เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ใคร ๆ ก็ต่างปรารถนาจะมีผมสุขภาพดี ไม่ว่าจะเป็นคนผมสั้น ผมยาว สภาพผมแห้ง หรือว่าจะเป็นคนผมมัน ทุกคนล้วนอยากมีเส้นผมที่มีน้ำหนักและเป็นประกายสวยอย่างธรรมชาติกันทั้งนั้น แต่หลาย ๆ คนก็ยังไม่รู้วิธีการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างถูกต้อง
บนศีรษะเรานั้นมีเส้นผมเฉลี่ยแล้วถึง 100,000 เส้น แต่ละเส้นประกอบด้วยส่วนประกอบสามชั้น โดยที่ชั้นนอกสุดเรียกว่า เกล็ดผม ซึ่งคล้ายกับเกล็ดปลาที่เรียงซ้อนกันเพื่อป้องกันเนื้อผมที่อยู่ด้านใน ผมที่สุขภาพดีจะมีเกล็ดผมที่ปิดเรียบ ทำให้ผมสามารถสะท้อนความเงางามออกมาได้ รวมถึงป้องกันการเสียความชุ่มชื้น ทำให้เส้นผมมีน้ำหนัก สปริงตัวสวย หากเส้นผมถูกรบกวนด้วยปัจจัยอย่าง แสงแดด ความร้อน หรือคลอรีน ก็จะทำให้เกล็ดผมเปิด เนื้อผมถูกทำลาย ทำให้แห้งเสียและเปราะบาง
ถ้าอย่างนั้นเพื่อรักษาผมของเราให้มีสุขภาพดี ลองมาดูเคล็ดลับที่ทำตามได้ไม่ยากเหล่านี้กันค่ะ
1. สระผมให้เหมาะกับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ
สาวผมมันมักติดนิสัยต้องสระผมทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้นแชมพูที่ออกแบบมาสำหรับผมมันก็อาจทำลายความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของหนังศีรษะคุณได้หากสระเป็นประจำทุกวัน สาวผมมันจึงมีทางเลือก 2 ทาง ประการแรกคือ สระผมด้วยแชมพูสำหรับผมมันโดยเว้นช่วง 2 วัน สระผม 1 ครั้ง หรือประการที่สอง หากมีความจำเป็นต้องสระผมทุกวันจริง ๆ ให้เลือกใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนหรือแชมพูสำหรับเด็ก ซึ่งอ่อนโยนต่อเส้นผมมากกว่า และหากต้องการใช้ครีมนวดผม ควรเลือกใช้สูตรที่ออกแบบมาสำหรับผมมันเท่านั้น ส่วนสาวที่มีผมแห้ง สามารถสระผม 3-4 วันครั้ง ด้วยแชมพูสูตรสำหรับผมแห้งได้
2. ระวังเรื่องหวีผม
การหวีผมไม่ช่วยให้ผมเรียบตรงขึ้นหากหวีในขณะที่ผมแห้งหรือพันกันยุ่ง ผมที่เปียกอยู่จะเหยียดตัวออกเล็กน้อย หากหวีผมในขณะที่ผมยังเปียกอยู่จะยิ่งดึงผมให้ยืดออกไปอีก ทำให้เส้นผมเสียรูปได้ เปรียบเทียบได้กับการพยายามดึงทึ้งเส้นผม จนเสียรูปและทำให้หงิกงอ ในกรณีนี้จึงต้องเลือกใช้หวีซี่ห่างและหวีขณะผมเริ่มแห้งหมาดแล้ว นอกจากนี้การหวีเพื่อแก้ผมที่พันกันยุ่ง ให้เริ่มหวีที่ปลายผมตรงบริเวณที่พันกันก่อน โดยค่อย ๆ สางผมจนผมที่พันเริ่มคลายตัวออกจากกัน จากนั้นจึงหวีไล่ขึ้นไปจนถึงโคนผม ห้ามหวีลงมาจากโคนผมแล้วพยายามดึงให้ซี่หวีสางผ่านผมกระจุกที่พันกันอยู่เด็ดขาด เพราะจะทำให้ผมขาดได้ ส่วนการแปรงผมด้วยหวีแปรงนั้น แม้จะช่วยให้ผมดูเรียบและเงางามได้ แต่ก็ไม่ควรใช้หวีแปรงบ่อยเกินไป เพราะจะรบกวนเส้นผมทำให้เสียความชุ่มชื้น เกิดปัญหาผมแห้งและแตกปลายตามมา
3. ระมัดระวังการใช้อุปกรณ์ทำผมที่ให้ความร้อน
ทั้งไดร์เป่า ที่หนีบผม และแกนม้วนผมไฟฟ้า ทำให้เราจัดแต่งทรงผมให้สวยได้อย่างใจ แต่ความร้อนจากมันก็ทำลายเส้นผมเราไปด้วยพร้อม ๆ กัน จึงไม่ควรใช้อุปกรณ์ทำผมที่ให้ความร้อนเหล่านี้เป็นประจำทุกวัน หากต้องการเป่าผมให้แห้ง พยายามเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วจึงใช้ไดร์เพื่อเป่าผมแห้ง หรือถ้าสามารถปล่อยผมให้แห้งเองตามธรรมชาติได้ก็จะดีมาก ส่วนที่หนีบผมและแกนม้วนผมไฟฟ้านั้น ใช้ความร้อนสูงมากเพื่อจัดเส้นผมให้เรียบตรงหรือเป็นลอนตามต้องการ เลี่ยงการใช้เป็นประจำทุกวันเพื่อให้ผมได้พักผ่อนบ้าง รวมถึงห้ามใช้อุปกรณ์ทั้งสองนี้กับผมที่กำลังเปียกเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ผมของคุณไหม้ได้
4. ใส่ใจการทำสี ยืด และ ดัดผม
การเสริมสวยให้กับเส้นผม ทั้งทำสี ยืด และดัดผม ต่างเป็นผู้ร้ายตัวฉกาจที่จะทำลายเส้นผมได้ เพราะฉะนั้นพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เส้นผมถูกทำร้ายจากปัจจัยเหล่านี้ให้มากที่สุด ซึ่งสำหรับการทำสีผมนั้น มีน้ำยาทำสีอยู่สองประเภท คือแบบชั่วคราวและถาวร หากเป็นไปได้ควรเลือกแบบชั่วคราวซึ่งเป็นมิตรกับเส้นผมมากกว่า อย่างสีย้อมผมแบบเฮนน่า แต่ก็มีบางคนแพ้เฮนน่าเช่นกัน สีย้อมผมแบบถาวรจึงเป็นตัวเลือกถัดมา อย่างไรก็ตามต้องทดสอบอาการแพ้ก่อน เพราะในบางรายก็ทำให้เกิดอาหารแสบหนังศีรษะ ผิวไหม้ ระคายเคือง และตามมาด้วยอาการผมร่วงได้ ส่วนการดัดและยืดผมนั้น เป็นการใช้น้ำยาเคมีกับเส้นผมโดยตรง ซึ่งทำให้ผมแห้ง อ่อนแอ และเปราะบางง่าย ฉะนั้นจึงไม่ควรทำบ่อย ๆ และต้องหมั่นบำรุงผมหลังจากทำด้วย
5. ต่อผม
การต่อผมช่วยเนรมิตรผมให้ยาวขึ้นได้ในพริบตา แต่อย่างไรก็ตามมันอาจทำร้ายผมของคุณได้ เพราะคลิปผมที่ต่อ หรือกระจุกผมที่ติดลงไปบนผมจริง ๆ นั้น จะดึงทั้งโคนผมของคุณ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาผมร่วงตามมาได้
6. ใส่ใจผมหากจะการถักเปีย
การถักเปียเป็นการเพิ่มลูกเล่นให้กับเส้นผมได้อีกวิธีหนึ่ง แต่สาว ๆ ควรหลีกเลี่ยงผมเปียที่ถักแน่นหรือบิดมากเกินไป เพราะจะดึงทึ้งหนังศรีษะ ทำให้รากผมอ่อนแอ และผมร่วงได้
7. ป้องกันผมแห้งแตกปลาย
ผมแตกปลาย น่าจะเป็นอาการที่ไม่พึงปรารถนาที่สุดสำหรับคนที่รักผม วิธีเดียวที่แก้ปัญหาผมแตกปลายได้ดีที่สุด ก็คือการป้องกันตั้งแต่สาเหตุ โดยการบำรุงรักษาเส้นผมอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ต้น ไม่เช่นนั้นอาจลงเอยด้วยการตัดผมทิ้งอย่างน้อยหนึ่งนิ้วเหนือผมบริเวณที่มีอาการแตกปลายขึ้นมา และนอกจากการบำรุงรักษาเส้นผมตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว ควรหมั่นเล็มปลายผมออกเป็นประจำด้วย
8. หลีกหนีรังแค
รังแคคือหนังศีรษะที่แห้งและหลุดลอกออกมาเป็นแผ่น ไม่ว่าจะพบที่หนังศีรษะ ที่เส้นผม หรือว่าบนเสื้อผ้า ก็ทำให้ดูน่าอาย ลองเลือกใช้แชมพูสำหรับขจัดรังแคโดยเฉพาะ หรือหากพบว่าแชมพูเหล่านั้น มีตัวยาที่แรงเกินไปสำหรับหนังศีรษะของคุณ ลองเลือกใช้สูตรธรรมชาติอย่าง ทีทรีออยล์ แอปเปิ้ลไซเดอร์หรือน้ำส้มสายชูจากแอปเปิ้ล หรือทานไบโอตินเสริม ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยในการเจริญของเซลเยื่อบุผิว มีส่วนช่วยเรื่องการอักเสบของหนังศีรษะ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของรังแค
9. หลบเลี่ยงแสงแดดและคลอรีน
แสงแดดและคลอรีนเป็นอีกตัวการร้ายที่ทำลายเส้นผม ฉะนั้นหากว่ายน้ำ ให้ล้างผมทันทีที่ขึ้นจากสระน้ำ และเลี่ยงการอยู่กลางแดดจ้าโดยเฉพาะในช่วง 10.00-14.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่แสงแดดมีความเข้มข้นมากที่สุด หากจำเป็นต้องออกแดด อย่าลืมสวมหมวกเพื่อป้องกันเส้นผม แม้แดดจะร่มแต่รังสียูวีในแสงแดดก็สามารถทำลายเส้นผมได้อยู่ดี
10. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอ
ผมสุขภาพดีไม่ได้มาจากการดูแลผมโดยตรงแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมาจากสารอาหารที่ร่างกายได้รับจากการรับประทานอาหารอีกด้วย การอดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อเส้นผมได้ ซึ่งสารอาหารเหล่านั้นได้แก่ สังกะสี กรดไขมันโอเมก้า3 และวิตามินเอซึ่งพบได้มากใน ผักผลไม้สด โปรตีนที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปมากนัก ธัญพืช ปลา และในผลิตภัณฑ์จากนม รวมถึงต้องดื่มน้ำเพื่อให้ร่างกายและเส้นผมได้ความชุ่มชื้นอย่างพอเพียงด้วย
อ่านดูแล้วอย่าลืมนำไปปฏิบัติตามด้วยนะคะ เคล็ด(ไม่)ลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีผมสวยสุขภาพดีได้แน่นอน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น