เปิดตัว… Toyota Aygo พร้อม ECO Version

Toyota ได้เผยโฉม Toyota Aygo หรือโตโยต้า ไอโกะ อีกหนึ่งรุ่นใน B-Zero Project ที่ได้รับการปรับโฉมไปพร้อมๆ กับ เปอโยต์ และซีตรอง โดยกระจังหน้า และกันชนใหม่ จะมีสันจมูกคล้าย Toyota Yaris เสริมแนวเส้นไฟวิ่งกลางวัน Daytime Running Lights เหมือนเพื่อนๆ มิติก็ยังเท่าเดิมเกือบทั้งคัน ยกเว้นความยาวที่เพิ่มขึ้นมาอีก 15 มม.

ด้านหน้า Toyota Aygo 2013

ส่วนเครื่องยนต์ที่ใช้ทำตลาดคือ 3 สูบ 1.0 ลิตร VVT-i 68 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 22.7 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 102 กรัม/กม. มากกว่า เปอโยต์ และซีตรอง นิดหน่อย แม้จะเป็นรุ่นเกียร์ธรรมดาแล้วก็ตาม

Toyota Aygo 2013

แต่ตัวเลข 99 กรัม/กม. แบบเพื่อนๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มี โตโยต้า ได้เปิดตัว Toyota Aygo ECO Version ที่ทำการปรับอัตราทดเกียร์ 3 ใหม่ และใส่ยางลดแรงต้านทานการหมุน RRC – Rolling Resistance Coefficient ช่วยให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีขึ้น 14% ขยับตัวเลขขึ้นไปเป็น 23.2 กม./ลิตร รวมทั้งได้ตัวเลข 99 กรัม/กม. มาประดับแบบเพื่อนๆ

ด้านข้าง Toyota Aygo 2013

นอกจากนี้ Aygo ยังมีระบบส่งกำลังแบบ MultiMode เกียร์ธรรมดาแบบไร้แป้นคลัทช์ แยกเป็นออปชั่นติดตั้งเพิ่มเติม ระบบเกียร์มีให้เลือก 3 โหมด คือ E – Economy เปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติเพื่อความประหยัดสูงสุด โหมด M – Manual เลือกได้ว่าจะเปลี่ยนเกียร์ที่คันเกียร์ หรือแพดเดิลชิฟท์ ที่ได้รับการติดตั้งเป็นครั้งแรกในเรนจ์ของ Aygo สุดท้ายคือโหมด R หรือ Reverse นั่นเอง ทว่ารุ่นเกียร์ MultiMode จะมีอัตราสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 22.2 กม./ลิตร ส่วน CO2 เพิ่มเป็น 104 กรัม/กม.

ด้านหลัง Toyota Aygo 2013

ส่วนกำหนดการจำหน่ายนั้นจะไล่ๆ กับ เปอโยต์ คือเดือนมีนาคม 2012 และยังคงมีให้เลือกทั้ง 3 และ 5 ประตู

สำหรับแฟนๆ โตโยต้า ในบ้านเราอาจจะต้องรอลุ้นว่าจะมีอะไรเด็ดๆ มาเปิดตัวที่งานมอเตอร์โชว์ 2012 (Motor Show 2012) ในต้นปีนี้ หรือไม่ ซึ่งอันนี้แฟนๆ Toyota ต้องติดตามกันต่อไปครับ

อย่าพลาดติดตามอัลบั้มรูปรถยนต์เด่น พริตตี้น่ารักๆ รวมถึงความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ทั้งไทย และต่างประเทศได้ใหม่กับ Thaicarlover.com ครับ

Toyota Land Cruiser : ปรับโฉมกระตุ้นตลาดอีกระลอก

สำหรับคอออฟโรดที่ชอบเอสยูวีร่างใหญ่ เครื่องยนต์ซีซีเยอะ งานนี้ไม่น่าพลาด เมื่อโตโยต้าเผยโฉมใหม่ในแบบปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์ของ Tog of the line ของตระกูลเอสยูวีอย่างแลนด์ครูสเซอร์ในรหัส 200 Series ออกมาแล้ว เพิ่มความสดใหม่ให้กับรูปลักษณ์รอบคัน พร้อมพลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์วี8 5,700 ซีซี                 งานนี้เรียกว่าค่อนข้างมีความพิเศษสักหน่อย เพราะในรุ่นปรับโฉมนี้ถือว่าเป็นการเฉลิมฉลอง 60 ปีในการทำตลาดของแลนด์ครูสเซอร์ในญี่ปุ่น (ส่วนสหรัฐอเมริกามีขายมานานถึง 50 ปี) ซึ่งความจริงแล้วในตลาดญี่ปุ่น ที่เป็นเวอร์ชัน JDM มีการปรับโฉมเมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ส่วนที่เห็นอยู่นี้เป็นเวอร์ชันสำหรับขายในเมืองลุงแซม และตลาดแห่งอื่นๆ อีก 188 แห่งทั่วโลกที่โตโยต้าส่งแลนด์ครูสเซอร์เข้าไปกวาดตัวเลขยอดขาย

ในแง่ของการปรับโฉมนั้น สังเกตได้ตั้งแต่ด้านหน้า เพราะว่ามีการติดตั้งไฟแบบ Daytime Running Light ซึ่งในปัจจุบันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ กันไปแล้ว  ขณะที่กระจังหน้า กันชนหน้าและกระจกมองข้าง ก็ได้รับการออกแบบใหม่ เพื่อความสวยสะดุดตา ส่วนด้านท้าย จุดหลักของการเปลี่ยนแปลงอยู่ที่กันชนท้าย ส่วนไฟท้ายยังเป็นทรงเดิม แต่มีการปรับรายละเอียดของการติดตั้งไฟสัญญาณต่างๆ ใหม่                  สิ่งที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ สำหรับการปรับโฉมในครั้งนี้คื รายละเอียดที่อยู่ภายใน เพราะนอกจากแลนด์ครูสเซอร์จะสามารถรองรับผู้ขับและผู้โดยสารรวม 8 ที่นั่งแล้ว (แต่ก็มีรุ่นแบบ 5 และ 7 ที่นั่งวางขายด้วย) ตัวรถยังมีการติดตั้งฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมาย เช่น แผงหน้าจอ MID หรือ Multi-Information Display ที่ได้รับการออกแบบใหม่ พร้อมกับติดตั้งไฟสัญญาณแสดงลักษณะการขับเมื่ออยู่ในเงื่อนไขของ Eco Driving, ที่วงพวงมาลัยติดตั้งระบบอุ่นมือเอาไว้ด้วย, ระบบครูสคอนโทรลแบบปรับความเร็วให้สัมพันธ์กับสภาพถนน หรือ Dynamic Radar Cruise Control

อีกสิ่งหนึ่งก็คือ หน้าจอแสดงระดับของตัวรถเวลาลุยทางออฟโรด หรือ Multi-terrain Monitor ซึ่งจะแสดงผลความเอียงและลักษณะของตัวรถทั้งด้านหน้าตรง ด้านหลังตรง และทางด้านข้าง โดยจะทำงานร่วมกับระบบเลือกโหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ Multi-terrain Select system โดยจะเป็นปุ่มเลือกติดตั้งบริเวณฐานคันเกียร์               เครื่องยนต์ที่ทำตลาดมีแบบ เดียวเป็นบล็อกเบนซินวี8 ทวินแคม 48 วาล์ว 5,700 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน มีกำลังสูงสุด  381 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 55.3 กก.-ม. จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะในการถ่ายทอดกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาที่มีการกระจายกำลังหน้า-หลังในอัตราส่วน 40:60%               ในส่วนของการขับเคลื่อน 4 ล้อนั้น ทางโตโยต้ามีการปรับอัตราทดเกียร์โดยใช้อัตราทดต่ำในระดับ2.618 : 1 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลุยวิบาก แถมยังมีโหมด CRAWL Control รับหน้าที่ในการช่วยปรับอัตราทดให้สัมพันธ์กับสภาพเส้นทาง โดยสามารถปรับการกระจายแรงบิดจากห้องเกียร์ไปยังล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 ในถึง 5 ระดับด้วยกัน

สำหรับระบบกันสะเทือนเป็นแบบปีกนก 2 ชั้นที่ได้รับการออกแบบให้มีจุดยึดอยู่ในระดับที่สูงเพื่อประสิทธิภาพในการ ลุยวิบาก ซึ่งนั่นทำให้ตัวรถมีมุมไต่ หรือ Approach Angle อยู่ที่ 30 องศา และมุมจากหรือ Departure Angle อยู่ที่ 20 องศา แถมด้วยการติดตั้งระบบ Kinetic Dynamic Suspension System (KDSS) สามารถปรับระดับของช่วงล่างให้สอดคล้องกับสภาพการขับขี่ ตอบสนองทั้งความนุ่มนวลและการยึดเกาะเวลาอยู่บนออนโรด และให้ความมั่นใจในการลุยวิบากเมื่ออยู่บนเส้นทางออฟโรด               แม้ตลาดญี่ปุ่นจะมีวางขาย แล้ว แต่สำหรับต่างแดนยังต้องรออีกสักระยะ เพราะว่าโตโยต้าจะเปิดตัวแลนด์ครูสเซอร์ ไมเนอร์เชนจ์ในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2012 และจากนั้นก็จะเริ่มทยอยทำตลาดตามภูมิภาคทั่วโลกนับจากเดือนมีนาคมนี้เป็น ต้นไป

BMW มาแปลกจับรุ่นเล็ก New! BMW Series 3 ยัดเครื่องดีเซล

หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เราก็จับจ้อง ถึงการเตรียมมาของว่าที่คอมแพ็คคาร์จากค่ายรถยนต์ BMW รุ่นใหม่ กับ New! BMW Series 3 ที่แม้จะออกมาสักพกักแต่ค่ายตราพัดฟ้า ก็เพิ่งจะเปิดตัวในรุ่นเล็กกัน
ก่อนหน้านี้ BMW Series 3 ใหม่ อาจจะเปิดตัว มาเฉพาะกลุ่มใหญ่ ก่อน แต่ในตอนที่เปิดตัว BMW ก็เปิดเผยว่า เตรียมจะนำรุ่นเล็กกลับมาจำหน่ายเช่นกัน แต่ขอเวลาพัฒนาเครื่องยนต์อีกเล็กน้อย และก็เป็นที่มาของ 3 รุ่น เล็ก ทั้ง 320i,318i และ 316i ที่จะมาครองใครคนชอบสมรรถนะและความหรูอีกครั้ง

2012 BMW Series 3

BMW เริ่มต้นด้วยการแนะนำ BMW 320 I ใน New! BMW Series 3 ใหม่ ด้วยเครื่องเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร มพาร้อมเทอร์โบช่องคู่ และ Double Vanos ที่ผลิตกำลังเพียง 184 แรงม้า ที่ 5000 รอบต่อนาที และรีดแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,250 รอบต่อนาที โดยมาพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่เร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ใน 7.3 วินาที ซึ่งเร็วกว่าเดิมถึง 0.9 วินาที แต่ยังประหยัดด้วยตัวเลขอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยน 5.9 ลิตร /100 กิโลเมตร หรือราวๆ 17 กิโลเมตร ต่อลิตร
รองลงมาความจริงแล้ว BMW 320i มีรุ่นดีเซล แต่เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้า ทว่าในครั้งนี้ BMW รุ่น 318 i และ 316 I จะมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเพียงอย่างเดียว โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร จากรุ่น ก่อนหน้า โดยในรุ่น 318i มาพร้อมพละกำลังสูงสุด 143 แรงม้า รีดแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ระหว่าง 1,750-2,500 รอบต่อนาที สามารถเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ได้ใน 9.1 วินาที และในเกียร์อัตโนมัติ ช้ากว่าเล็กน้อย ที่ 9.3 วินาที
ส่วนความเร็วปลายทะยานได้ 210 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง และบริโภคน่ำมัน 4.5 ลิตร /100 กิโลเมตร หรือประมาณ 22 กิโลเมตรต่อลิตร
ด้านรุ่นเล็กสุ New! BMW Series 3 316i ใช้เครื่องยนต์เดียวกัน แต่ลดกำลังเหลือเพียง 116 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ระหว่าง 1,750-2,500 รอบต่อนาที และ 0-100 ก.ม./ช.ม. ใน 10.9 วินาที และในเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำได้ 11.3 วินาที ให้ความเร็วปลายสูงสุด 202 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ปละประหยัดโดยเฉลี่ย 4.5 กิโลเมตร ต่อลิตรเท่ากัน
แน่นอนว่าบ้านเราอาจจะต้องรอกันอีกสักพักใหญ่สำหรับ New! BMW Series 3 ใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในรุ่นเล็กที่ไม่มีเครื่องยนต์เบนซินนั้น ก็ทำให้มันอาจจะแปลกๆไปสักนิด

• 
• 2012 BMW Series 3

• 
• 2012 BMW Series 3

• 
• 2012 BMW Series 3

รูปภาพ แอคคอร์ด โฉมใหม่ Accord Coupe Concept รูปทรงโฉบเฉี่ยว