3G Aircard แบบ USB หรือ MiFi เลือกอย่างไรให้คุ้มค่า
อินเทอร์เน็ตไร้สาย ในปัจจุบันนั้น ถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้นในทุกๆปี ซึ่งสมัยก่อน หากเราจำเป็นต้อง เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนอกสถานที่ เราอาจจะใช้มือถือ เป็นโมเด็ม เพื่อให้โน๊ตบุ๊คของเรานั้น สามารถเข้าสู่โลกออนไลน์ โดยไม่จำเป็นจะต้องอยู่ที่บ้านเสมอไป และ ในปัจจุบัน มือถือทั่วไปถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นสมาร์ทโฟน จึงทำให้ อินเทอร์เน็ตไร้สาย ยิ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราๆ ท่านๆ กันมากขึ้นเรื่อยๆ สมาร์ทโฟนบางรุ่น ก็สามารถแชร์ อินเทอร์เน็ตไร้สาย ผ่าน เครือข่าย Wi-Fi ให้กับโน๊ตบุ๊ค หรือแท็บเล็ตได้อีกด้วย ซึ่งถ้าหากอ่านมาถึงตรงนี้ บางท่านอาจจะคิดว่า
ถ้าสมาร์ทโฟนสามารถแชร์อินเทอร์เน็ตได้แล้ว เราจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องใช้ แอร์การ์ด และในปัจจุบัน แอร์การ์ดนั้นก็มีให้เลือกมากมายหลายแบบตามวิวัฒนาการ จึงกลายเป็นไอเดียที่อยากจะแชร์ให้ผู้ที่กำลังตัดสินใจว่า จะเลือกซื้อแอร์การ์ดดีหรือไม่ และจะเลือกรุ่นไหน ถึงจะเหมาะกับการใช้งาน ไว้เป็นแนวทางนั่นเองครับ
ประเภทของ แอร์การ์ดในปัจจุบัน
เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ ทีมงานขอแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ นั่นก็คือ แอร์การ์ดแบบยูเอสบี (USB) และ แอร์การ์ดแบบไร้สาย (MiFi) อันที่จริงๆ ยังคงมีรูปแบบอื่นๆ อีกมาก แต่ทีมงานได้เลือกเอาประเภทที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทั้งสองแบบนั้น ก็มีข้อดี และข้อเสีย แตกต่างกันไป เราลองมาดูกันดีกว่าครับว่า จุดเด่นทั้งสองแบบ มีอะไรบ้าง
USB Aircard 3G
จุดเด่น ณ ตอนนี้ของ Aircard แบบ USB นั้นก็ยังคงอยู่ที่ราคาครับ เพราะ Aircard แบบดังกล่าว มีราคาค่อนข้างที่จะ ถูก กว่าแบบไร้สายมากพอสมควร โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยปลายๆ ไปจนถึงหลายพันบาท โดยความแตกต่างของแต่ละรุ่น ส่ว
นใหญ่จะอยู่ที่การรองรับเครือข่าย และ ความเร็วสูงสุด ที่แอร์การ์ดรุ่นนั้นๆ จะสามารถรับได้นั่นเอง แต่ข้อจำกัดของแอร์การ์ดแบบ USB นั้นก็คือ มันไม่สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ที่ไม่มีพอร์ต USB ได้นั่นเอง รวมถึงอุปกรณ์แท็บเล็ต บางรุ่นที่มีพอร์ต USB ก็อาจจะไม่สามารถใช้แอร์การ์ด USB ก็เป็นได้ครับ ซึ่งอุปกรณ์ที่แนะนำสำหรับ Aircard แบบนี้ ก็คือ Notebook นั่นเองครับ
3G MiFi
เทคโนโลยีไร้สาย ยังคงเป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งถ้าสังเกตดูก็จะเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ตหรือ สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ก็รองรับ การเชื่อมต่อไร้สาย (Wireless) กันทั้งนั้น แต่สำหรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi ตามสถานที่ต่างๆ นั้น จำเป็นจะต้องมี Hotspot มารองรับ ซึ่งแน่นอนครับว่า ถ้าหากที่ๆ คุณไป ไม่มีสัญญาณ Wi-Fi แล้วล่ะก็ คุณก็จะไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งปัญหานี้ได้ถูกแก้ไขโดยการ ซื้อ Aircard แบบไร้สาย (Mifi) มาใช้งานครับ เพราะแอร์การ์ดรุ่นดังกล่าว จะทำการกระจายสัญญาณ จากเครือข่าย 3G ในรูปแบบ Wi-Fi ให้อุปกรณ์ต่างๆ ได้ใช้งานนั่นเองครับ
USB Aircard เหมาะกับการใช้งานแบบไหน
อย่างที่ทราบกันนะครับว่า Aircard ประเภทนี้ จะสามารถใช้งานได้เมื่อเสียบเข้ากับพอร์ต USB บน Notebook และ PC หรือ อุปกรณ์ที่รองรับได้ จึงทำให้ USB Aircard เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งานโน๊ตบุ๊ค และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับอุปกรณ์เพียง 1 ชิ้น เท่านั้น ซึ่ง ข้อดีของ Aircard แบบนี้ ก็คือ ราคาถูก และสามารถรองรับความเร็วสูงสุด ของการเชื่อมต่อแบบ 3G ได้เต็มที่ โดยปัจจุบัน แอร์การ์ด ที่รองรับ 3G จะสามารถรองรับความเร็วตั้งแต่ 7.2Mbps ไปจนถึง 42Mbps กันเลยทีเดียว โดยราคาก็จะแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่หลักร้อย จนถึงหลายพัน ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นครับ
MiFi เหมาะกับการใช้งานแบบไหน
สำหรับ MiFi นั้นแน่นอนครับว่า มันสามารถช่วยอำนวยความสะดวกได้อย่างมาก เนื่องจาก ตัวมันเองทำหน้าที่เสมือนเป็น WiFi Router แบบพกพา โดยใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตจากเครือข่าย 3G คุณแค่เพียงเปิดเครื่องแล้วเก็บไว้ในกระเป๋า โดยไม่จำเป็นต้องนำออกมาแต่อย่างใด ตัวเครื่องจะกระจายสัญญาณ ไวเลส (Wireless) ออกมา เพื่อให้เราสามารถเชื่อมต่อ เสมือนกับมี Hotspot ติดตามคุณไปทุกที่นั่นเอง นอกจากนี้ จุดเด่นของมันก็คือ การที่มันสามารถรองรับการเชื่อมต่อได้มากกว่า 1 เครื่อง คุณสามารถแชร์ 3G ให้เพื่อนๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น โน๊ตบุ๊ค (Notebook),สมาร์ทโฟน (Smartphone) หรือแท็บเล็ต (Tablet) ก็สามารถใช้งานได้ หากอุปกรณ์ดังกล่าว รองรับ WiFi นั่นเอง โดยรุ่นยอดนิยม ในปัจจุบัน จะรองรับความเร็วสูงสุดที่ 7.2Mbps แต่ความสะดวกสบาย ก็แลกมาด้วย ราคาที่สูงกว่านั่นเองครับ
สรุปข้อดีข้อเสียของ USB Aircard
ข้อดี
- รองรับความเร็วได้สูงสุด 42Mbps
- ราคาถูกกว่า MiFi
- ไม่ต้องชาร์จแบตเพื่อใช้งาน
- สามารใช้งานได้ตลอดเวลา เท่าที่ต้องการ โดยไม่ต้องกลัวว่าแบตเตอร์รี่จะหมด
ข้อเสีย
- ด้วยขนาดของแอร์การ์ดบางรุ่น จะยื่นออกมาจากตัวเครื่องค่อนข้างมาก
- สามารถใช้งานได้แค่เพียง 1 เครื่อง
สรุปข้อดีข้อเสียของ Aircard แบบ MiFi
ข้อดี
- รองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า 1 เครื่อง
- สามารถเก็บไว้ในกระเป๋าโดยไม่ต้องหยิบขึ้นมาใช้งาน (อย่าลืมเปิดเครื่องนะครับ)
- สามารถใช้งานได้เสมือนเป็นเครือข่าย WiFi จริงๆ
- เนื่องจากสามารถเก็บไว้ในกระเป๋าได้ จึงไม่เกะกะในระหว่างการใช้งาน
ข้อเสีย
- ต้องชาร์จแบตก่อนใช้งาน
- ใช้งานได้ตามระยะเวลาของแบตเตอร์รี่ที่ชาร์จไว้
- ราคาแพงกว่าแบบ USB
จริงๆ ถ้าจะให้ฟันธงว่า ควรซื้อแบบไหนดี ทีมงานเองก็คงไม่สามารถฟันธงได้ เพราะความคุ้มค่านั้น มันก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน อันดับแรก เราลองดูก่อนดีกว่าว่า เราจำเป็นต้องใช้งานกี่เครื่อง ถ้าคำตอบคืออยากแชร์ให้หลายๆ เครื่องใช้งาน ก็คงต้องเลือก MiFi แต่ถ้าเราใช้งานแค่เครื่องเดียว ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงเพื่อซื้อ MiFi ก็ได้เช่นกันครับ ดังนั้นทีมงานหวังว่า ข้อมูลที่ได้เขียนให้อ่านกันข้างต้น จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจจะเลือกซื้อบ้าง ไม่มากก็น้อยครับ
ขอบคุณที่มาของบทคสามและภาพประกอบจาก : www.techmoblog.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น