ช่วงนี้หากพูดถึงวงการยานยนต์ในประเทศไทยแล้ว คงไม่มีอะไรจะคึกคักไปมากกว่าการเปิดนโยบาย “รถคันแรก” ของภาครัฐบาลที่ให้ส่วนลดทางภาษีสรรพสามิตกับผู้ที่ซื้อรถ ด้วยเพียงเงื่อนไขซื้อรถคันแรก โดยผู้ซื้อมีอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี และต้องครอบครอง 5 ปี เมื่อครบขวบแรกก็รับเงินภาษีคืนได้สูงสุด 1 แสนบาท ซึ่งหลังจากที่รัฐออกมายืนยันแล้วว่านโยบายรถคันแรกจะใช้เกณฑ์เดิม ซึ่งแนวนโยบายนี้ ก็ทำให้หลายคนต่างฮึกเหิมที่อยากจะมีรถยนต์เป็นของตัวเอง ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับความสะดวกสบายในการเดินทางตอบสนองประชาชน แต่ความจริงแล้ว “รถคันแรก” อาจเป็นนโยบายชั่วครู่ชั่วยามที่อาจจะไม่ช่วยใครอย่างแท้จริง หากพูดถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ซึ่งก็เป็นที่น่าแปลก แต่ค่ายรถยนต์รายใหญ่ชั้นนำจากอเมริกา 2 ค่ายต่างมีความเห็นที่ค่อนข้างคล้ายกันในเรื่องแนวนโยบาย “รถคันแรก” ที่อาจจะไม่ถึงกับไม่เห็นด้วย แต่มองว่าภาครัฐน่าจะมีความจริงใจในการดำเนินนโยบาย โดยเฉพาะในระยะยาว ซึ่งจะทำให้ค่ายรถยนต์ทุกเจ้ามีการเจริญเติบโตทางด้านยอดขายอย่างแท้จริง และไม่สร้างอุปสงค์เทียมที่จะหายไปเมื่อนโยบายหรือรัฐบาลหมดวาระ เครือ Genneral Motor ถือเป็นกลุ่มบริษัทแรกที่ออกมาตอบเรื่องการดำเนินนโยบายของรัฐบาล โดยร่อนจดหมายแถลงการณ์ ที่เห็นว่า กรอบเวลาการดำเนินนโยบายของภาครัฐบาลอาจจะไม่บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้ตั้งเอาไว้ ด้วยกลวิธีที่ค่อนข้างซับซ้อนในทางปฏิบัติ GM เห็นว่ารัฐควรเดินทางตามนโยบาย “เก่าแลกใหม่” ซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้วในหลายๆ ประเทศโดยผู้บริโภคจะได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากภาครัฐ เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้บริโภคเป็นเจ้าของรถใหม่ได้ง่ายขึ้น นโยบายแนวดังกล่าวจะกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน อีกทั้งยังเป็นการควบคุมมลภาวะที่เกิดจากรถเก่า ก่อนหน้านี้นาย มาร์ติน แอฟเฟิล บอสใหญ่ GM Thailand และ Chevrolet ประเทศไทย ก็เคยได้แสดงความคิดเห็นบนเวทีท่ามกลางงานแถลงข่าวว่า นโยบายเก่าแลกใหม่ หรือ Fleet Modernize นั้นเป็นนโยบายที่ใช้ได้ผลมาแล้วทั่วโลก โดยกำหนดอายุรถยนต์ที่ใช้ในการขับขี่ให้มีความใหม่อยู่เสมอ และยังช่วยในการกำหนดมาตรฐานสิ่งแวดล้อมในสังคม ซึ่งต่างประเทศให้ความชัดเจนมากในการกำหนดอายุยานยนต์ ที่น่าจะถึงเวลาแล้วสำหรับเมืองไทย “การควบคุมอายุรถยนต์บนถนน จะทำให้ท้องถนนมีแต่รถใหม่ในช่วงอายุการใช้งานที่กำหนด แต่ไม่ได้หมายความว่า จะไม่สามารถขับรถเก่าคันโปรดได้ เพียงแต่อาจจะต้องเจอภาษีที่มากกว่าคนอื่นๆ ซึ่งใช้ถนนเหมือนกัน เพราะเมื่อคุณไม่ปฏิบัติตามวิธี ก็ย่อมที่จะมีอย่างอื่นเข้ามาเพื่อชดเชยคนอื่นที่ปฏิบัติตาม” แนวทางนี้คุณ มาร์ติน กล่าวว่า มันไม่เพียงจะช่วยลดมลภาวะบนท้องถนนเท่านั้น แต่รถใหม่ยังหมายถึงเทคโนโลยีการออกแบบที่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในส่วนของผู้ใช้นั้นจะทำให้มีการประหยัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสม ส่วนภาคอุตสาหกรรมยานยนต์เองในฐานะผู้ผลิตก็ได้รับกำลังอานิสงค์เรื่องยอดขายที่น่าจะช่วยให้ได้รับผลอย่างยั่งยืน อีกค่ายรถยนต์ที่ดูจะไม่ชอบใจเท่าไรนักกับนโยบาย “รถคันแรก” คงหนีไม่พ้น Ford Motor Company ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกากลับมองว่า การดำเนินนโยบายดังกล่าวไม่ควรก่อให้เกิดการบิดเบือนการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในตลาด แต่มาตรการดังกล่าวควรได้รับการบังคับใช้อย่างเสมอภาค เพื่อให้ผู้บริโภคในประเทศไทยสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าโดยได้รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วนรอบด้าน ค่ายรถยนต์ Ford มองว่า Ford Fiesta ที่มีเครื่องยนต์ 1600 ซีซี ซึ่งไม่เข้าตามแนวนโยบาย”รถคันแรก” เนื่องจากกรอบการจำกัดซีซีเครื่องยนต์ อาจทำให้รถยนต์ที่มีความประหยัดน้ำมันมากกว่า และมีการรักษาสิ่งแวดล้อมดีกว่านั้นถูกจำกัดภายใต้เงื่อนไขของรัฐบาล “การกำหนดข้อจำกัดด้านขนาดของเครื่องยนต์ที่ 1,500 ซีซี ทำให้มาตรการจูงใจด้านภาษีนี้ส่งผลสืบเนื่องโดยไม่ตั้งใจในการส่งเสริมให้ผู้ซื้อรถยนต์คันแรกในประเทศไทยเลือกขับรถที่ประหยัดน้ำมันน้อยกว่า และยังอาจเป็นรถที่มีราคาแพงกว่าอีกด้วย เพื่อมอบความเป็นธรรมให้แก่ผู้บริโภคในประเทศไทย และความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายสนับสนุนเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงานของรัฐบาล เราขอเรียกร้องให้ยกเลิกเกณฑ์ในการกำหนดขนาดของเครื่องยนต์ที่ 1,500 ซีซี ” ข้อความจากแถลงการณ์ ของฟอร์ดประเทศไทย แนวคิดด้านความประหยัดและสิ่งแวดล้อมนั้นความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว เนื่องจากเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2553 กรมสรรพสามิตได้ตั้งคณะฏิรูปโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ขึ้นมาศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในอัตราใหม่ ที่ปัจจุบันมีถึง 43 อัตรา จากผลสรุป คณะทำงานชุดดังกล่าวได้มีการเสนอให้ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรใหม่ โดยเปลี่ยนจากเดิมที่เก็บตามปริมาตรของเครื่องยนต์ไปเป็นการจัดเก็บตามความสามารถในการลดมลพิษ หรือปล่อยระดับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) มาคำนวนเป็นภาษีจัดเก็บจากค่ายรถยนต์ ซึ่งหมายถึงยิ่งประหยัดและปล่อยไอเสียน้อยรถคันดังกล่าวก็ย่อมเสียภาษีน้อยลง แนวทางของรัฐในเรื่องนโยบาย “รถคันแรก” นั้นเป็นการสร้างโอกาสที่ดีสำหรับใครก็ตามที่อยากมีรถยนต์ไว้ใช้งาน ทว่ารัฐในฐานะผู้ดำเนินนโยบายในการควบคุมบริหารประเทศนั้นยังต้องมองการณ์ไกลในการทำให้ทั้งผู้ใช้ และค่ายรถยนต์อยู่ได้ ที่เดินจูงมือไปพร้อมกับการลดการใช้พลังงานและการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในสังคมไทย อย่างไรก็ตามนโยบายนี้ก็ได้อนุมัติไปแล้ว เราทั้งหลายคงทำไรไม่ได้มาก คงทำได้เพียงแต่รอดูว่านโยบายนี้จะส่งผลประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่มากแค่ไหน หรือนโยบายนี้แค่ทำไปเพื่อใคร อย่าพลาดติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถใหม่ รวมถึงความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ทั้งไทย และต่างประเทศได้ใหม่กับ Thaicarlover.com ได้ใหม่ครับ
เจาะลึกนโยบายรถคันแรก เพื่อใคร!!!
ป้ายกำกับ:
รถยนต์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น