่สนใจจะซื้อรถยนต์คันแรกตอนนี้คงต้องติดตามข่าวสารกันต่อไป ซึ่งถ้ามีข่าวสารเพิ่มเติมทาง Thaicarlover.com จะรีบนำมาอัพเดททันทีครับ

Honda Civic Mugen Type R 2.2 อัพให้แรงอีกนิดพกความทันสมัย

ถึงบ้านเรา Honda Civic Version 3 ประตูดูจะห่างหายไปเลยทีเดียวหลังจากเคยมาแวบให้เห้นแถมทำยอดขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนราคารถยนต์จากอดีตปัจจุบันไม่เคยตกลงไปเลย แต่มันก็ไม่เคยกลับอีกเลยยิ่งการมาของ Honda Brio ที่ Honda ฝันหวานว่าจะทำได้ดีแต่ดูท่าจะไม่เป็นตามอย่างที่คาดทำให้ งานนี้คงต้องสู้กันต่อไป

พูดถึง Honda civic 3 ประตูแล้วปัจจุบันรถรุ่นนี้ในต่างประเทศมันได้กลายเป็นรถสปอร์ตเต็มคราบไปเป็นที่เรียบร้อยที่ขายคู่กับ Honda Civic และขณะที่รถรุ่นใหม่ออกมาวาดลวดลาย Mugen ก็ไม่รอช้าที่ปั้นสปอร์ตคาร์รุ่นใหม่ขึ้นมา

Honda civic Mugen Type R 2.2 นับเป็นตัวแรงเวอร์ชั่นแข่งตัวจริงเสียงจริงที่ครั้งนี้เครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงนั้นเป็นประเด็นเน้นหนักในการพัฒนาที่ทำมาพร้อมการปรับแต่งขยายปริมาตรจากเดิมมาเป็นขนาด 2.2 ลิตร เพิ่มทั้งช่วงชักและขนาดกระบอกสูบจนมีปริมาตรจริงที่ 2156 ซีซี เพิ่มความเร้าใจจากเดิม 240 แรงม้า ขยับขึ้นมาเป้น 260 แรงม้า พร้อมแรงบิด 240 นิวตันเมตรที่ 6000 รอบต่อนาที ซึ่งโดยรวมสมรรถนะเครื่องยนต์รุ่นล่าสุดนี้ขยับขึ้นมา 30%

ไม่เพียงขุมพลังเท่านั้นที่มีการปรับแต่งให้ Honda Civic Mugen Type R แต่ครั้งนี้ยังคงความเป็นเวอร์ชั่นแข่ง ด้วยการเสริมระบบช่วงล่างสปอร์ตปรับแต่งเฉพาะรุ่น เพิ่มสมรรถนะระบบเบรค และที่สำคัญนั้นคือชุดแต่งดีไซน์ไม่เหมือนใครดูทันสมัยและหล่อเหลากว่าทั่วไป ที่ยังคงสื่อถึงตัวตนของ Honda Civic Mugen Type R

ทั้งนี้แผนงานของ Honda Civic Mugen Type R 2.2 ยังไม่เป็นที่เปิดเผยว่าจะมีการวางจำหน่ายในจำนวนเท่าใด แต่จากรถที่ขายในปีที่ผ่านมาจำนวน 20 คัน ยังเหลืออีก 4 คันที่ยังไม่ได้จำหน่ายออกไป แต่ Mugen Euro ก็เปิดเผยว่าอาจจะใช้วิธีให้ทางเลือกลูกค้าเดิมมาอัพเครื่องยนต์ให้ขับสนุกมากยิ่งขึ้น

Mazda ปลื้ม Mazda 2 ติดลมบน ปรับออพชั่นยอดพุ่ง

มาสด้ายังยิ้มหลังปรับออพชั่นใน Mazda 2 ทำยอดพุ่งกอดคอรับตัวเลขรวม2460 คัน ตั้งเป้ายอดรวมปีนี้ฟัด 42,000 คัน

นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ปรับกลยุทธ์ใหม่ด้วยการปรับโฉมมาสด้า2 ให้มีสเปคที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาด ก็ได้รับการตอบสนองจากลูกค้าในทันที แม้ว่าจะอยู่ในช่วงของโลว์ซีซั่นก็ตาม โดยเดือนที่ผ่านมา Mazdaเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 34% ด้วยยอดรวมทั้งสิ้น 3,900 คัน แบ่งออกเป็น Mazda 2 ที่มียอดขายสูงสุดถึง 2,460 คัน เพิ่มขึ้น 39% เทียบกับเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา และรถสปอร์ตคอมแพ็คคาร์มาสด้า3 ทั้งรุ่น 2.0 ลิตรใหม่ และ 1.6 ลิตร มียอดขายสูงถึง 486 คัน เปลี่ยนแปลงลดเล็กน้อยเพียง 3 คัน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปี 2553 รถปิคอัพมาสด้า บีที-50 จำนวน 950 คันเพิ่มขึ้น 50% และรถสปอร์ตโรดสเตอร์ Mazda MX-5 จำนวน 3 คัน และร Mazda CX-9 1 คัน

"นอกจากนี้ ในช่วงของ 4 เดือนสุดท้ายปีนี้ มาสด้าได้เตรียมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ ไว้แบบครบครับ โดยเฉพาะการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่และรุ่นพิเศษออกสู่ตลาดทั้งรถเก๋งและรถปิคอัพ รวมทั้งการจัดแคมเปญพิเศษเพื่อขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจในรถยนต์มาสด้ามายาวนาน โดยเฉพาะกิจกรรมที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรง ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่เราวางไว้ที่ 42,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 20%"

ด้านนางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากการปรับโฉมมาสด้า2 รุ่นล่าสุด โดยมีเป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ และ ณเดชน์ คูกิมิยะ มาเป็นพรีเซนเตอร์มาสด้าได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ด้วยคุณภาพของตัวรถ รูปลักษณ์ดีไซน์ วัสดุที่นำมาประกอบ สมรรถนะการขับขี่ การประหยัดน้ำมัน รวมถึงการใส่อุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับราคาที่ปรับเพิ่มถือว่ารถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า2 เป็นยานยนต์ที่คุ้มค่าสุดในเซ็กเม้นท์เดียวกัน

ทั้งนี้ Mazda ยังมีแคมเปญสุดพิเศษ พร้อมเงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆ ที่เสริมเข้ามาช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจเป็นเจ้าได้ในทันที หลังจากที่ได้ทดลองขับรถยนต์มาสด้ามาแล้ว โดยเฉพาะผลการท้าพิสูจน์การขับรถยนต์มาสด้า2 จากกรุงเทพถึงภูเก็ต ด้วยน้ำมันเพียงถังเดียว 43 ลิตร เกินความคาดหมายด้วยการวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 919 กิโลเมตร