ทุกวันนี้แม้เราจะไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าราคาน้ำมันที่ทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นล้วนมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์รุ่นใหม่ของคนที่กำลังมองหารถคันใหม่ ทำให้รถยนต์กลุ่มใหม่อย่างซิตี้คาร์นั้นถูกมองว่าเป็นพระเอกหน้าใหม่แทนที่รถคอมแพ็คคาร์ที่กินตลาดมานานนับ 10 ปี 1 ปี ของการวางจำหน่าย chevrolet Cruze ในประเทศไทยได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าค่ายรถยนต์รายนี้สามารถตีโจทย์ได้แตกฉานและวันนี้ในฐานะครบรอบ 1 ปีของคอมแพ็คาร์ที่หลายคนเฝ้าถามหา เราก็ได้มีโอกาสสัมผัสรถรุ่นนี้ที่หลายคนอาจจะยังมีหลายคำถามในใจ Chevrolet Cruze นั้นับว่าเป็นการสร้างจุดขายใหม่ให้กับตลาดรถยนต์คอมแพ็คคาร์อย่างแท้จริง หลังจากที่หลายค่ายรถยนต์นั้นต่างเทกระจาดไปทางด้านความสปอร์ตหรือบ้างก็มุ่งเน้นดีไซน์ที่เตะตาจนหลายคนหลงใหล แต่ Cruze นั้นให้ความประทับใจตั้งแต่แรกในแบบความหรูหราเห็นที่วันนี้เราได้นำรุ่น 1.8 LTZ มาเค้นกันอย่างสุดเหวี่ยง รูปหล่อเน้นๆ ในแบบอเมริกัน หากพูดถึงรถยนต์ที่มีอยุ่มากมายในโลกรถยนต์สายพันธ์อเมริกันนั้น นับว่าเป็นรถยนต์ที่ได้รับการกล่าวขานอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะความหรูหราที่เต็มเปี่ยมมาตั้งแต่ใบหน้าที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ชัดเจนตามแนวทางของค่ายโบว์ไทน ดวงตาที่โค้งมลสะบัดขนตาไปด้านข้างนั้นทำให้เรารู้สึกว่า Cruze นั้นพยายามตอกย้ำในความเป็นอเมริกันคาร์มากขึ้นกว่าในรุ่นก่อน ด้วยการให้เส้นสายความหรูหราไปพร้อมกันทางด้านข้างเติมเส้นสายให้ดูสปอร์ตเล็กน้อย เช่นเดียวกับไฟท้ายที่ดูโฉบเฉี่ยวแม้จะออกแนวคล้ายกับรถยนต์บ้างรุ่นที่มีอยู่ในตลาด แต่เมื่อมองโดยรวมแล้วจะชัดเจนว่ารถคันนี้มาพร้อมความงามสง่าสไตล์อเมริกันอย่างแท้จริง เส้นสายที่สะดุดตาลงตัวกับหลากเทคโนโลยีที่ให้มาเพิ่มความสะดวกสบาย ที่มุ่งเน้นความทันสมัยทางด้านการขับขี่เหนือชั้นที่คุณมักไม่พบในรถยนต์กลุ่มนี้ โดยเฉพาะไฟหน้าที่สามารถเปิด-ปิดได้อัตโนมัติ เช่นเดียวกับใบปัดน้ำฝนที่สามารถปัดได้เองเมื่อสายฝนโปรยปรายลงมา คงไม่แปลกที่เราจะบอกว่านี่เป็นความหรูหราตัวจริง ภายในหรูหราเน้นความทันสมัย ความประทับใจภายนอกของ Cruze นั้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับภายในที่ยังสื่อสารความหรูหราเต็มพิกัด โดยในรุ่นที่เราได้นำมาทดสอบครั้งนี้เป็นรุ่น 1.8 LTZ ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของ 1.8 ลิตรแต่เป็นรุ่นรองท็อบในกลุ่ม Chevrolet Cruze ทั้งหมด ที่ต่อท้ายมาจากเครื่องยนต์ 2.0 ดีเซล แต่จะว่าไปออพชั่นภายในโดยรวมไม่ต่างกัน การออกแบบภายใน chevrolet Cruze สามารถรับรู้ได้เลยว่า GM ต้องการนำเสนอความหรูหราที่เหนือชั้นไปอีกระดับมาพร้อมความทันสมัยตั้งเริ่มสัมผัสประตูกุญแจรีโมทก็ให้ความสะดวกสบายที่จำง่ายเพียงเดินเข้าไปแล้วดึงประตูพร้อมกุญแจรีโมทก็สามารถก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างสบาย ไม่ต้องมาไขอะไรให้ยุ่งยาก เมื่อก้าวเข้าสุ่ห้องโดยสารเราจะรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากความหรูหราที่ในรถรุ่น LTZ เบาะทั้งหมดนี้มาเป็นหนังด้วยสีดำตัดกันกับสีน้ำตาลส้ม ให้ความแปลกกว่ารถรุ่นอื่นๆในตลาด แต่ในความแปลกนี้ก็ให้ความลงตัวจากการออกแบบสไตล์ Dual cockpit ที่แฝงความสปอร์ตไว้ด้วยพวงมาลัย 3 ก้านมัลติฟังชั่น ที่ฟังชั่นควบคุมเครื่องเสียงและระบบ Cruise Control ตรงหน้าคนขับเป็นเรือนไมล์แบบสปอร์ตที่ผสมความหรู้เรืองแสงสีฟ้าสวยงามตั้งแต่ Star เครื่องด้วยปุ่มสตารืที่วางไว้ด้านซ้ายของคนขับ ส่วนตรงกลางคอนโซลนั้นเป็นเครื่องเสียงที่ไว้ขับกล่อมและถัดลงมาเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัตที่สัมผัสเดียวก็เย็นสบายทั่วห้องโดยสาร สมรรถนะเป็นเยี่ยมที่มาพร้อมความสะดวกสบาย หลังสำรวจสิ่งต่างละอันพันละน้อยเสร้จเราก็ได้เวลาออกรถจากสำนักงานใหญ่ของ chevrolet และบทพิสูจน์แรกคือความคล่องตัว โดยเฉพาะอาคารจอดรถที่นี้อาจจะไม่แคบแบบปราบเซียน แต่ด้วยความที่รถเยอะทำให้การขับขี่ Cruze กว่าจะหลุดพ้นนี้ต้องใช้เวลากันสักพักใหญ่เลยทีเดียว Cruze ผ่านการทดสอบนี้ด้วยความคล่องตัวที่กระฉับกระเฉงแม้ต้องยอมรับว่า รถนั้นออกแนวเหมือนรถหรูค่อนข้างมาก โดยเฉพาะรอบเดินเบาในความเร็ว Walking Speed ของเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร นั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแต่อาจจะดูแล้วไม่กระฉับกระเฉงมากนัก ทำให้เรารู้สึกว่า การขับ Cruze นั้นสื่อสารออกมาในตัวตนความหรูที่ชัดเจนพอตัวเลยทีเดียว ในที่สุดหลังผ่าน 7 ชั้นอรหันต์ตึกรสา ที่มั่นของค่ายโบว์ไทน ก็มาผจญต่อกับการจราจรติดขัดบนถนนพหลโยธินที่ยังสาหัสเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง การขับออกถนนใหญานี้เราใช้ตำแหน่งเกียร์ D ปกติในการขับรถ ซึ่ง Cruze ให้อัตราเร่งที่ถือว่าใช้ได้ แต่หากจะให้เร้าใจนั้นจำเป็นต้องเค้นกันเสียหน่อย แต่หากหวังที่จะต้องเจอความแรงแบบหลังติดเบาะนั้นอาจจะต้องผิดหวังเล็กน้อย เพราะรถคันนี้เร่งเรื่อยๆแบบรถผู้ดี แต่ยังได้ดั่งใจและนิ่มนวล บนเส้นทางในเมืองนั้นเมื่อขับตามที่ปถุชนคนใช้รถน่าจะขับกันนั้น เราพบว่า Chevrolet Cruze นั้นค่อนข้างมีอัตราประหยัดน้ำที่ออกแนวรับประทาานเล็กน้อย เมื่อมองดูทริปคอมพิวเตอร์ตรงหน้า มันยืนยันว่า 1 ลิตรไปได้เพียง 10.2 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของรถยนต์เครื่องยนต์ 1800 ซีซี Cruze ใช้ Cruise รับรองได้ประหยัดจริง เช้าวันใหม่เราได้ฤกษ์เดินทางออกพิสูจน์สมรรถนะของ Cruze กันอีกครั้งที่แมทช์นี้ปลายทางเราคือทะเลงามหาดทรายสวยยังคงล่องใต้ไปยัง "ชะอำ" ที่เส้นทางแบบ 3 เลน ตลอดทางน่าจะโชว์สมรรถนะการขับขี่ให้เราได้กระจ่างกันมากขึ้น เราขับ Chevrolet Cruze ด้วยความเร็วเดินทางโดยเหมาเอาว่า 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น่าจะเป็นตัวเลขที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 1800 ซีซี และสภาพถนน 3 เลน เกือบตลอดทาง บางครั้งความเร็วขนาดนี้ก็ยอมรับว่าน่าเบื่อแต่เราก็ไม่ลืมที่จะกดคอมพิวเตอร์ที่พบว่า cruze ทำอัตราประหยัดได้ประมาณ 13.5 กิโลเมตรต่อลิตรในการขับที่ความเร็วนี้ โดยใช้รอบเครื่องเพียง2100รอบโดยประมาณที่เกียร์ 6 ถือว่าทำได้ไม่เลวทีเดียว ตัวเลขที่นิ่งอยุ่ที่ 13 กิโลเมตรต่อลิตรนั้นพาเราอดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะทำได้ดีกว่านี้หรือไม่ เพราะเป็นแบบนี้ก็อาจจะสอบตก และถือว่าเป็นโจทย์ที่หนักพนาพอตัวของรถเครื่อง 1.8 ลิตร ที่มีน้ำหนักตัวราวๆ 1300 กิโลกรัม แม้จะพ่วงด้วยเกียร์ 6 สปีดก็ตามที่ แต่เหลียวซ้ายแลขวา ท่ามกลางความหรูและเสียงเพลงที่ขับกล่อมได้ไพเราะกับลำโพง 6 ตัวนั้น มันก็พาลให้เราอยากจะซนระบบ Cruise control การใช้ cruise Control นั้นก็จัดวางตำแหน่งได้ดีและสามารถสื่อสารได้ง่าบกับคนขับเพียงเปิดสวิทชืที่อยู่ในสุดทางด้านซ้าย ที่จัดทำมาในรูปแบบสวิทช์กดนั้น หลังจากนั้นหากจะล็อคความเร้วก็เพียงกดปุ่มเซทเพียงเท่านี้ความเร็วก็จะถูกล็อคไว้อย่างคง โดยการยกเลิกนั้นสามารถทำได้ด้วยปุ่มที่พวงมาลัยเช่นกันหรืออาจจะใช้การแตะเบรคไม่ว่าอะไรก็เป็นการปลดระบบ Cruise Controlทั้งนั้น ระบบ Cruise control นั้นมีข้อดีที่การล็อคความเร็วที่ และมันช่วยให้คุณประหยัดน้ำมันได้ และใน Cruze นี้ไม่ต้องแปลกใจถ้าขับไปขับมาแล้ว Trip computer จะโชว์ว่าคุณทำอัตราประหยัดได้สูงสุดถึง 16 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อวิ่งนอกเมือง ทั้งที่ใช้ความเร็วเดินทางปกติเท่าเดิม ไม่ได้คลานไป นี่เป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างหนึ่งของรถรุ่นนี้ Euro ride ช่วงล่างดีเทียบชั้นรถหรู การขับขี่บนถนนนั้นเรื่องที่หลายคนมองข้ามแต่ส่วนตัวแล้วผมกลับรู้สึกว่ามันสำคัญนั้นคงไม่ใช่อะไรอื่นไกล นอกจากระบบกันสะเทือนหรือที่พวกเรามักเรียกกันว่า "ช่วงล่าง" Chevrolet Cruze นั้นสืบทอดต่อจากบรรพบุรุษอย่าง optra และช่วงล่างสุดพิเศษตามสไตล์ยุโรปหรือ Euro ride นั้น ก็ได้รับการถ่ายทอดมาทำให้ยิ่งขับยิ่งนึกว่า Cruze เป็นรถหรู ด้วยสไตล์ช่วงล่างแบบแน่นแต่ไม่กระด้าง เน้นความนิ่มนวลในการขับขี่มีการซับแรงกระแทกในระดับที่ถือว่าดีพอสมควร ผ่านออกนอกเมืองเราลองเร่งทำความเร็วในระดับความเร็วสูงเพื่อดูสมรรนะของรถโดยรวมว่าจะไปได้สักเท่าไร แต่กระทุ้งอย่างไรเราก็ไม่ผ่านที่ 160 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงไปได้เข้าใจว่าทางโบว์ไทน์คงล็อกเอาไว้ ส่วนช่วงล่างนั้นแม้จะเร็วขึ้น แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่ารถคันนี้อยากจะเหินยังเกาะแน่นเหมือนเดิมแถมยังนิ่งสนิท และค่อนข้างสเถียรมาก ทั้งในยามเปลี่ยนเลน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากระบบ ESP ที่ติดมากับรถช่วยควบคุมการทรงตัวไม่ให้โยน แม้ยามเปลี่ยนเลนกระทันหันก็ตาม ในขณะที่เรื่องการเก็บเสียงห้องโดยสารที่ความเร็วขนาดนี้ยังไม่เสียงลมรอดเข้ามาให้ได้ยินเลยแม้แต่น้อย รวบรัดตัดความ Chevrolet Cruze นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นนิยามใหม่ของคนที่กำลังมองหาคอมแพ็คคาร์ ซึ่งอาจจะไม่อยากขยับขึ้นไปเล่นซีดานขนาดกลาง และกับเจ้า Cruze 1.8 LTZ คันเดียวกันกับที่เราขี่นี้ด้วยสมรรถนะต่างๆออพชั่นเดียวกับรถหรูที่ให้มามันกลับมีราคาเพียง998,000 บาทเท่านั้น แถมยังสบายและคล่องตัวในเมืองอีกต่างหาก ตารางคะแนนการขับขี่ Chevrolet Cruze 1.8 LTZ Sanook! Drive Car Recommended >> Chevrolet Cruze 1.8 LTZ point 92 หัวข้อ คะแนน (เต็ม10) คำแนะนำและข้อเสนอแนะ รูปลักษณ์ภายนอก 9.5 เรือนร่างสุดหรูตั้งแต่ภายนอกทำให้น่าประทับใจและสามารถแสดงออกในตัวตนได้ดีตรงนี้ค่อนข้างจะดูเป้นที่ชืนชอบของใครหลายคนอยู่แล้ว แต่จะติก็ไฟท้ายถ้าดีและฉีกกว่านี้น่าจะดีกว่า ภายในห้องโดยสาร 9.5 ข้างในห้องโดยสารอัดแน่นอนด้วยเทคโนโลยีแถมยังหรูหราในแบบที่ไม่มีใครทำได้เมื่อวัดจากรถกลุ่มเดียวกันแต่เราก็ดันไปเจอสิ่งเล็กน้อบจะว่าข้อผิดพลาดคงไม่ใช่ แต่เหมือนเป็นความตั้งใจกับการปลดเกียร์มาตำแหน่งเกียร์ว่างเวลาจอดขวางที่ต้องแงเช่องเล็กตรงเกียร์ออกมาก่อนเอากุญแจจิ้มเข้าไป ซึ่งความจริงแล้วน่าจะทำยังไงก็ได้ที่ไม่ต้องแงะ มันค่อนข้างเสียงลุคตรงนี้ อีกประการ Chevy มาพลาดเรื่อง DNA ของรถที่สื่อสารได้ดีมาโดยตลอดจะมาตายตอนจบตรง ก้านปัดน้ำฝนกับไฟเลี้ยวที่ดันเหมือนรถญี่ปุ่นเสียงอย่างงั้น นี่ถ้าสลับแบบรถอเมริกันรับรองว่าใครก็เชื่อ ว่า Made in usa สมรรถนะเครื่องยนต์และความประหยัด 9.5 Chevrolet Cruze 1.8 ค่อนข้างลงตัวในด้านความประหยัดส่วนหนึ่งมาจากระบบเกียร์ 6 สปีด ที่ยังมี Manual Mode ให้เลือกเล่นอีกด้วย ส่วนอัตราประหยัดในเมือง 10.2 ก.ม/ลิตร นอกเมืองสุงสุด 16 ก.ม./ลิตรนั้นน่าประทับใจ แต่จากระยะทางกว่า 600 ก.ม.ที่เราขับนั้น เราทำได้อัตราเฉลี่ยราวๆ 14.5 กิโลเมตรต่อลิตรถือว่าเฉยๆ เมื่อเทียบกับจำนวนเกียร์มากขึ้นกว่ารถรุ่นอื่น ระบบกันสะเทือนและเทคโนโลยี 10 ช่วงล่าง Euro ride เป็นความประทับใจที่เราให้คะแนนเต้ม ยิ่งเมื่อรวมกับเทคโนโลยีการขับขี่ที่ถอดเอาจากตัวหรูมาสู่คอมแพ็คคาร์ เราจึงอยากขอให้ GM รักษาเรื่องนี้ต่อไป เรื่องและภาพโดย ณัฐยศ ชูบรรจง ขอบคุณ บริษัท เชฟโรเล็ค เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อรถทดสอบ Chevrolet Cruze 1.8 LTZ ในการทดสอบครังนี้
Sanook! Drive : Chevrolet Cruze 1.8 LTZ….ความหรูหราที่สุดแห่งคอมแพ้คคาร์ที่ยากจะลืมลง
ป้ายกำกับ:
รถยนต์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น