ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า ใหม่:รวมความทันสมัยและคลาสสิก

พร้อมแล้วสำหรับปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) ที่สร้างตำนานให้กับวงการรถสปอร์ตมาอย่างต่อเนื่องกว่า 48 ปี และถึงเวลาที่จะมาอวดโฉม 911 รุ่นใหม่ล่าสุดที่มากับรูปลักษณ์ที่สดใหม่ได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการสู่สายตาชาวโลกที่ IAA แฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2011 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-25 กันยายนนี้

โดยการออกแบบใหม่นี้ทำตามไอคอนความเป็นสปอร์ต ไฟหน้าที่โฉบเฉี่ยว ตัวถังที่ยาวขึ้นและดีไซน์ที่ได้รับการลงรายละเอียดในทุกชิ้นส่วน หากแต่ยังคงความเป็น 911 ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่นุ่มนวลหากแต่ดูแล้วเต็มไปด้วยขุมพละกำลังและความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์นั่นเอง

ฐานล้อได้รับการขยายให้กว้างขึ้นกว่า 100 มิลลิเมตร หรือประมาณ 3.9 นิ้ว และลดระดับตัวรถให้ต่ำลงเพื่อรับกับการติดตั้งล้อ 20 นิ้วได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความโดดเด่นให้กับรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันรูปลักษณ์ภายนอกยังคงไว้ซึ่งความกระทัดรัดตามรูปแบบความเป็นรถยนต์สปอร์ตทุกประการ

การออกแบบหน้ารถให้ดูมีมิติที่กว้างขึ้นช่วยสร้างความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจน การเพิ่มความกว้างให้กับด้านหน้ารถทำให้ 911 คาร์เรร่า ใหม่ล่าสุดคันนี้ สามารถทรงตัวอยู่บนถนนได้อย่างดีเยี่ยม กระจกมองข้างได้รับการออกแบบใหม่ โดยติดตั้งเข้ากับด้านบนของประตูรถ ซึ่งช่วยให้เกิดทัศนะวิสัยในการมองที่ดีขึ้นและความสมดุลตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดียิ่งกว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงการออกแบบที่ลงตัวและสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นอีกด้วย

911 คาร์เรร่าใหม่ล่าสุดมาพร้อมกับตัวรถที่มีน้ำหนักเบาและทำจากเหล็กอลูมิเนียมที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม ส่งผลให้น้ำหนักตัวรถลดลงกว่า 45 กิโลกรัม ตัวรถมีความกว้างขึ้นและสปอร์ยเลอร์หลังได้รับการขยายเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรถยนต์ให้สมดุลตามหลักอากาศพลศาสตร์ให้ได้มากที่สุด อีกทั้งยังส่งผลให้การยกตัวที่เกิดจากลมทางด้านล่าง ลดลงในขณะที่รักษาสัมประสิทธิ์ความเสียดทาน Cd ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

เพื่อความลงตัวและเข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกที่มีความทันสมัย นักออกแบบของปอร์เช่จึงนำรูปแบบภายในของคาร์เรร่า จีที (Carrera GT) มาใช้เป็นไอเดียในการออกแบบภายในห้องโดยสารหรือภายในตัวรถ การออกแบบห้องโดยสารในรูปแบบนี้ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณต่อคอนโซลกลางที่ได้รับการออกแบบให้เชื่อมต่อไปจนถึงคอนโซลทางด้านหน้า ตำแหน่งของก้านเกียร์และคันเกียร์ได้รับการปรับเปลี่ยนให้อยู่สูงขึ้นและใกล้กับพวงมาลัยให้มากขึ้นตามรูปแบบของความเป็นมอเตอร์สปอร์ต

ขณะที่ความคลาสสิคของปอร์เช่ยังได้รับการเติมแต่งเข้าไปในห้องโดยสารอย่างครบครัน อาทิเช่น หน้าปัดรถที่มีห้าวง หนึ่งในนั้นเป็นหน้าจอที่มีความละเอียดสูงและแสดงผลการทำงานได้หลายระบบซึ่งจะติดตั้งอยู่ตรงกลางเพื่อแสดงผลของรอบเครื่องยนต์

สำหรับขุมพลังของ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) ใหม่จะมีพลังสูงสุดถึง 350 แรงม้า เครื่องยนต์ขนาด 3.4 ลิตรแบบลูกสูบเรียงนอน หากติดตั้งระบบเกียร์ PDK เสริมเข้าไปจะทำให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต่ำเพียงแค่ 8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (ตามรูปแบบวงจรการขับขี่ในยุโรปหรือ NEDC) ซึ่งถือได้ว่าลดลงจากรุ่นก่อนถึง 1.6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรเลยทีเดียว อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์นั้นอยู่ที่ 194 กรัม/กิโลเมตรเท่านั้น และถือได้ว่าเป็นรถสปอร์ตปอร์เช่คันแรกที่สามารถสร้างอัตราการปล่อยมลพิษได้ต่ำกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร

ส่วนของรุ่น คาร์เรร่า เอส มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตร เครื่องยนต์ลูกสูบเรียงนอนซึ่งมีขุมพลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 400 แรงม้า หากติดตั้งระบบเกียร์ PDK เสริมเข้าไปนั้น อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงจะลดลงถึง 14% หากเทียบกับรุ่นเดิม นั่นคือลดลง 1.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ทำให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่แค่เพียง 8.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ในขณะที่กำลังของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นถึง 15 แรงม้า ส่วนอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 205 กรัมต่อกิโลเมตร

ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ของทั้งสองรุ่นยังได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม นั่นคือรุ่นคาร์เรร่า เอส ที่ติดตั้งระบบเกียร์ PDK จะสามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียงแค่ 4.3 วินาที และหากติดตั้งอุปกรณ์เสริม Sport Chrono Package และเลือกกดปุ่ม สปอร์ต พลัส (Sport Plus button) จะทำให้ลดเวลาลงเหลือแค่เพียง 4.1 วินาทีเท่านั้นสำหรับรุ่นคาร์เรร่า ที่ติดตั้งระบบเกียร์ PDK มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 4.6 วินาที และโหมดสปอร์ต พลัส ใช้เวลา 4.4 วินาที

911 ใหม่ล่าสุดนี้ไม่เพียงแค่มีประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น หากแต่ยังเพิ่มความคล่องตัวและความว่องไวในการขับขี่ได้มากขึ้นอีกด้วย นอกเหนือจากฐานล้อที่ขยายใหญ่ขึ้นแล้ว การยึดเกาะถนนยังเพิ่มมากขึ้น และเน้นในเรื่องของความแม่นยำและการทรงตัวที่ดีเยี่ยมด้วยเช่นกัน อีกทั้งความกว้างของด้านหน้ารถที่ขยายเพิ่มขึ้นรวมถึงเพลาด้านหลังที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่และระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแบบ electro-mechanic อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกติดตั้งระบบและอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมได้เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับรถมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการควบคุมการทรงตัวหรือ ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) สามารถเลือกติดตั้งให้กับรุ่น 911 คาร์เรร่า เอส ได้เป็นครั้งแรกอีกด้วย ระบบนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความคล่องตัวให้กับรถมากขึ้น เช่น การลดความโน้มเอียงทางด้านข้างขณะเข้าโค้ง ล้อจะอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมจึงสามารถทำงานได้อย่างเต็มพิกัดและสามารถส่งผ่านแรงดันทางด้านข้างได้มากที่สุด จึงเพิ่มความเร็วขณะเข้าโค้งได้ทำให้สามารถทำเวลาในสนามแข่งได้เร็วยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

สรุปได้อย่างชัดเจนว่ารถรุ่นใหม่ล่าสุดจากปอร์เช่คันนี้ได้มีการพัฒนาทั้งรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและลงตัวมากยิ่งขึ้นผสมผสานเข้ากับประสิทธิภาพและสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้น และเต็มไปด้วยความเป็นสปอร์ตที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัวตามรูปแบบของความเป็นปอร์เช่ 911 ทุกประการ โดยพร้อมเฉลิมฉลองและเปิดตัวสู่สายตาชาวโลกอย่างเป็นทางการที่งานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2011 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-25 กันยายนนี้ และจะเปิดตัวอีกครั้งพร้อมกันในวันที่ 3 ธันวาคม 2011

สำหรับประเทศไทย 911 คาร์เรร่า สนนราคาเริ่มต้นที่ 12,650,000 บาท และ 911 คาร์เร่ร่า เอส สนนราคาเริ่มต้นที่ 14,500,000 บาท

คลิปนี้..คลิปเดียว...เชื่อสิมีมากกว่า 10000 แรงม้า

ถ้าใครที่ชื่นชอบรถสปอร์ตแล้ว คงจะหลงใหลจนอดที่จะไปจ้องเรือนร่างงามๆของรถยนต์ระดับซุปเปอร์คาร์ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงยานยนต์ชั้นนำที่มารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย


เชื่อได้เลยว่านี่คืออีกหนึ่งคลิปวีดีโอสุดยอดที่สุดของการรวมซุปเปอร์ชั้นนำที่มีตั้งแต่รุ่นใหม่ล่าสุดยันรุ่นลายคราม มีตั้งแต่ Bentley ,Ferrari,Lambroghine ยัน Bugatti ที่เชื่อได้เลยว่างานมีมากกว่า 10,000 แรงม้าแน่นอน




Ford Focus Econetic Technology… 40 กิโลเมตรต่อลิตรใกล้แค่เอื้อม

ถามใครทั่วโลกที่ใช้รถยนต์ทุกวันนี้แม้เราหลายคนจะบ่นว่าน้ำมันแพงจนแทบอยากจะจอดรถทิ้งไว้บ้านแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ครับว่ารถยนต์ให้อะไรหลายอย่างที่ลงตัวกับชีวิต ที่ในขณะเทคโนโลยีใหม่กำลังก้าวเดิน แต่ Ford ก็สรรสร้างไอเดียใหม่ๆ เพื่อความประหยัดที่มากขึ้น

หลายเดือนที่ผ่านมา Ford ได้เคยมีการอวดโฉม ford focus ใหม่ภายใต้แนวคิดความประหยัดที่ได้ชื่อว่า Econetic Technology แต่ที่น่าตกใจคือล่าสุดก่อนงาน frankfurt auto show ที่จะเริ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้านี้ เรากลับได้ข้อมูลมาว่า Ford Focus Econetic Technology จะประหยัดมาขึ้นถึง 2.8 ลิตร / 100 กิโลเมตร หรือ เฉียดๆ 40 กิโลเมตรต่อลิตรเลยทีเดียว

Ford Focus Econetic Technology

ฟังดูอาจจะเหมือนโม้แต่จากคราวที่แล้ว ford ได้กลับไปทำการปรับแต่งให้ ford Focus Econetic สามารถตอบสนองได้มากยิ่งขึ้น ที่คราวนี้จะมาพร้อม 3 ทางเลือก ตั้งแต่เครื่องยนต์ Ford Ecoboost 1.0 turbocharge 3สูบ ,เครื่องยนต์ Ecoboost 1.6 ลิตร และทรงความประหยัดที่สุดคือ เครื่องยนต์ดีเซล Duratorq 1.6 ลิตร

แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ออกมาแต่ก็มีการออกปากเคลมเลขประหยัดที่ 2.8 ลิตร /100 กิโลเมตร แน่นอน พร้อมการปล่อยไอเสียที่ต่ำเพียง 89 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเผาไหม้ที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ และยังมีระบบ start/Stop Technology เสริมเข้ามา รวมถึง Regenerative Braking ช่วยให้ความร้อนไม่เปล่าประโยชน์มาใช้ชาร์จไฟเข้าแบตเตอร์รี่ได้ และที่สำคัญยังมีการดักก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ ทำให้เครื่องยนต์สามารถทำงานด้วยส่วนผสมที่เบาบางมากขึ้นด้วย

Ford Focus Econetic Technology

นอกจากการปรับปรุง Ford Focus Econetic Technology แล้ว การบินตรงสู่งาน Frankfurt ในสัปดาห์หน้านี้ ford จะโชว์ Ford Fiesta Econetic Technology ที่จะมีอัตราประหยัด 2.7 ลิตร /100 กิโลเมตร แต่ปล่อยไอเสียเพียง 87 กรัม/กิโลเมตรเท่านั้น

ทั้งนี้ Econetic Technology จะมีให้เลือกเป็นออพชั่นเสริมในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ยุโรปที่ Ford หวังว่ามันจะถูกใจลูกค้ากว่าครึ่งในตลาดดังกล่าว

เฟียสต้า ใหม่ ยังแรงดันยอดขายฟอร์ดพุ่ง 209 เปอร์เซ็นต์

ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ ยังแรงดันยอดขายฟอร์ด ประเทศไทย ในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 209เปอร์เซ็นต์ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 2,676 คัน นับเป็นยอดขายประจำเดือนสิงหาคมที่ระดับสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของฟอร์ด

ฟอร์ด เฟียสต้า ใหม่ รถ ประสบความสำเร็จในการครองใจลูกค้าจำนวนมากที่ไม่เคยใช้รถฟอร์ดมาก่อน และยังครองตำแหน่งรถยนต์รุ่นที่ขายดีที่สุดของฟอร์ดในประเทศไทยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยยอดขายรวม 1,620 คัน และยังสะท้อนการเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มีการแข่งขันสูงมากในประเทศไทยได้อย่างโดดเด่น โดยตลอดช่วง 12 เดือนแรกของการวางจำหน่าย เฟียสต้า ใหม่ มียอดขายปลีกในประเทศไทยรวม 18,000 คัน

นายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานฝ่ายการตลาด การขาย และการบริการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า "เฟียสต้ายังคงผลักดันยอดขายต่อเดือนของเราในปีนี้ให้มีการเติบโตอย่างน่าอัศจรรย์ นับเป็นการตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญของเฟียสต้าในการพลิกโฉมทางธุรกิจของฟอร์ดและแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จจากการทำงานภายใต้แผนกลยุทธ์ One Ford ของเรา"

นอกจากนี้ ยอดขายรถฟอร์ดประจำเดือนสิงหาคมที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ยังเป็นผลมาจากยอดขายรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ ที่เติบโตขึ้นถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ 748 คัน

ฟอร์ด โฟกัส มียอดขายปลีกในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าประทับใจเช่นกัน โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 64 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อนหน้าที่ 197 คัน

ด้านยอดขายรวมของฟอร์ดตลอดช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 269 เปอร์เซ็นต์ ที่ 20,514 คัน โดยยอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการที่รถฟอร์ดทุกรุ่นได้รับความนิยมมากขึ้น โดยฟอร์ด เรนเจอร์ มีการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้น 49 เปอร์เซ็นต์ โฟกัส เพิ่มขึ้น 44 เปอร์เซ็นต์ เอเวอเรสต์และเอสเคป เพิ่มขึ้นกว่า 3 และ 2 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ

"ยอดขายในระดับที่น่าประทับใจเหล่านี้นับเป็นเครื่องยืนยันว่ารถฟอร์ดทุกรุ่นที่เราวางจำหน่ายสามารถตอบสนองต่อทุกความต้องการและการใช้งานของผู้ขับขี่ในประเทศไทย ที่ชื่นชอบความมีคุณภาพ ความปลอดภัย การประหยัดน้ำมัน และเทคโนโลยีที่ทันสมัย" นายสาโรช กล่าว

มือสองน่าสน : Toyota Corolla สามห่วง..ที่สุดมือสองของคำว่าครอบจักรวาล

มื่อพูดถึงรถยนต์มือสองที่มีอยู่มากมายหลายรุ่นแล้วเราปฏิเสธไม่ได้ครับว่ารถยนต์มือสองต่างก็มีปัจจัยที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อหรือไม่ มากมายไม่แพ้รถยนต์ใหม่ป้ายแดง ซึ่งหากรถคันนั้นสามารถตอบโจทย์ได้มากกว่า 1 ข้อ มันก็คงคุ้มค่าน่าคบหา

Toyota Corolla นับเป็นรถยนต์รุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่งตั้งแต่รุ่นพ่อ ยันรุ่นลูกที่วันนี้เราอาจจะไม่คุ้นชื่อ Corolla อีกต่อไป หลังจากเปลี่ยนเป็น Altis ให้เป็นมุขขำๆกันบนท้องถนนว่า "รถอะไรเล็กที่สุดในโลก" แต่ถ้าคุณงบน้อยต้องการรถคุ้มค่า Toyota Corolla ปี 1992-1995 ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจและไม่ควรมองข้าม

1995 Toyota Corolla

หลายคนมักจะเรียก Toyota Corolla รุ่นนี้ว่า โตโยต้าสามห่วงตามภาษาคนไทย "ไลค์" ชื่อเล่น ซึ่งสาเหตุนั้นก็มาจาก Toyota เริ่มแนะนำโลโก้ตัวใหม่ในช่วงดังกล่าวที่ใช้ยาวจนถึงปัจจุบันที่สังเกตดีๆ มันเป็นวงกลม 3 อันซ้อนกันอยู่ภายใน

ตัวรถแนะนำออกมาภายใต้เรือนร่างแบบคอมแพ็คคาร์ตามสมัยนิยมในยุคนั้น โดยรถรุ่นนี้เริ่มผลิตเมื่อเดือนมิถุนายนปี 1991 ก่อนนำเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย ด้วยการนำเอาความเหนือชั้นเข้ามาผนวกที่บอสใหญ่ค่ายสามห่วงในยุคนั้น นาย อะกิฮิโกะ ไซโตะ มีแนวคิดในการทำให้คอมแพ็คคาร์ธรรมดาหรูระดับเดียวกับ Lexus และเป็นครั้งแรกที่รถรุ่นนี้ขยับขึ้นมาในกลุ่มรถยนต์ C-Car อย่างจริงจัง และขยับ Corona ไปอยู่กลุ่มรถซีดานกลาง

การออกแบบที่เรียบง่ายตามยุคสมัยผสานเส้นสายความสปอร์ตเล็กน้อยที่ส่วนหนึ่งมาจากรถรุ่นนี้มีรุ่นสปอร์ตที่เรียกว่า "sprinter Trueno" แต่ที่เอาเข้ามาขายในไทยนั้นส่วนใหญ่เป็นรถรุ่น 4 ประตู มาพร้อมความยาว 4369 ม.ม. กว้าง 1684 ม.ม. และสูง 1359 ม.ม. สามารถตอบสนองได้อย่างลงตัว

1995 Toyota Corolla

ด้านเครื่องยนต์ก็มีให้เลือกมากมาบตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.3 ,1.5 และ 1.6 ลิตร ตามลำดับ ตอบสนองการขับขี่ได้ตั้งแต่ 99 ,104 และ 113 แรงม้า ที่ถือว่าค่อนข้างทรงพลังพอตัว แม้เครื่อง 1.3 ลิตร มักจะถูกบ่นว่าอืดแต่มันก็ขับสบายสุดด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ตามยุคสมัย

ข้อดีของ Toyota Corolla 3ห่วงนั้น มีจุดเด่นที่การดูแลรักษาที่ง่ายมากและไม่วุ่นวาย โดยเฉพาะอะไหล่ยังมีเยอะมากแม้รถจะผ่านมานานกว่าเกือบ 20 ปี หรือถ้าเบื่อชิวอยากแรงหางบประมาณสัก 40,000 บาท วางเครื่องใหม่ก็แรงได้ง่ายๆ ไร้ปัญหา แถมราคาค่าตัวค่าผ่อนก็ไม่แพงบางแห่งปล่อยฟรีดาวน์ไปเลยก็มี ที่เริ่มต้นที่ 100,000 ยัน 2 แสนบาทกลางๆเท่านั้น

1995 Toyota Corolla

อย่างไรก็ดีปัญหาในการเลือกซื้อ Toyota Corolla สามห่วงนั้นมีปัญหาอยู่เล็กน้อยที่สภาพรถ เนื่องจากรถหลายคันในตลาดนั้นเป็นรถแท็กซี่มาก่อนหน้า ทำให้มักเจอรถสภาพแย่มาก็เยอะ เช่นเดียวกับตัวถังที่อาจจะเจอสนิมตามอายุการใช้งานก็เป็นไปได้

ทั้งนี้ toyota สามห่วงนับว่าเป็นรถยนต์ที่ค่อนข้างคุ้มค่าโดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังมองรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์ทางด้านราคาและการดูแลรักษา ส่วนสมรรถนะก็พอใช้ไม่ได้หวือหวาอะไรมากมาย มันก็เป็นทางออกที่ดีที่ไม่ควรมองข้ามไปเลยจริงๆ

ทันทุกข้อมูลก่อนใครบน FB..แค่คลิ๊กที่นี่เลยถ้าเพื่อนๆ คนใดคลิ๊กแล้วไม่ต้องคลิ๊กซ้ำนะครับ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม