โคลนที่นำมาทำโคลนพอกผิวมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติต่างกันไป เช่น colloidal kaolin (โคลนดินขาวจากจีน) ผสมในเครื่องสำอางพอกหน้า ช่วยดูดความมันและสิ่งสกปรกได้ดี Activated Charcoal (ถ่านชาร์โคล) ช่วยดูดซับสารพิษฝุ่นละออง และสิ่งตกค้างอยู่ในรูขุมขน Bentonite (จากเถ้าภูเขาไฟในสหรัฐอเมริกา) ผสมในผลิตภัณฑ์ลอกหน้าและยารักษาโรคผิวหนัง เช่น Eczema เป็นต้น 1.โคลนภูเขาไฟและน้ำพุร้อน ได้แก่ โคลนเถ้าภูเขาไฟในสหรัฐอเมริกา โคลนโป่งเดือดแม่สะงา จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2.โคลนแม่น้ำและทะเลสาบ และโคลนทะเล ได้แก่ โคลนทะเลเดดซี ทั้งนี้โคลนแต่ละแหล่งที่มาจะมีส่วนผสมแร่ธาตุ วิตามิน แตกต่างกันไปด้วย โคลนภูเขาไฟและน้ำพุร้อนมีธาตุกำมะถันและโพแทสเซียมสูง ส่วนโคลนแม่น้ำและทะเลสาบจะมีวิตามินและสารพฤกษเคมีมาก ต่างจากโคลนทะเลที่มีเกลือเป็นส่วนผสมสำคัญ โคลนอีกประเภทแบ่งตามคุณสมบัติเมื่อใช้งาน คือ โคลนร้อนและโคลนเย็น โดยโคลนทั้งสองประเภทมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดผิวและบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ในการแพทย์ทางเลือกได้นำคุณสมบัติด้านอุณหภูมิของโคลนประเภทแรก (ประมาณ 38 องศาเซลเซียส) มาช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือด และรักษาโรค เช่น การรักษาโรคเกาต์ และอัมพฤกษ์อีกด้วย
กล่าวกันว่า โคลนเป็นวัตถุดิบความงามที่นิยมใช้มายาวนานตั้งแต่สมัยพระนางคลีโอพัตรา แต่มีหลักฐานการนำมาใช้เพื่อความงามครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1338 ในประเทศเช็กโกสโลวาเกีย
โดยนำมาพอกตัวเพื่อรักษาโรคผิวหนังและบำรุงผิว สำหรับโคลนพอกผิวที่นิยมใช้กันจนถึงปัจจุบันนี้จัดอยู่ในประเภทของเครื่องสำอางจากดิน (Mud mask) ที่มีปริมาณของแข็งสูง ปัจจุบันหาซื้อได้ทั้งในรูปผงที่ต้องผสมน้ำหรือโยเกิร์ตก่อนใช้ หรือแบบที่ผสมน้ำพร้อมใช้ได้ทันที
โคลนอาจแบ่งเป็น 2 ลักษณะ แบบแรก แบ่งตามแหล่งที่มาของโคลน คือ
กลไกสวยสองต่อ
โคลนพอกผิวช่วยให้ผิวสวยได้ด้วย 2 กลไกสำคัญ กลไกแรกเป็นคุณสมบัติทางกายภาพของเนื้อโคลนที่มีประโยชน์ในการชำระล้างผิว หลักการทำงานง่ายๆ เพียงทาโคลนบนผิวแล้วทิ้งให้แห้ง โคลนพอกหน้าประกอบด้วยอนุภาคของแข็ง เมื่อน้ำที่ผสมอยู่ระเหยออกไป โคลนจะหดตัวและดึงผิวให้ตึง พร้อมดูดซับความมัน สิวเสี้ยนและสิ่งสกปรกออกจากผิวด้วย เมื่อผ่านกลไกการทำความสะอาดผิวแล้ว สารบำรุงผิวที่มีอยู่ในโคลนก็จะช่วยบำรุงและรักษาผิว
แม้โคลนจะมีคุณสมบัติเด่นในการทำความสะอาดและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แต่ควรเลือกใช้โคลนที่สะอาด และผ่านการฆ่าเชื้อแล้วเท่านั้น การพอกโคลนเหมาะกับทุกสภาพผิว แต่ไม่ควรทำเมื่อมีบาดแผล ส่วนคนที่มีผิวแห้งควรทำเพียงสัปดาห์ละครั้งเพื่อไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นมากเกินไป
ขอบคุณ : Naver-age.com
สวยด้วยโคลนพอกผิว
ป้ายกำกับ:
ความงาม
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น