ในบรรดาเมืองชายทะเลทั้งหลายนั้น 'หัวหิน' ยังคงครองความเป็นหนึ่งในใจหลายคนเสมอ แม้วันคืนจะผ่านไปแต่เมองตากอากาศสุดฮิตแห่งนี้ก็ยังได้รับความนิยมอย่างสูง เรื่อยเลาะลงไปจนถึงชายหาด 'ปราณบุรี' ที่เงียบสงบ ก็ถืิอเป็นจุดหมายพักผ่อนของครอบครัวแห่งใหม่ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ จนเกินไป เพลินวาน : ที่เที่ยวแห่งใหม่ที่หัวหิน "เพลินวาน" คือสถานที่ที่ย้อนอดีตให้เห็นภาพ วิถีชีวิตของคนในยุคก่อน หมู่บ้านย้อนยุคมีชีวิต ชิมรสอาหาร-ขนมอร่อย เลือกซื้อเสื้อผ้า ดูหนังกลางแปลง สัมผัสบรรยากาศแห่งอดีตปี พ.ศ.2499 อดีตอันงดงามจะย้อนกลับมาให้คุณได้หวนระลึกถึง เป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับการพักผ่อนในหัวหิน ร่วมกับครอบครัวหรือคนรัก (เปิดให้บริการทุกวัน จันทร์-พฤหัส : 10.00-22.00 น. , ศุกร์ : 10.00-24.00 น. , เสาร์ : 09.00-24.00 น. , อาทิตย์ : 09.00-22.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม) ชายหาดหัวหิน : หัวหินเป็นที่พักตากอากาศชายทะเลที่เก่าแก่มานานนับร้อยปี ด้วยเพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก เดินทางสะดวก และใครที่ต้องการเที่ยวทะเล เมื่อนึกถึงชาดหาดที่แสนสวย ต้องนึกถึงที่นี่เลย หาดหัวหิน ด้วยเสน่ห์ที่ของชายหาดที่มีหาดทรายขาว สะอาด และกว้างยาวสุดสายตา ไม่มีถนนเลียบชายหาด ไม่พลุกพล่านไปด้วยคนหรือเครื่องเล่นต่าง ๆ มากนัก ทำให้หาดหัวหินจึงเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นที่สุด วัดห้วยมงคล : ชวนกันมานมัสการรูปเหมือนหลวงพ่อทวด องค์ใหญ่ที่สุดในโลกได้ที่วัดห้วยมงคล ที่ไม่ว่าใครจะผ่านไปผ่านมาเป็นต้องแวะไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต เดิมแล้วชื่อ "วัดห้วยคต" ได้รับพระราชทานนามใหม่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็น "วัดห้วยมงคล" ยังมีรูปสลักหลวงพ่อทวดแกะจากไม้ตะเคียนทองขนาดใหญ่ ให้ประชาชนได้สักการะบูชา บริเวณรอบๆองค์พระสามารถมองเห็นทิวเขาล้อมรอบและเห็นเทือกเขาตะนาวศรีกั้น พรมแดนไทย-สหภาพเมียนม่าร์ (เปิดให้เข้าไปสักการะได้ทุกวัน เวลา 05.00 - 21.00 น.) สถานีรถไฟหัวหิน : สถานีรถไฟในประเทศไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา จะคงสถาปัตกรรมเก่าแก่ไว้ และหนึ่งในนั่นคือ สถานีรถไฟหัวหิน เพราะสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานีรถไฟแห่งนี้คือ พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ เป็นพลับพลาจตุรมุข สร้างขึ้นในสมัย ร.6 และยังมีหัวจักรรถไฟไอน้ำรุ่นสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ได้ชม (เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง) อช. เขาสามร้อยยอด : เป็นอช. ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก และมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้คุณเลือกหลายแบบไม่ว่าจะเป็นการดูนกที่หาดสามพระยา การล่องเรือ ล่องแพที่คลองเขาแดง เที่ยวถ้ำพระยานคร ถ้ำแก้ว ถ้ำไทร การล่องเรือชมบัวแดงที่ทุ่งสามร้อยยอด ฯลฯ แนะนำว่าคุณควรจจะมาถึงที่นี่แต่เช้าเพราะจะได้มีเวลาทำกิจกรรมได้หลายอย่าง หรือถ้าใครสนใจอยากจะมากางเต๊นท์นอนและตั้งวงแคมป์ปิ้งกัน ทางอช. ก็มีพื้นที่ให้บริการหลายโซน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณชายหาดหรือริมเชิงเขาก็เข้าทีทั้งนั้น เป็นการแอบอิงใกล้ชิดธรรมชาติดีด้วย (เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30 - 17.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม) น้ำตกป่าละอู : เป็นน้ำตก 15 ชั้น ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้ใคร เงียบ สงบ มีน้ำไหลชุ่มฉ่ำตลอดทั้งปี แล้วไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะมีจุดที่สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างไร้กังวล ช่วงที่เหมาะจะเที่ยวก็อยู่ในช่วงเดือน สิงหาคม - มีนาคม เพราะเป็นช่วงที่มีน้ำมาก การเดินทางราบรื่นดี ถ้าอยากจะชมความงามของน้ำตกได้ชัดเจนต้องไปชมจากบริเวณชั้นที่ 5 ขึ้นไป แต่ส่วนใหญ่จะดูที่บริเวณชั้นที่ 7 เท่านั้น เพราะความสูงชันอาจเกิดอันตรายได้ ต้องใช้ความระมัดระวัง จุดชมทิวทัศน์เขาหินเหล็กไฟ : ที่นี่เป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมากแห่งหนี่ง ซึ่งสามารถชมวิวได้ 4 ทิศ จุดชมวิวนี้สามารถมองเห็นตัวเมือง และอ่าวหัวหิน โดยรอบบนยอดเขาเป็นพื้นที่ราบและผาหินที่สวยงาม มีการปรับปรุงตกแต่งภูมิทัศน์ไว้อย่างน่าชม บนยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปของรัชกาลที่ 7 ในช่วงเย็นชาวหัวหินนิยมขึ้นไปพักผ่อนและออกกำลังกายบนยอดเขานี้ ช่วงเวลาที่เหมาะในการชมวิว คือ ช่วงเช้าตรู่และช่วงเย็นเลยไปถึงแสงไฟระยิบ ระยับของเมืองหัวหินในยามค่ำ ชายหาดปราณบุรี: เป็นชายหาดเงียบสงบ มีบูติกรีสอร์ตเก๋ๆ สไตเมดิเตอร์เรเนียน รวมไปถึงบ้านพักตากอากาศริมทะเลน่ารักๆ เรียงรายตามทิวมะพร้าว ปากน้ำปราณบุรี: เป็นชุมชนชาวประมง สามารถไปเดินเที่ยวชมชาวบ้านทำหมึกแห้ง ยามเย็นจะเห็นเรือหาปลากลับขึ้นฝั่งมา พร้อมกับอาหารทะเลสดๆ ที่หาซื้อได้ในราคาถูก ของฝากจากประจวบฯ มีให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อหลากหลาย รับรองความอร่อยได้เลย ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึกแดดเดียว ที่มีให้เลือกหลายราคาตั้งแต่ 200 - 600 บาทขึ้นไป แล้วแต่ขนาด, กะปิเคย ของแท้เนื้อกะปิจะมีเม็ดดำๆ ราคาจะสูงกว่ากะปิทั่วไป ประมาณ 100 บาทต่อกิโลกรัม, สับปะรดปราณบุรี กก. ละ 15-20 บาท และยังมีผลิตภัณฑ์สับปะรดแปรรูปหลากหลาย ราคาไม่เกินหลักร้อยให้ได้เลือกซื้อเลือกหา การเดินทาง : สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ โทร. 0 3251 3885, 0 3251 3871 เว็บไซต์: www.tourismthailand.org/prachuapkhirikhan เรื่องและภาพ: กันต์ ณ ปกรณ์ ขอขอบคุณข้อมูล: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
รถยนต์ : จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ
1.ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี เข้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางประมาณ 280 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง
2.ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านพุทธมณฑล นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี เข้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
รถโดยสารประจำทาง : มีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 www.transport.co.th บริษัทหัวหิน-ปราณทัวร์ โทร. 0-2894-6057 , 0-2884-6191-2 บริษัทพุดตานทัวร์ โทร.0-2894-6046 บริษัทบางสะพานทัวร์ โทร.08-1829-7752 , 08-1829-8641
รถไฟ : มีรถไฟออกจากสถานีหัวลำโพงทุกวัน โดยรถไฟสายใต้ทุกขบวนต้องผ่านประจวบคีรีขันธ์ และในวันเสาร์ อาทิตย์ รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดขบวนรถนำเที่ยวสายชายทะเลสวนสนประดิพัทธ์ แบบเช้าไปเย็นกลับ และจากสถานีรถไฟธนบุรี มีขบวนรถธนบุรี-หลังสวน ผ่านประจวบคีรีขันธ์ ทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 www.railway.co.th
รถตู้ : มีรถตู้สายกรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์ ออกจากคิวรถในปั๊มซัสโก้ ตรงข้ามกับสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ปิ่นเกล้า ทุกวัน
10 สุดยอดที่เที่ยวฮอต หัวหิน-ปราณบุรี
ป้ายกำกับ:
ท่องเที่ยว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น