"...แม้พละกำลังจะดูน้อยนิด เมื่อเทียบกับขนาดของลำตัว เรื่องความสวยสมส่วนอาจช่วยให้ได้เปรียบมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่มากเท่ากับความ "คุ้มค่า" ของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ให้มาเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวในช่วงแปดแสนต้น..." ด้วยลุค MPV ที่ดูเรียบง่าย ไม่โดดเด่นแต่ก็ไม่ตกยุค ของรถยนต์เอนกประสงค์ 7 ที่นั่ง เลือดแท้จากแดนเสือเหลือง ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้ของ Proton Exora จะราบรื่นไร้ขวากหนาม เมื่อผู้บริหารเดินทางมาถูกแนว ด้วยการเน้นไปที่สินค้า "เพิ่มมูลค่า" ขณะที่ราคายังคงให้ความเป็นกันเอง ทำให้ MPV คันนี้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี มียอดขายสูงแซงหน้าบรรดาคู่แข่งในระดับเดียวกันอย่างน่าประหลาดใจ ============================= หลายคนทักว่า "คล้าย...รุ่นพี่" ในแวดวง แต่ค่าตัวต่างกันจน "น่าตกใจ !!!" ============================= ขับไปไหนต่อไหนมีแต่คนทักคนทายว่าภายนอก Proton Exora หน้ามนกระเดียดไปทางรุ่นพี่ค่าย M หุ่น MPV เหมือน ๆ กัน ตอนแรกคิดว่าคนทัก "ตาถั่ว" แต่พอเดินวนรอบตัวรถถึงได้เห็นความคล้าย ซึ่งนั่นหมายความว่า Exora น่าตาไม่ขี้ริ้ว ถึงขนาดเทียบชั้นรุ่นพี่ได้ ไม่ว่าจะกระจังหน้าประดับโลโก้ Proton พร้อมคิ้วโครเมียมขนาดกำลังสวย เส้นสันฝากระโปรงหน้าซ้าย-ขวาดึงโฉมหน้าให้ดูบึกบึน ซุ้มโป่งล้อทั้ง 4 ดึงขยายสไตล์สปอร์ต ส่งผลให้ตัวรถดูอ้วนใหญ่แต่ไม่เทอะทะ โคมไฟหน้าขนาดใหญ่รับกับกันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอก กระจกมองข้างมาพร้อมไฟ เลี้ยวแบบ LED ประตูทั้ง 4 บานแม้จะไม่สามารถเปิดกว้างแบบบานสไลด์เหมือนคู่แข่ง แต่ก็ขึ้นลงง่ายสบาย ๆ จากการออกแบบพื้นห้องโดยสารที่สูงพอดี ๆ มุมมองด้านข้างดูเป็น MPV สมส่วน มิติรวม ๆ ถือว่าเท่ากับคู่แข่ง ด้านท้ายรถดีไซน์เหลี่ยมจัด ให้ความรู้สึกเหมือนกับขับตามหลังรถตู้ ไฟท้าย LED ขนาดใหญ่วางตั้งตามตำแหน่งเสา D-Pillar ดูกลมกลืนธรรมดา ภายในห้องโดยสารดูกว้างกว่าคู่แข่งในทุกมิติ ขณะที่การดีไซน์ชุดคอนโซลหน้าดูธรรมดา เน้นการใช้ งานที่ง่าย แต่ติตรงที่วัสดุที่ใช้ดูไม่สมกับคำว่า MPV หลักแสนปลายสักเท่าไหร่ ส่วนเรือนไมล์ใช้เส้นสายแสงสีสวย โทนแดงให้อารมณ์สปอร์ตแปลก ๆ แต่อ่านค่าง่าย ไล่ระดับลงมาที่ช่องแอร์ ชุดเครื่องเสียงวิทยุ Single CD/ MP3/WMA พร้อม Bluetooth เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ ส่วนห้องโดยสารตอนหลังให้เครื่องเล่น DVD พร้อมจอ LED ขนาด 8.5 นิ้ว พร้อม SD/MMC Slot และ USB port สำหรับของเล่น 2 ชิ้นนี้ยอมรับว่า "น่าพิสมัย" ยิ่งนัก ตามมาที่ชุดคันเกียร์แบบขั้นบันได การออกแบบดูสวยงาม พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน พร้อมระบบมัลติฟังก์ชันปรับสูง-ต่ำได้อำนวยความสะดวกขณะขับขี่เดินทางใกล้-ไกลได้เป็นอย่างดี ตำแหน่งถ้านั่งโดยรวมเหมือนโซฟานั่งสบาย ให้ทัศนวิสัยชัดเจนจากกระจกรอบคันบานใหญ่ การจัดวางตำแหน่งเบาะนั่ง แบบ 2+3+2 ที่นั่ง ให้พื้นที่วางเท้าเหลือเฟือ ในตำแหน่งเบาะคู่หน้าให้ที่เท้าแขนมาครบ ส่วนแถว 2 มาให้ที่เท้าแขนตรงกลาง 1 จุด โดยเบาะแถว 2 สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานเพื่อเพิ่มเนื้อที่ในการขนสัมภาระได้ค่อนข้างง่ายไม่ยุ่งยาก ขณะที่การเข้า-ออกโดยสารบริเวณเบาะแถว 3 ก็ง่ายดาย ที่สำคัญเบาะแถวนี้สามารถปรับแบนราบได้ เพิ่มประสิทธิภาพในการขนสัมภาระที่จำเป็นต้องใช้พื้นราบได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือห้องโดยสารกว้างใหญ่ขนาดนี้ แต่ Proton ไม่ลืมที่จะใส่ระบบปรับอากาศ พร้อมชุดปรับแรงลมตอนหลัง และช่องแอร์สำหรับที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 มาให้ แหม...เอนกประสงค์คุ้มราคาจนไม่รู้จะติตรงไหน ================ ความต่างระหว่างรุ่น... ================ Proton Exora มีให้เลือก 3 รุ่น 3 ความต่าง โดยรุ่นท็อปค่าตัว 8.19 แสนบาท ได้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและชุดแต่งครบทุกสิ่งอย่าง โดยอุปกรณ์บางชิ้นในรุ่นกลาง Medium Line ราคา 719,000 และ 759,000 บาทไม่มี นั่นคือ กระจกแต่งหน้าฝั่งคนขับ วัสดุหุ้มเบาะและแผงประตูหนัง ที่พักเท้าซ้าย ที่พักแขนเบาะหน้า ไฟตัดหมอกหน้า สปอยเลอร์หลัง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เครื่องเล่น DVD พร้อมจอ LED ขนาด 8.5 นิ้ว พร้อม SD-MMC Slot และ USB port คิ้วโครเมียมแต่งท้ายรถ และอะลูมิเนียมตกแต่งรอบคันเกียร์ ================================== พละกำลัง...แม้จะดูด้อย แต่ระบบช่วงล่างโดดเด่นเหนือคู่แข่ง ================================== Proton Exora มาพร้อมขุมพลัง CPS Campro 1.6L แถวเรียง 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้ความรู้สึกตอบสนองการขับขี่ "จัดจ้าน" กว่า Proton Neo CPS ที่ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด แม้ Neo CPS จะตัวถังเล็กกว่า แต่เรื่องการตอบสนอง Exora โดนใจกว่า การเรียกความเร็วอาจจะต้องทำใจในการไต่ระดับ 0-100 กม./ชม. ใช้เวลานานไปนิด (15.6 วินาที) จากขนาดตัวถังที่ใหญ่โต แต่เรื่องการออกตัวหรือการขับขี่ที่ความเร็วต่ำพอไปวัดไปวาได้ ประมาณเด็ก ๆ ในรถไม่กล้าว่า "ระวังเต่ากัดยาง" ระหว่างทำความเร็วไต่ระดับไปจนถึง 120 กม./ชม. เสียงเครื่องยนต์ร้องครวญครางให้ได้ยินบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นโวยวายจนเลอะเทอะ แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของวัสดุภายในห้องโดยสารที่ Proton พยายามแล้วในการควบคุมเสียงและการเลือกใช้วัสดุ ส่วนอัตราสิ้นเปลืองทดสอบบนเส้นทาง ถ.พระราม 2-จังหวัดเพชรบุรี ระยะทางรวม 150 กม.ไป-กลับ Exora ทำได้ 12.0 กม./ลิตร จิบระดับนี้ถือว่าไม่ขี้เหร่ ด้านระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังแบบอิสระ มัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง แน่นอนว่า Proton Excora ให้การยึดเกาะถนนที่ค่อนข้างดีเยี่ยม ขณะเดียวกันคือให้ความนุ่มนวลของช่วงล่างกลับมาพร้อม ๆ กันด้วย งานนี้คอนเฟิร์มโดยผู้โดยสารที่เป็นช่างภาพ (ป้ายแดง) ผู้ซึ่งชื่นชอบรถยนต์ประเภท MPV เป็นนักหนา ระหว่างทางมีการเปรียบเปรยคู่แข่งตลอดเวลา เสียงสะท้อนที่กลับมาคือ Exoraเหนือกว่าจริงในด้านการทรงตัว และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ให้มาเมื่อเทียบกับราคาจำหน่าย ...สรุปคือ MPV ค่าตัว 8.19 แสนบาท ให้ได้มากเท่านี้...ยังมีอีกหรือไม่?!?
Proton Exora 1.6L High Line 8.19 แสนบาท “ให้ได้มากกว่านี้...มีอีกมั้ย?!“
ป้ายกำกับ:
รถยนต์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น