วิธีง่ายๆช่วยประหยัดแบตมือถือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในช่วงน้ำท่วม




ในช่วงสถานการณ์น้ำท่วม อาจทำให้บางแห่งไม่มีไฟฟ้าใช้ หรือมีใช้ในบริเวณจำกัด ทั้งผู้ประสบภัยและอาสาสมัครที่ไปช่วยเหลือ ต่างก็ต้องประหยัดแบตเตอรี่มือถือกันเพื่อให้ใช้งานได้นานขึ้น เนื่องจากอาจจะหาที่ชาร์จได้ลำบาก เพราะโทรศัพท์มือถือหรือ Tablet เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของการติดต่อสื่อสาร รายงานความเป็นไป และขอความช่วยเหลือ หากแบตเตอร์รี่มือถือหรือแท๊บเล็ตหมด อาจจะยากในการประสานขอความช่วยเหลือ ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยก็จะยากขึ้นตามไปด้วย แล้วจะทำอย่างไรให้แบตอยู่ได้นาน วันนี้มาทบทวนวิธีการประหยัดแบตสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตกัน

สรุปสาระสำคัญในการประหยัดแบตเตอร์รี่บนโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต

1.ปิด Bluetooth ทันทีหากยังไม่ใช้ หูฟังไร้สาย หรือโอนไฟล์แบบไร้สายกับชาวบ้าน

2. เลิกใช้ Wireless Network ระบุตำแหน่ง หากคุณอยู่ศูนย์อพยพและไม่ไปไหนอยู่แล้ว ถ้าจะย้ายไปอีกที่หนึ่งค่อยเปิด Wireless Network ก็ได้

3. ปิด GPS ได้เลยกรณีไม่ใช่ เพราะถ้าเปิดไว้จะกินพลังงานมากๆ จะเปิดไว้เฉพาะยามจำเป็นในการเดินทางเท่านั้น

4. ยกเลิก Always-On Mobile Data สำหรับ Android ถ้าคุณไม่ค่อยใช้แอพที่ต่อเน็ตตลอดเวลา (แต่ส่วนใหญ่ต้องใช้ ก็ไม่ต้องปิดก็ได้ แต่ถ้าไม่ลืมปิดได้ยิ่งดี)

5. ปิด Wi-Fi และ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน 3G กรณีคุณไม่ใช้เน็ต หากคุณต้องการใช้เน็ตจริงๆถ้ามีสัญญาณ Wi-FI ก็เปิดแต่ Wi-Fi ไม่ต้องเปิด Wi-Fi และ 3G พร้อมกัน โดยการเปิดรับสัญญาณ Wi-Fi นั้นจะกินพลังงานแบตน้อยกว่าแบบ 3G

6. ตั้งค่าเวลาดับหน้าจอ (Screen Timeout) ให้เร็วขึ้น จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้พอสมควรทีเดียว

7. ตั้งค่าความสว่างให้แสงสว่างในมือถือน้อยลง หากมีโหมดอัตโนมัติก็ควรเลือกตั้งแบบอัตโนมัติ




8. หากคุณใช้จอแสดงผลแบบ Amoled บนมือถือและแท็บเล็ตละก็ ควรเลือก Wallper เป็นสีดำ จะช่วยประหยัดแบตได้มากขึ้น

9. สำหรับมือถือ Android , Nokia ที่มี Widget และรวมทั้ง Wallpaper แบบเคลื่อนไหว ควรเลือกแบบภาพนิ่งจะดีกว่า และลดการใช้ Widget ประดับหน้าจอ เพราะจะทำให้มือถือของคุณจะต้องดึงข้อมูลเข้ามาแสดงผลในส่วนของการทำงานด้านหลัง (background) ตลอดเวลา หากมีเยอะก็ทำให้กินพลังงานแบตเยอะพอสมควร

10. ใช้ Task Manager คอยปิดโปรแกรมที่ทำงานตลอดเวลา ด้วยสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตนี้ทำงานแบบ Multitasking การเปิดแอพฯค้างไว้ในเครื่องหลายๆ ตัวโดยไม่ปิด เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่ของคุณหมดเร็วได้เช่นกัน ดังนั้นหากคุณไม่ใช้แอพนั้นแล้วควรปิดการทำงานด้วย

11 ปิดคุณสมบัติการ push e-mail และปิดระบบการแจ้งเตือน เพราะในกรณีทีมีแอพฯหลายตัวอยู่ใน notification แบตเตอรี่ก็จะถูกใช้มากตามไปด้วย ระบบจะต้องมีการเชื่อมต่อไร้สาย (Wi-Fi, 3G, Edge, etc.) ไปยังเว็บไซต์ของแอพฯ เหล่านั้นตลอด

12. อัพเดทเฟิร์มแวร์ใหม่ให้สม่ำเสมอ เพราะการอัพเดททุกครั้ง มักจะมีการพัฒนาประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานของแบตเตอรี่ให้ดีขึ้นด้วย

13. เตรียมชาร์ททั้งแบตหลักและชาร์ทแบตสำรองด้วย หากแบตหมดก็เปลี่ยนมาใช้แบตสำรองมาใช้ต่อได้เลย



14. ใช้ที่ชาร์ทแบบพกพา มีทั้งที่ชาร์ทมือถือแบบ Mobile Booster ที่เก็บพลังงานสำรองจากไฟที่ชาร์ทกับไฟบ้านมาใช้ต่อกับมือถือได้ และที่ชาร์ทมือถือ iPhone แบบพลังงานแสงอาทิตย์ได้ด้วย

15. ที่ชาร์ทมือถือแบบรถยนต์ ถ้ามีก็เตรียมไว้ หากที่พักไม่มีที่ชาร์ทก็สามารถชาร์ทได้บนรถยนต์ที่มีพลังงานแบตเตอร์รี่ซึ่งใช้ได้ยาวนานอยู่

16. การชาร์ทแต่ละครั้งควรชาร์ทให้เต็ม และตอนใช้มือถือและแท็บเล็ตก็ควรใช้อย่างประหยัดและจำเป็นเท่านั้น เพื่อรักษาระดับพลังงานในแบตให้สูงสามารถใช้งานได้นานหลายวันในยามไม่มีไฟ

หากจำกันได้ it24hrs ได้เคยนำเสนอเกี่ยวกับวิธีการประหยัดแบตฯกันแล้ว ทั้งบนระบบปฏิบัติการ iOS อย่าง iPhone , iPod Touch และ iPad และ ระบบปฏิบัติการ Android ทั้งรูปแบบสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต จากหลายยี่ห้อ รายละเอียดสามารถอ่านบทความและรายการย้อนหลัง

(ที่มา : http://www.it24hrs.com)


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน



0 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม