ขั้นตอนในการผลิตน้ำสะอาดสำหรับอุปโภค (น้ำใช้เท่านั้น) ด้วยตนเองในสภาวะน้ำท่วม โดย กลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อุปกรณ์ที่จำเป็น ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่ - 1. โอ่ง ถังพลาสติก หรือภาชนะรองรับน้ำ จำนวน 2 ใบ
- 2. สารส้มก้อน
- 3. สารฆ่าเชื้อโรคคลอรีนชนิดน้ำ 2% (หยดทิพย์)
ขั้นตอนการผลิตน้ำสะอาด ประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอน คือ - 1. เตรียมน้ำลงในภาชนะรองรับน้ำใบที่ 1 โดยเลือกใช้น้ำจากแหล่งน้ำในบริเวณที่ห่างจากแหล่งสุขาหรือโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ จากนั้นตักใบไม้หรือเศษไม้ที่อาจลอยอยู่บนผิวน้ำออก
|
|
- 2. แกว่งสารส้มในน้ำ แกว่งสารส้มในน้ำจนกระทั่งสังเกตเห็นตะกอนเริ่มจับตัว ซึ่งอาจใช้เวลามากน้อยต่างกันไปตามปริมาตรและลักษณะของน้ำ โดยทำการแกว่งที่ความลึกประมาณ 2/3 ส่วนของความลึกน้ำจากผิวน้ำ
|
|
- 3. การตกตะกอนเพื่อให้ได้น้ำใส หลังจากขั้นตอนการแกว่งสารส้ม จะต้องทิ้งน้ำไว้จนกระทั่งตะกอนตกลงสู่ก้นถัง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาทีหรืออาจตั้งทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นจึงตักหรือถ่ายน้ำส่วนใสเข้าสู่ภาชนะบรรจุใบที่ 2 น้ำที่ผ่านขั้นตอนนี้จะมีลักษณะใสแต่ยังไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อโรค
|
|
- 4. การเติมสารเพื่อฆ่าเชื้อโรคลงในภาชนะรองรับน้ำใบที่ 2 โดยเติมสารฆ่าเชื้อโรคคลอรีนชนิดน้ำ 2% (หยดทิพย์) ในปริมาณ 1 หยด ต่อน้ำ 1 ลิตร กวนผสมและปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้สารฆ่าเชื้อโรคออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาชนะรองรับน้ำใบที่ 2 จึงควรทราบปริมาตรน้ำโดยคร่าว หากใช้ถังซึ่งแจกโดยทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะมีขีดบอกปริมาตรน้ำภายในถัง
|
|
ในภาวะอุทกภัยที่เกิดขึ้น การประยุกต์ใช้กรรมวิธีอย่างง่ายในการผลิตน้ำสะอาดที่สามารถนำไปใช้อุปโภค (น้ำใช้เท่านั้น) ได้อย่างปลอดภัยนับว่ามีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน อย่างไรก็ตาม น้ำใสที่ได้อาจยังไม่เหมาะสมต่อการบริโภคเนื่องจากน้ำที่ผ่านการผลิตขึ้นเองอาจไม่มีการควบคุมคุณภาพที่ดีเพียงพอ ด้วยความปรารถนาดีจากกลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คำเตือนสำหรับน้ำยาหยดทิพย์ - เก็บให้พ้นมือเด็ก - อย่าให้เข้าตาและสัมผัสผิวหนัง - ห้ามรับประทานโดยตรง - หากสารละลายหยดทิพย์ถูกมือให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาด - ถ้าสารละลายหยดทิพย์เข้าตาต้องรีบล้างตา - เก็บรักษาสารละลายหยดทิพย์ในที่มืด - ด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้งแล้วรีบไปพบแพทย์ |
|
ที่มา : http://www.eng.chula.ac.th/?q=node%2F3821
รายการที่เกี่ยวข้อง: ทั่วไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น