ข่าวในประเทศ - ค่ายกิมจิ “ฮุนได” เปิดเกมรุกก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ในการฟื้นแบรนด์ในไทย เตรียมนำเข้าเก๋งซี-คาร์ “ฮุนได เอลันตรา โฉมใหม่”มาทำตลาด 14 พ.ย.นี้ เปิดตัวขายเครื่องยนต์ 1800 ซีซี 148 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ติดตั้งออปชั่นเพียบ ลุ้นบริษัทแม่หนุนราคาเริ่มต้นไม่เกินล้านบาท เผยเหตุต้องนำเก๋งคอมแพ็กต์รุ่นดังกล่าว มาทำตลาดแทนเก๋งซับคอมแพ็กต์รุ่น “แอคเซนต์” ที่เคยวางแผนไว้ปลายปีนี้ เพราะมีความพร้อมและเหมาะสมมากกว่าแล้ว ยังไม่เจอพิษรถคันแรกด้วย แต่ย้ำมุ่งมั่นเพิ่มผลิตภัณฑ์หลากหลายทางเลือก เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคให้ครอบคลุม ตั้งเป้าจะเปิดรถโมเดลใหม่ทุกๆ ปี ดังนั้นจะเป็นรถยนต์รุ่นแอคเซนต์ และ “ไอ10” หรือรุ่นอื่นๆ จึงยังมีโอกาสอยู่ในแผนทำตลาดต่อไป ขณะเดียวกันยังเน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะบริการก่อนและหลังการขาย ตั้งเป้าภายในปี 2555 เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการครบ 30 แห่ง รองรับการเติบโตต่อเนื่อง หลังจากกวาดยอดขายชนหลัก 1 หมื่นคันสำเร็จ
|
ครบรอบ 4 ปี ของการเข้ามาฟื้นแบรนด์ “ฮุนได” ในไทย ภายใต้การดูแลของกลุ่มธุรกิจเทรดดิ้งรายใหญ่ “โซจิทสึ” โดยรวมตัวเลขยอดขาย 10,000 คัน นับตั้งแต่เข้ามาดำเนินงาน นับว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เพราะหากมองการล้มลุกคลุกคลานในช่วงปีแรกๆ แต่ฮุนไดในประเทศไทยก็ไม่ยอมแพ้ พยายามค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ยังพอมีช่องว่าง และได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทย ที่สุด “ฮุนได เอช1” ก็มาช่วยพลิกฟื้นสำเร็จ พร้อมกับสร้างภาพลักษณ์และเพิ่มความมั่นใจในแบรนด์สินค้ามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนก้าวสู่ปีที่ 5 และต่อๆ ไป ฮุนไดในประเทศไทยยังคงมุ่งมั่น ที่จะสร้างความพึงพอใจและเพิ่มทางเลือกหลากหลาย ให้กับผู้บริโภคในไทยต่อเนื่อง พร้อมกับการเติบโตอย่างมั่งคงต่อไป โดยนโยบายของฮุนได มอเตอร์ ในประเทศไทย ยังคงที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทางเลือกหลากหลาย เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยมากที่สุด และยังจะเป็นการเพิ่มโอกาสการขายให้กับฮุนไดในไทย ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม ดังนั้นทุกๆ ปีจะมีการนำรถยนต์ฮุนไดรุ่นใหม่ๆ มาทำตลาดต่อเนื่อง ด้วยการมองโอกาสทางการตลาดและความพร้อมเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กกลุ่มบี-คาร์ หรือซับคอมแพ็กต์ เก๋งคอมแพ็กต์ (ซี-คาร์) รวมถึงรถยนต์เฉพาะกลุ่มก็ตาม
|
ทั้งนี้ในช่วงก่อนสิ้นปี 2554 ฮุนไดเตรียมจะนำเข้ารถรุ่นใหม่ “ฮุนได เอลันตรา” (Hyundai Elantra) เข้ามาทำตลาดในไทย เป็นเก่งในตลาดคอมแพ็กต์คาร์ กลุ่มเดียวกับโตโยต้า อัลติส และฮอนด้า ซีวิค โดยเอลันตรานับเป็นโมเดลหลักของฮุนได มอเตอร์ มายาวนานกว่า 20 ปี และเคยเป็นหนึ่งในรถที่เข้ามาทำตลาดไทยยุคแรก สมัยกลุ่มพระนครยนตรการ หรือพีเอ็นเอ(PNA) ซึ่งการนำเอลันตราเข้ามาทำตลาดในไทยใหม่อีกครั้ง มีกำหนดเปิดตัววันที่ 14 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ การเปิดตัวฮุนได เอลันตรา เป็นการปรับแผนจากที่เคยวางไว้ เพราะเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ในการนำคณะสื่อมวลชนไทยไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ของฮุนไดที่ประเทศเกาหลีใต้ ได้มีการประกาศจะนำเข้าเก๋งซับคอมแพ็กต์ “ฮุนได แอคเซนต์” (Hyundai Accent) มาทำตลาดในไทยช่วงปลายปีนี้ แต่ที่สุดหวยกลับมาออกที่รุ่นเอลันตราแทน จากรายงานของฮุนไดในประเทศไทยระบุว่า รุ่นแอคเซนต์การผลิตยังไม่พร้อมที่จะส่งมาไทย และทั่วโลกก็มีความต้องการมาก ซึ่งอาจจะทำให้การทำตลาดสะดุดได้ ยิ่งปัจจุบันกลุ่มซับคอมแพ็กต์ในไทยแข่งขันรุนแรง และรถที่ผลิตในประเทศยังได้รับสิทธิประโยชน์โครงการรถคันแรกอีก ทำให้ราคาลดลงเป็นแสนบาท เหตุนี้จากการพิจารณาของบริษัทแม่และฮุนไดในไทย เห็นว่าคอมแพ็กต์คาร์รุ่นเอลันตรา มีความพร้อมและเหมาะสมในช่วงนี้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสินค้าที่จะส่งมาทำตลาด รวมถึงโอกาสทางการตลาดด้วย
|
ส่วนเป้าหมายทางการตลาด ฮุนได เอลันตรา ไม่ได้มุ่งหวังจะมาแข่งขันกับเก๋งคอมแพ็กต์คาร์ในไทยโดยตรง เพราะเอลันตรานำเข้าสำเร็จรูป(CBU) จากเกาหลีใต้ทั้งคัน ขณะที่คู่แข่งล้วนประกอบในประเทศ ทำให้เสียเปรียบทางราคาอยู่แล้ว แต่ฮุนไดจะพยายามทำราคารุ่นเริ่มต้นไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่ชื่นชอบเก๋งคอมแพ็กต์ในแบบของฮุนได ที่มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวและดิบกว่า ซึ่งถือเป็นอีกทางเลือกใหม่ของลูกค้าที่ชื่นชอบความแตกต่าง สำหรับฮุนได เอลันตรา ที่นำเข้ามาทำตลาดเป็นโฉมใหม่ หรือเจนเนอเรชั่นที่ 5 เปิดตัวที่ประเทศเกาหลีใต้เมื่อช่วงครึ่งหลังของปี 2553 ที่ผ่านมา โดยรุ่นที่จะนำเข้ามาทำตลาดในไทย จะมีเพียงเฉพาะรุ่น 1.8 ลิตร แบบซีดาน 4 ประตู คาดว่าจะทำตลาด 3-4 รุ่นย่อย ซึ่งราคาที่เสนอบริษัทแม่ไป รุ่นเริ่มต้นไม่เกิน 1 ล้านบาท และหากเป็นไปตามคาด น่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 400-500 คันต่อปี ฮุนได เอลันตรา โฉมใหม่ หรือในตลาดประเทศเกาหลีเรียกว่า “อะวันเต้” (Avante) ได้รับอิทธิพลมาจากรุ่นพี่รถยนต์รุ่นโซนาตาใหม่อย่างชัดเจน โดยการออกแบบเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว ซึ่งฮุนไดเรียกสไตล์การออกแบบนี้ว่า Fluidic Sculpture ซึ่งมิติตัวถังในส่วนของความยาว และระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น แต่ลดความสูง และคงความกว้างเท่าเดิม ทำให้รถมีความโฉบเฉี่ยวสปอร์ต และแม้จะเป็นรถซีดาน 4 ประตู แต่กลับดูเหมือนกับรถสปอร์ตคูเป้มากทีเดียว
|
ภายในห้องโดยสารออกแบบโฉบเฉี่ยวสปอร์ตไม่แพ้ภายนอก พร้อมติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ตั้งแต่รุ่นล่างไปจนถึงรุ่นท็อป ระบบเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ และสามารถเชื่อมต่อกับ USB และ AUX รองรับเครื่องเล่นต่างๆ รวมถึงบลูทูธ และยังมีระบบนำทางแบบเรียลไทม์ พร้อมกล้องมองหลังอีกด้วย เช่นเดียวกับระบบความปลอดภัยมาครบเช่นกัน เอลันตราใหม่วางเครื่องยนต์รหัส Gamma แบบไดเร็กต์อินเจกชั่น หรือ GDI ทั้งแบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1600 ซีซี 140 แรงม้า แต่ที่นำเข้ามาทำตลาดเป็นรุ่น 1800 ซีซี 148 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ในส่วนของเก๋งเล็ก “ฮุนได ไอ10” ที่วางแผนจะนำเข้ามาทำตลาด และต้องเจอโรคเลื่อนมาเรื่อย ซึ่งปีนี้ก็ยังไม่มีแผนที่จะนำเข้ามาทำตลาดแต่อย่างใด เรื่องนี้ฮุนไดในประเทศไทยยืนยันที่จะมุ่งมั่นทำตลาดรถรุ่นนี้ เพียงแต่โรงงานที่มาเลเซียเพิ่งขึ้นไลน์ผลิตโฉมใหม่ จึงยังไม่มีความพร้อมที่จะส่งออก แต่ย้ำนโยบายของฮุนไดในการเปิดตัวรถโมเดลใหม่ในไทยต่อเนื่อง อย่างเช่นที่ได้ปรับให้นำเข้ารุ่นเอลันตรามาทำตลาดแทน ส่วนรุ่นต่อไปจะเป็นรถยนต์รุ่นไอ10 หรือแอคเซนต์ก่อน ขึ้นอยู่กับความพร้อมและเหมาะสม โดยในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2012 ต้นปีหน้า จะมีการนำรถรุ่นใหม่มาเปิดตัวแน่นอน นอกจากการนโยบายเน้นเพิ่มทางเลือกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แล้ว ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 5 ฮุนไดในประเทศไทย ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า โดยเฉพาะการบริการหลังการขาย จึงได้ฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค รวมถึงแผนที่จะขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเป็น 30 แห่งใน 2555 จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 20 แห่ง ทำให้สามารถบริการครอบคลุมลูกค้าได้ทั่วประเทศ
|
ล่าสุดฮุนไดในประเทศไทย ได้เปิดให้บริการโครงการ “Hyundai Quick Service” เอาใจลูกค้าที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว ในการเข้าใช้บริการตรวจเช็คและบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น โดยใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที ครอบคลุมถึงการตรวจเช็คชิ้นส่วนต่างๆ ที่จำเป็น ทั้งภายในและภายนอกรถยนต์ อาทิเช่น การตรวจเช็คตามระยะทาง 10,000, 20,000, 50,000 และ 70,000 กิโลเมตร รวมถึงการตรวจเช็ควิเคราะห์ข้อบกพร่องของเครื่องยนต์ ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้า ที่สามารถนำรถฮุนไดเข้ามาใช้บริการตรวจเช็คสภาพ แม้ในช่วงเวลาเร่งด่วน โดยเริ่มต้น ณ ศูนย์บริการนำร่อง 2 แห่ง คือ ที่ฮุนไดรัชโยธิน และฮุนไดรัตนาธิเบศร์
|
รายการที่เกี่ยวข้อง: รถยนต์
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น