รีวิว Samsung Galaxy Note

พระเอกจากงาน IFA 2011 ประเทศเยอรมัน เจ้า Samsung Galaxy Note ที่ซัมซุงเคลมว่าเป็นอุปกรณ์พกพาแบบ All-in-one Device เครื่องเดียวใช้ได้แทบทุกประเภทงาน ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 5.3 นิ้ว ความละเอียดถึง 1,280 x 800 พิกเซล (นี่มันโน้ตบุ๊กชัดๆ)

หน้าตาโดยรวมของ Galaxy Note ใกล้เคียงกับการเอา Galaxy S II มาขยายร่างอีกเล็กน้อย เพิ่มสเปคอีกนิดหน่อย ดูสเปคทั้งหมดได้จากข่าวเก่า หรือสเปคจากเว็บไซต์ทางการซัมซุง

Galaxy Note วางขายแล้ว ณ ช็อปเอไอเอส และช็อปของซัมซุง สนนราคาที่ 22,900 สำหรับรุ่นความจุ 16GB

เกริ่นนำมาพอควรแล้ว รีวิวเลยละกันครับ

ฮาร์ดแวร์

อย่างบอกไว้ก่อน หน้าตาของ Galaxy Note เหมือนกับจับ Galaxy S II ออกมาขยายขนาดขึ้น ความหนาของตัวเครื่องเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 9.65 มม. หน้าจอขนาดมหึมาถึง 5.3 นิ้วแบบ HD Super AMOLED ให้สีสันสดใส (ส่วนตัวชอบมากกว่า Super AMOLED Plus ที่สีสดเกินไป) ด้านหน้ามีปุ่มให้กดได้จริงๆ ปุ่มเดียวคือปุ่ม Home ข้างๆ เป็นปุ่มแบบสัมผัสคือ Menu และ Back ด้านบนเป็นกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และเซนเซอร์ต่างๆ

วัสดุโดยรอบของ Galaxy Note เป็นพลาสติกเคลือบโครเมียมสีขลับดำ เป็นรอยยากพอสมควร ฝาหลังเป็นพลาสติกพิมพ์ลายเหมือนกับ Galaxy S II สามารถบิดงอได้พอสมควรโดยที่ไม่หัก วิธีการดึงฝาหลังออกใช้เล็บงัดเอา สำหรับคนเล็บสั้นจะลำบากหน่อย เวลาปิดก็ค่อนข้างยากเช่นกันต้องเล็งดูเขี้ยวให้ดีว่าลงล็อกไปแล้วหรือยัง ด้านบนเป็นกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED ส่วนมุมซ้ายล่างที่เห็นคือช่องใส่ปากกา S-Pen นี่ก็เอาออกมายากหน่อย ถ้าไม่มีเล็บ

ช่องเหนือปากกา S-Pen คือลำโพงช่องเล็กๆ แต่เสียงดังเกินตัวไปเยอะ

ด้านบนของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟังมาตรฐาน 3.5 มม.

ด้านล่างมีช่อง microUSB (ไม่มีฝาปิด) และด้านขวาคือปากกา S-Pen

ด้านซ้ายของตัวเครื่อง เยื้องไปทางด้านบนมีปุ่มปรับเสียง ส่วนปุ่มปิด/เปิดเครื่องยังอยู่ด้านขวาตามมาตรฐานซัมซุงรุ่นบนๆ เหมือนเดิม

แงะฝาหลังดูด้านในของตัวเครื่องพบถาดใส่ซิมการ์ด ข้างๆ คือช่องเสียบเมมโมรี่ microSD และแบตเตอรี่ความจุถึง 2,500 mAh เปรียบเทียบขนาดกับแบตเตอรี่ของ Galaxy S ก็ไม่ได้ใหญ่กว่ามากนัก (และไม่ได้ฝัง NFC ไว้ที่แบตเตอรี่เหมือนกับ Galaxy Nexus ด้วย)

ถึงคิวของปากกา S-Pen ที่ซัมซุงภูมิใจนำเสนอ มีฟังชั่นรองรับการกดได้ 128 ระดับเทียบเท่าคู่แข่ง แต่ไม่ต้องใส่แบตเตอรี่!! และ S-Pen นี้ไม่ได้เป็นปากกาสำหรับหน้าจอ Capacitive เหมือนกับที่เคยเห็นใน HTC Flyer และ Lenovo ThinkPad Tablet แต่คาดว่าใช้เทคโนโลยีจาก Wacom แทน จากการทดสอบพบว่าใช้ร่วมกับอุปกรณ์จอสัมผัสรุ่นอื่นไม่ได้

ขนาดของ S-Pen นั้นเล็กพอสมควร มีปุ่มสำหรับใช้งาน Gesture อยู่ด้านล่างของปากกา (ถ่ายมาไม่เห็น - -")

การใช้งานปุ่มบน S-Pen ร่วมกับฟังชั่น Gesture ตอนนี้มีอยู่สี่อย่างคือ กดแล้วลากไปทางขวาเพื่อ Back กดแล้วลากขึ้นบนเพื่อเรียก Menu กดค้างเพื่อแคปภาพหน้าจอ และกดปุ่มบนปากกาแตะหน้าจอสองครั้งเพื่อเรียก S-Memo lite

เปรียบเทียบขนาด

หลายคนอาจยังกะไม่ถูกว่าหน้าจอ 5.3 นิ้วนี่ใหญ่ขนาดไหน เรามาลองดูว่าถ้าถือบนมือเดียวจะพอกุมไหวไหม ? (นายแบบเป็นคนอวบพอสมควร)

เทียบกับรุ่นน้องอย่าง Captivate (Galaxy S ของสหรัฐฯ) หน้าจอ 4 นิ้ว และ iPod Touch (ตัวแทนไอโฟน) หน้าจอ 3.5 นิ้ว

เทียบความบางตัวเครื่อง ล่างคือ Galaxy Note (9.65 มม.) บนคือ Captivate (9.9 มม.)

ฝาหลังของ Galaxy Note บางมากเหมือนกับ Galaxy S II และสามารถทนการบิดได้ประมาณนี้ ...

ทีนี้ก็หมดส่วนของฮาร์ดแวร์แล้ว ต่อไปดูกันว่าซอฟท์แวร์ของ Galaxy Note นั้นมีอะไรน่าสนใจ และเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

ซอฟต์แวร์

Galaxy Note มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 2.3.5 พร้อมอินเทอร์เฟซครอบ TouchWiz 4.0 ตัวเดียวกับที่ใช้ในซัมซุงตัวท็อปรุ่นใหม่ๆ อย่าง Galaxy S II และ Galaxy R ดูรายละเอียดได้จากรีวิว Galaxy S II

สิ่งแรกที่เปลี่ยนไปอย่างแรกคือหน้าจอล็อกสกรีนคล้ายกับ Honeycomb ที่สามารถปลดล็อกจากจุดไหนของหน้าจอก็ได้ ด้วยการวางนิ้ว ตามด้วยลากออกจากวงกลม และยังสามารถแสดงผลสายที่ไม่ได้รับ ข้อความที่ยังไม่ได้อ่านได้ด้วย ต่อมาคือจำนวนบล็อกในหน้าแรก และ Drawer จากปกติสมาร์ทโฟนทั่วไปจะมี 4x4 ช่อง สำหรับ Galaxy Note ที่หน้าจอใหญ่-กว้างกว่าชาวบ้านกลายเป็น 5x5 ช่องไปแทน

Galaxy Note มาพร้อมกับแอพฯ ในชุด S-Pen อันได้แก่ S-Memo, S-Planner และ S-Choice ที่ปรับแต่งมาเพื่อให้ใช้งานร่วมกับปากกา S-Pen และสามารถทำงานร่วมกันได้ เริ่มที่ตัวแรกกับ S-Memo ก่อนเลย

วิธีการเรียกใช้งาน S-Memo มีสองแบบ แบบแรกคือกดที่ไอคอน S-Memo ที่ Favorite Bar ด้านล่าง และอีกวิธีคือใช้ S-Pen เรียก S-Memo lite ขึ้นมาด้วยการกดปุ่มที่ S-Pen แล้วแตะหน้าจอสองครั้ง

S-Memo ทำหน้าที่เหมือนกับเป็นตัวแทนของสมุดโน้ต ตั้งแต่ไว้ใช้จดบันทึกได้ทั้งผ่านการเขียนบนจอด้วย S-Pen และพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ด สามารถปรับแต่งชนิดของปากกา ขนาด สีของปากกา การเพิ่มภาพจากคลังภาพ Export ไฟล์ออกมาเป็น .PNG และเพิ่มไปยังแอพฯ ในกลุ่มอย่าง S-Planner ได้

อีกแอพฯ อย่าง S-Planner มีจุดที่เหนือกว่าแอพฯ Calendar มาตรฐานตรงที่สามารถสับเปลี่ยนมุมมองจากรายสัปดาห์ เป็นรายเดือน (รายวัน, รายปีก็ว่ากันไป) ได้ด้วยการกดปุ่มมุมขวาบน แล้วจะมีแท็ปขึ้นมาให้เลือก และสามารถย้ายอีเวนท์ง่ายๆ ด้วยการใช้นิ้วลากเลย

ตัวสุดท้ายอย่าง S-Choice เป็นแอพฯสำหรับแนะนำแอพฯที่น่าสนใจ อย่าง Galaxy Note ที่หน้าจอประหลาด และยังไม่มีแอพฯรองรับการใช้งานของ S-Pen มากนัก ในนี้มีแอพฯที่ใช้งานกับปากกาได้ทันทีอยู่หลายตัว (บางตัวดีกว่าแอพฯที่มาในเครื่องอีก)

นอกเหนือจากแอพฯในชุด S-Pen แล้วยังมีอีกสองแอพฯที่ประสบการณ์ใช้งานได้ดีขึ้นเมื่อมีปากกาคือ Photo Editor และ Movie Editor

Photo Editor นอกจากการปรับแต่งทั่วไปอย่างการปรับสี และใส่เอฟเฟก การใช้ปากกาเพื่อทำ Selection และวาดเพิ่มเติมทำได้ง่ายกว่าใช้นิ้วมาก

Movie Editor สามารถใช้ปากกาวาดลงไปบนวิดีโอได้เลย ปรับให้แสดงผลได้จากแถบสีฟ้าๆ (ถ้าใช้ปากกามาร์กไว้จะเปลี่ยนเป็นสีส้ม) เมื่อรวมกับฟังชันเดิมอย่างการใส่เสียง ใส่ภาพนิ่ง ฯลฯ ใช้ทำวิดีโอแบบง่ายๆ ได้ไว และง่ายมาก แอพฯทำงานได้รวดเร็วดี

ส่วนอื่นๆ

การรองรับสามจี

จากสเปคชีทระบุว่า Galaxy Note (รหัส GT-N7000) รองรับการเชื่อมต่อระดับ HSPA+ ความเร็วสูงสุด 21Mbps เท่ากับ Galaxy S II ทดลองใช้กับซิม AIS ขึ้นสัญลักษณ์ H+ สอบถามจากคนที่ใช้งานกับเครือข่าย Truemove H ก็ขึ้น H+ เช่นกัน ฟันธงว่าใช้งานได้กับทุกเครือข่ายในประเทศไทยครับ

มัลติทัช และเบนช์มาร์ค

มัลติทัชรองรับสูงสุดที่ 10 จุด แต่ไม่เสถียรนัก ใช้งานจริงอยู่ที่ประมาณ 6-7 จุด และมีปัญหาลากนิ้วอยู่แล้วหลุดไปเฉยๆ ระหว่างการใช้ Swype เป็นบางครั้ง (น่าจะแก้ที่ซอฟต์แวร์ได้) ผลเบนช์มาร์คด้วยแอพฯยอดนิยมอย่าง Quadrant Advance ได้คะแนนราว 3500-3800 จุด คะแนนไปสูงตรงซีพียู และ I/O เป็นหลัก

ประสิทธิภาพ

การใช้งานโดยรวมของ Galaxy Note เรียกได้ว่าเป็นแอนดรอยด์ที่ลื่นมากเคียงคู่กับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Galaxy S II ซึ่งต้องยกผลประโยชน์ให้กับชิป Samsung Exynos ความถี่สัญญาณ 1.4 GHz ที่ยังเป็นชิปตัวแรงต้นๆ ของตลาด การดูวิดีโอปราบเซียนอย่าง FullHD 1080 คุณภาพสูงสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล (แนะนำให้ใช้ร่วมกับแอพฯที่รองรับการทำงานดูอัลคอร์อย่าง MX Video Player)

การเชื่อมต่อ GPS

Galaxy Note รองรับทั้ง GPS และ GLONASS ใช้งานจริงสามารถจับตำแหน่งได้ภายในเวลาไม่เกิน 30 วินาที ในสภาพต่อสามจี ประสิทธิภาพดีในระดับใช้งานได้จริงแบบคนใช้งาน Galaxy S ลืมฝันร้ายจากวันวานเก่าไปได้เลย

การใช้งาน/พกพาทั่วไป และแบตเตอรี่

ด้วยขนาดที่ใหญ่เกินมือถือทั่วไป ทำให้ Galaxy Note นับเป็นรุ่นที่พกพาได้ยากรุ่นนึง สำหรับผู้หญิงคงพอเก็บไว้ในกระเป๋าได้ แต่สำหรับผู้ชายที่ใส่กางเกงรัดหน่อย อาจจะยัดไม่ลงเลยก็ได้ รวมถึงการออกแบบให้เครื่องมีด้านกว้างพอสมควร (ราว 9 ซม.) ทำให้การใช้งานเครื่องด้วยมือเดียวจะลำบากพอตัว สำหรับคนมือเล็กอาจเอื้อมไปกดอีกด้านของจอไม่ได้ หรือเลื่อน Notification Bar ไม่ได้ อันนี้ต้องไปลองจับเครื่องจริงดูครับ

แบตเตอรี่ของ Galaxy Note เรียกเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งเลยก็ได้ ด้วยขนาดมโหฬารที่สุดแล้วถึง 2,500 mAh สามารถใช้งานพ้นวันอย่างสบายๆ จากการทดสอบสามารถใช้งาน tethering สามจีได้เกิน 5 ชั่วโมง และรันวิดีโอทิ้งไว้ได้ราว 8 ชั่วโมงด้วยกัน

กล้อง/วิดีโอ

กล้องของ Galaxy Note ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลโดยฟังชั่นแล้วเท่าเทียมกับ Galaxy S II ทุกประการ แต่จากการใช้งานจริงพบว่ายังมีบางจุดที่ยังไม่ดีพอคือความเร็วชัตเตอร์ยัง ช้าเกินไป และไม่สัมพันธ์กับหน้าจอ สำหรับคนที่ยังไม่ชินน่าจะทำให้ถ่ายวืดไปได้หลายครั้งถึงจะรู้ตัว - -"

การถ่ายภาพพร้อมเปิดแฟลช: แฟลชของ Galaxy Note ถือว่าพอเหมาะ ใช้งานหวังผลในระยะ 1-2 เมตร เปิดโหมดอัตโนมัติแล้วยิงแฟลชไม่ทำให้สีเพี้ยนมากนัก ดูเทียบได้เลย (บนปิดแฟลช/ล่างเปิดแฟลช)

แต่ว่าการถ่ายรูปด้วยหน้าจอขนาดใหญ่แบบนี้มันเจ๋งจริงนะ เต็มตาดี :D

สรุป

ข้อดี

  • หน้าจอใหญ่ สีสันสดใส สามารถอ่านไฟล์ PDF ใหญ่ๆ เล่นเว็บได้โดยไม่ต้องซูม
  • งานประกอบ และวัสดุอยู่ในเกณฑ์ดี อาจไม่สมราคาไปบ้าง แลกกับน้ำหนักตัวเครื่องที่กำลังพอดี
  • แบตเตอรี่อึดมาก ถ้าใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานข้ามวันโดยไม่ชาร์จได้สบายๆ
  • S-Pen ประยุกต์ใช้กับแอพฯ ได้ดี และน่าจะดีขึ้นหลังปล่อย S-Pen SDK
  • รองรับสามจีทุกค่ายในประเทศไทย

ข้อเสีย

  • ตัวเครื่องบานไป ถือมือเดียวให้มั่นคงได้ยาก และเหมาะกับการใช้งานสองมือมากกว่า
  • ปุ่มบนปากกา S-Pen อยู่ด้านล่างของปากกา และกลืนไปกับตัวปากกา กดยาก หายาก
  • กล้องยังไม่ดีพอ เทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Galaxy S II
  • ฝาหลังปิดยากมาก
  • ขนาดหน้าจอไม่มาตรฐาน ใช้แอพฯได้น้อยกว่ารุ่นอื่น

จากการใช้งานระยะสั้นๆ พอจะบอกได้ว่า Galaxy Note ใกล้เคียงกับคำที่ซัมซุงเคลมไว้ว่าเป็น All-in-one Device เหมาะสำหรับคนที่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะใช้สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตดี ราคาเปิดตัวอาจจะแพงไปหน่อยที่ 22,900 บาท แต่สิ่งที่เพิ่มมาจาก Galaxy S II คือชิปประมวลผลไวขึ้น (1.2 GHz เป็น 1.4 GHz) หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น ละเอียดขึ้น ปากกา S-Pen และแบตเตอรี่ใหญ่กว่าเดิมถึง 1000 mAh แต่พกพายากขึ้นนะ

New! Ford Ranger ท้าพิสูจน์ความประหยัดถังเดียวไปไกล 1673 กิโลเมตร

ค่ายรถยนต์ ford ส่งว่าที่กระบะใหม่ท้าพิสูจน์ความประหยัดโดยสามารถขับได้ระยะทางถึง 1,673 กิโลเมตรด้วยการเติมน้ำมันเพียงถังเดียว มีอัตราประหยัดน้ำมันเฉียด 20 กิโลเมตรต่อลิตร บนเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-พัทลุง

การทดสอบประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการนำเสนอรถที่มีอัตราการประหยัด น้ำมัน โดยการทดสอบในครั้งนี้ ได้เชิญ ผู้สื่อข่าวที่ได้รับการยอมรับ 4 ท่าน จากนิตยสารฟอร์มูล่า กรังปรีซ์ แหล่งรถยนต์ และสยามรัฐ รายสัปดาห์ ได้ร่วมทำการทดสอบความประหยัดน้ำมันของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่บริษัทกำหนดขึ้น โดยการทดสอบครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร. สายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย-เยอรมัน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ร่วมสังเกตการณ์และประเมินผล

ทดสอบประหยัด  New! Ford Ranger

ในการทดสอบ ผู้สื่อข่าวทั้ง 4 คนได้แบ่งออกเป็น 2 คู่ โดยคู่แรกขับฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นโอเพ่นแค็บ 2.2 ลิตร XLT 4x2 และ อีกคู่หนึ่งขับฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นดับเบิลแค็บ 2.2 ลิตร XLT ไฮ-ไรเดอร์ โดยรถทั้งสองรุ่นติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ระหว่างการเดินทางซึ่งใช้เวลาในการทดสอบต่อเนื่องกัน 3 วัน ผู้ขับและผู้โดยสารในรถทั้งสองคันสามารถผลัดกันขับได้ตามความเหมาะสมตลอด เส้นทาง

หลังจากที่เติมน้ำมันจนเต็มถัง ณ จุดเริ่มต้นของการเดินทางจากกรุงเทพฯ ถังน้ำมันของรถได้ถูกปิดผนึกอย่างหนาแน่นก่อนจะเปิดเครื่องปรับอากาศที่ ตำแหน่งหมายเลข 2 และล็อกตำแหน่งดังกล่าวไว้ตลอดการเดินทาง รถทั้ง 2 คันเติมลมยางในระดับที่เหมาะสมสำหรับการขับแบบประหยัด หรือ Eco-mode ตามที่ระบุไว้ในคู่มือประจำรถ ขณะที่ผู้ขับขี่จะต้องรักษาระดับความเร็วเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตลอดการเดินทางบนเส้นทาง

ผลของการทดสอบขับ:

เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นโอเพ่นแค็บ 2.2 ลิตร XLT 4x2 เกียร์ธรรมดา 19.47 กิโลเมตร/ลิตร

เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นดับเบิลแค็บ 2.2 ลิตร XLT ไฮ-ไรเดอร์ เกียร์ธรรมดา 18.18 กิโลเมตร/ลิตร

เส้นทาง: ผสมผสานการขับทางไกลและการขับในเมือง จากกรุงเทพฯ-พัทลุง-กรุงเทฯ

ความเร็ว: ความเร็วเฉลี่ย 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตลอดการเดินทาง

ระบบปรับอากาศ: ระดับความเย็นที่ 2 - เปิดแอร์ตลอดการขับขี่โดยล็อกปุ่มปรับความเย็นไว้

ฝาถังน้ำมัน: ปิดผนึกหนาแน่นตลอดเส้นทาง

ลมยาง: เติมในระดับที่เหมาะสมกับการขับแบบประหยัด (Eco-mode) ตามที่ระบุในคู่มือฯ

น้ำหนักบรรทุก: ผู้โดยสาร 2 คน (พร้อมกระเป๋าขนาดเล็ก 2 ใบ)

นาย สาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานฝ่ายการตลาด การขาย และการบริการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า ผลการทดสอบอย่างเป็นอิสระในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการประหยัด น้ำมันที่เหนือชั้นของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ฟอร์ดมีความมุ่งมั่นในการพลิกโฉมหน้าทางธุรกิจจากการดำเนินงานภายใต้แผน One Ford ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีเยี่ยม ซึ่งรวมถึงการมีความสามารถในการประหยัดน้ำมันที่เหนือชั้น

ทดสอบประหยัด  New! Ford Ranger

ทั้งนี้ เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ 2.2 ลิตร วีจี เทอร์โบ ของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ให้แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร และให้กำลัง150 แรงม้า ใช้เทอร์โบแปรผันควบคุมแรงดันอากาศได้อย่างแม่นยำ ให้แรงบิดสูงในรอบต่ำ ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ระบบส่งกำลังของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มีตัวเลือกระบบส่งกำลังทั้งแบบเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด สำหรับเกียร์อัตโนมัติ ผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบในการขับได้อย่างหลากหลาย ยังสามารถปรับการทำงานให้เหมาะกับสไตล์ของผู้ขับขี่ได้ด้วยระบบจดจำรูปแบบ การขับขี่ หรือ Driver Recognition ซึ่งจะคำนวณการขับขี่ในปัจจุบันและบันทึกสถิติการเหยียบคันเร่งและเบรก รวมทั้งความเร็วที่ใช้ในการเข้าโค้ง เพื่อให้ระบบส่งกำลังเลือกเกียร์ได้อย่างถูกต้อง


จำนวนการดูหน้าเว็บรวม