ถ้าคุณกำลังมองหารถยนต์เพื่อครอบครัวสักคันหนึ่ง ด้วยงบ 1 ล้านกลางถึงปลาย โดยมีข้อแม้ว่ารถคันนั้นต้องพื้นที่ใช้สอยสำหรับ 5-6 คน พร้อมสัมภาระมาเกี่ยวข้องด้วย... จริงอยู่ว่าเงินขนาดนี้อาจจะซื้อรถเก๋งคันงามๆ ได้อย่างสบาย แต่รถเก๋งสุดหรูก็อาจจะดูคับแคบไปถนัดตาหากต้องนำมาสนองความต้องการในรูปแบบ ดังกล่าว ครั้นจะต้องขยับไปถึงรถตู้หรูจำพวก วีโต้ คาราเวล หรืออัลฟาร์ด ก็ดูจะใช้งบสูงจนเกินไป
หนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจกับงบประมาณแบบจำกัดที่ไม่เกิน 2 ล้านบาท เต็มเปี่ยมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบครัน ทั้งระบบความบันเทิง และพื้นที่ใช้สอยที่มีเหลือเฟือ ตอบโจทย์ครอบครัวขนาดกลาง ถึงใหญ่ได้อย่างลงตัว ในรูปแบบ MPV 7 ที่นั่ง กับ Hyundai Grand Starex VIP
ย้อนไปเมื่อสัก 20 ปีที่แล้ว เมื่อเราพูดถึงรถยนต์ค่ายเกาหลี สิ่งที่เป็นนิยาม คงมีเพียงไม่กี่คำ ซึ่งออกไปในแนวลบมากกว่าบวก แต่ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันแตกต่างกับเมื่อก่อนราวหน้ามือ กับหลังมือ เพราะรถยนต์เกาหลีมีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด และสามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าทั่วโลกได้อย่างตรงจุด จนกระทั่งนิยามในแง่ลบก็ถูเปลี่ยนไปเป็นคำจำกัดความง่ายๆ แต่ได้ใจความ นั่นคือ คุณภาพคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป
หรูหราลงตัว เด่นที่ระบบเอนเตอร์เทนเมนท์
สำหรับ Hyundai Grand Starex VIP คันนี้ ใช้พื้นฐานเดียวกับรถตู้ยอดฮิต Hyundai H1 ทั้งเครื่องยนต์ ระบบกันสะเทือน ด้วยมิติตัวถังที่มีความยาว 5,125 มิลลิเมตร กว้าง 1,920 มิลลิเมตร สูง 1,925 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 3,200 มิลลิเมตร สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกแทบไม่มีอะไรแตกต่าง นอกจากกระจังหน้ากระจังหน้าแบบใหม่ พร้อมกับไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้างทั้ง 2 ด้าน และล้อแม็กลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 235/60/17
สำหรับภายในมีการตกแต่งรายละเอียดเพิ่มเติมค่อนข้างมากซึ่งเน้นหนักไปทาง ด้านเอนเตอร์เทนเมนท์ และความสะดวกสบายในการเดินทาง ด้วยการลดจำนวนเบาะโดยสารจากพื้นฐานเดิม 4 แถว 12 ที่นั่ง ให้เหลือเพียงแค่ 3 แถว 7 ที่นั่ง
ประโยชน์หลักๆที่ได้จากการลดที่นั่ง เห็นได้ชัดเจน แม้บรรทุกผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่งก็ยังดูไม่อึดอัดจนเกินไปนัก ส่งผลให้บรรยากาศในการเดินทางโล่งสบายขึ้น นั่งได้นานขึ้น พิเศษที่เบาะนั่งแถว 2 เป็นแบบ VIP แยกจากกัน 2 ที่นั่ง มาพร้อมที่พักแขน-ขา และที่วางแก้ว ประหนึ่งว่าคุณกำลังเดินทางอยู่ในชั้นบิสสิเนสคลาส เพราะตรงหน้ายังเป็นที่ตั้งของเคาท์เตอร์ขนาดใหญ่ กันระหว่างห้องโดยสารกับส่วนของคนขับ ภายในนั้นยังเป็นที่ซ่อนของ TV LCD ขนาด 19 นิ้ว สามารถเลื่อนขึ้น-ลง ได้ด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งมาพร้อมเครื่องเล่น DVD จาก Alpine ขนาบข้างด้วยลำโพงแบบแยกชิ้นแบรนด์ JBL ให้ซุ่มเสียงแบบพอใช้ได้ กับการดูหนังฟังเพลงระหว่างเดินทาง
ด้านหน้าเคาน์เตอร์ยังมีลิ้นชักเก็บของขนาดใหญ่อยู่สองข้าง ต้องยอมรับว่าใช้งานยากเพราะปุ่มแข็งมาก ซึ่งต้องใช้น้ำหนักกดปุ่มพอสมควร หากดูผิวเผินจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี้คือที่เปิดลิ้นชัก ส่วนประตูภายในห้องโดยสารที่มีมาให้ทั้งสองด้าน ใช้งานได้อย่างสะดวก การเปิด-ปิดประตูบานใหญ่ ที่ไม่ใช่ระบบไฟฟ้า กลับใช้งานได้ง่ายและไม่หนักมืออย่างที่คิดไว้
หากคุณดูหนังฟังเพลงกันจนเบื่อแล้ว Grand Starex VIP คันนี้ยังมีช่องจ่ายไฟบ้านขนาด 220 โวลต์ สามารถรับโหลดสูงสุดได้ 600 วัตต์ พร้อมช่องต่อ VDO รองรับอุปกรณ์พ่วงต่อได้ทั้ง คาราโอเกะ และเครื่องเล่นเกมส์ ซึ่งจะช่วยให้ทุกการเดินทางนั้นมีสีสันยิ่งขึ้น
ส่วนเบาะแถวที่ 3 ซึ่งอยู่หลังสุด แม้จะไม่เป็บแบบ VIP แต่ก็นั่งสบายไม่แพ้กัน เพราะตัวเบาะค่อนข้างใหญ่รองรับสรีระได้เป็นอย่างดี สามารถเอน เลื่อนเดินหน้า-ถอยหลัง ปรับเปลี่ยนได้หลากหลายตามการใช้งาน และที่สำคัญทุกที่นั่งมีช่องปรับอากาศแบบส่วนตัว รับประกันได้ว่าความเย็นจะเข้าถึงทั่วทั้งคัน ช่วยลดอาการเหงื่อตกของผู้โดยสารด้านหลังได้เป็นอย่างดี
ส่วนของผู้ขับบริเวณแถวหน้าสุด อย่างที่บอกไว้ในข้างต้นว่าส่วนนี้จะถูกกั้นระหว่างห้องโดยสารด้านหลังด้วย เคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งนั้นหมายความว่าจะต้องมีกล่องสี่เหลี่ยมใบโตอยู่ด้านหลังผู้ขับและผู้ โดยสารด้านหน้า แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้มากมายนัก แม้จะไม่สมารถปรับเอนนอนได้ แต่ก็ยังปรับให้เข้ากับสรีระได้ตามปกติ
และใช่ว่าจะต้องนั่งอิจฉาคนเบาะหลังไปตลอดทาง เพราะยังมีระบบเอ็นเตอร์เทนเมนท์สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าอีกชุดหนึ่ง ซึ่งเป็นแบบหน้าจอสัมผัสบิวท์อินในคอนโซล รองรับการใช้งานได้ทั้ง iPod และ Usb พร้อมแสดงผลภาพจากกล้องส่องหลัง เหมาะสำหรับรถที่ใหญ่เทอะทะแบบนี้ ซึ่งจะช่วยให้คล่องตัวยิ่งขึ้นขณะจอดรถในที่แคบ พร้อมกันนี้ยังมาพร้อมฟังก์ชั่นการควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
ดีเซลเทอร์โบ แปรผัน 175 แรงม้า...แรงพอตัวแม้บรรทุกหนัก
หลังจากรับ Grand Starex VIP มาจากสำนักงานฮุนไดซอยคอนแวน ผู้เขียนมีโอกาสขับใช้งานในสภาวะการจราจรหนาแน่นในกรุงเทพมหานครอยู่สักพัก แม้ตัวรถที่ค่อนข้างเทอะทะจะทำให้อึดอัดไปบ้าง แต่ด้วยตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับที่อยู่สูง และเอกลักษณ์ของรถตู้หน้าตัด ทำให้ค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องมุมมองที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนรอบด้าน
ในส่วนของเรื่องความสูงของตัวรถน่าจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลอยู่ไม่น้อย สำหรับพื้นที่จอดรถตามโรงแรมหรือห้างสรรพสินค้า หากเพดานของที่จอดมีระดับความสูง 2 เมตรขึ้นไปก็สบายใจได้ครับ แต่เสาวิทยุเหนือหลังคาอาจจะครูดกับเพดานบ้างเล็กน้อย
สำหรับขุมพลังของฮุนไดตระกูล H-1 ทุกรุ่น รวมทั้ง Grand Starex VIPคันนี้ ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน รหัส D4CB ดีเซลไดเร็คอินเจ็คชั่น คอมมอนเรล แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ความจุ 2,500 ซีซี ซึ่งมาพร้อมระบบอัดอากาศแปรผัน ที่ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 39.94 กก.-ม. ที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังลงสู่ล้อคู่หน้าด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ
สำหรับการทดสอบ ด้วยความเป็นรถสำหรับครอบครัว ผู้เขียนจึงเลือกทดสอบการใช้งานจริงแบบเต็มความจุ 6 ที่นั่ง (ผู้โดยสาร 5 ผู้ขับ 1 ) มุ่งหน้าสู่จังหวัดระยอง โดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ รวมระยะทางไปกลับกว่า 6 ร้อยกิโลเมตร ได้อัตราสิ้นเปลิงเชื้อเพลิงเฉลี่ยตามมาตรวัดที่ 11.5 กม./ลิตร ตัวเลขความประหยัดอาจจะดูอยู่ในเกณฑ์ต่ำไปบ้าง แต่อย่าลืมว่าน้ำหนักตัวของรถยนต์ประเภทนี้ค่อนข้างหนักอยู่แล้ว บวกกับน้ำหนักผู้โดยสารอีก 6 คน ซึ่งถือว่าค่อนข้างดีทีเดียว
ส่วนเรื่องอัตราเร่งคงต้องยกความดีความชอบให้ระบบเทอร์โบแปรผันเป็น พระเอก ที่ช่วยรีดแรงบิดให้มาไวและต่อเนื่องทุกรอบเครื่องยนต์ ความเร็วที่ใช้ในการเดินทางประมาณ 130-140 กิโลเมตร ยังคงให้ความมั่นใจได้ดี ส่วนเรื่องเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ และลมยังคงเล็ดลอดเข้ามาบ้าง หากคุณไม่ใช่คนช่างสังเกตมากนัก ก็อาจจะมองข้ามไปได้เลย
ช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบมัลติลิงก์ 5 จุดยึด พร้อมคอยล์สปริง ระยะฐานล้อยาว 3,200 มิลลิเมตร ช่วงล้อหน้ากว้าง 1,685 มิลลิเมตร และช่วงล้อหลังกว้าง 1,660 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้รถทรงสูงสามารถมอบสมรรถนะที่ดีขณะใช้ความเร็ว โดยเฉพาะฐานล้อที่กว้างทำให้ช่วยลดความรู้สึกยวบยาบ หรืออาการโคลงขณะเข้าโค้งได้ค่อนข้างดี
ข้อมูลอัตราเร่ง Hyundai Grand Starex VIP
ระยะทาง 400 เมตร ใช้เวลา 18.98 วินาที
ระยะทาง 200 เมตร ใช้เวลา 14.05 วินาที
ระยะทาง 100 เมตร ใช้เวลา 7.77 วินาที
ความเร็ว 0-120 กม./ชม. ใช้เวลา 21.61 วินาที
ความเร็ว 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 14.23 วินาที
ความเร็ว 0-80 กม./ชม. ใช้เวลา 9.43 วินาที
ความเร็ว 0-60 กม./ชม. ใช้เวลา 5.70 วินาที
ความเร็ว 0-40 กม./ชม. ใช้เวลา 2.90 วินาที
ความเร็ว 0-20 กม./ชม. ใช้เวลา 1.27 วินาที
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตู้หรูเจ้าตลาด ที่มีค่าตัวไม่ต่ำกว่า 3 ล้าน บาท อาจจะด้อยกว่าในเรื่องของแบรนด์ และวัสดุอุปกรณ์ที่มีความพิเศษกว่า แต่ถ้าเป็นเรื่องความสะดวกสบายในการใช้งาน ถือได้ว่าไม่น้อยหน้าเลยทีเดียว กับความหรูระดับเฟิร์สคลาส แถมยังควักระเป๋าน้อยกว่าด้วยค่าตัว 1.898 ล้านบาท
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น